ตอนที่ 20 ; Cut scene
ซังโน้มตัวลงก่อนจะท้าวแขนลงบนพื้นที่ข้างโซฟาที่เหลือ
ริมฝีปากอิ่มเผยอเล็กน้อย ตอบรับสัมผัสบางเบาจากคนแก่กว่าโดยง่ายตามห้วงอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
อาจจะเพราะว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมา เวลาเย็นย่ำกับแสงแดดที่พระอาทิตย์กำลังตกนั้นส่องมาสะท้อนให้เห็นนัยน์ตาสีอ่อนของคนที่นั่งเฝ้า พร้อมหนังสือในมือเรื่องหนึ่งที่จำได้ว่าพะยูนชอบมันมาก ๆ
มันเป็นหนังสือที่พะยูนแนะนำให้อีกฝ่ายอ่านตั้งแต่สมัยที่เราเริ่มแลกเปลี่ยนความสนใจเกี่ยวกับตนเองทีละเล็กละน้อย
ไม่นึกว่าจะจำได้แล้วไปซื้อมาอ่านจริง ๆ
"พี่..."
ห้วงคำพูดหายไปอีกรอบ ตอนที่คนพี่ตัดสินใจรั้งอีกฝ่ายจนชิดขอบโซฟาตัวยาว ถ้อยคำที่คนน้องตั้งใจจะเอ่ยออกมาถูกกลืนหายตอนเห็นว่าคนพี่จ้องมาด้วยความจริงจัง
มันเป็นเสี้ยววินาทีหนึ่งที่พะยูนรู้สึกใจเต้นแรงมากกว่าทุกครั้งที่เคยได้รู้สึกกับคนคนนี้
เป็นวินาทีที่เขาเองก็ไม่อยากจะรออะไรอีก ไม่อยากแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยบอกอีกฝ่าย
ว่าเขาโอเค
ว่าเขาเองก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอดทนอดกลั้นอะไรเพื่อตนเองเลย
แค่อยากให้คนพี่ได้ทำตามใจตัวเองบ้าง แค่อยากให้ได้รู้ว่าการรักนั้นไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความเสียสละและอดทนรอ
พะยูนสอดมือเข้ากับท้ายทอยของซัง ชันเข่าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกดริมฝีปากแนบหน้าผากของคนแก่กว่า
ซังหลับตา รองรับสัมผัสนั้นที่ชวนใจเต้น ในขณะที่สองมือประคองสะโพกเจ้าตัวให้แนบหน้าตักกว้างของตนอย่างระมัดระวัง
หน้าผาก ดวงตาทั้งสองข้าง
และปลายจมูกถูกสัมผัสชื้นแตะลงเบาบาง
เพียงแค่นั้นซังก็สั่นไปทั้งใจ
เราทั้งคู่แลกจูบลึกซึ้งกว่าทุกครั้งที่เคยทำมา กอดก่ายกันอย่างไม่เก็บกักความในใจ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าด้วยช่วงวัยนั้น กับเรื่องนี้ไม่ได้เป็นสิ่งน่าอายเลย
มันก็แค่ภาษาบอกรักอีกภาษา
พะยูนเงยหน้า หายใจหอบเหนื่อยเมื่อรับรู้ถึงเรียวลิ้นชื้นที่ไล้ที่ลำคอ ซังกดจูบก่อนจะขบเม้มเบา ๆ เขาไม่อยากให้ร่องรอยนั้นเด่นชัดเกินไปเพราะยังห่วงน้องที่ต้องไปทำงานในอีกสามวันข้างหน้า
"กัดได้นะ"
น้องกระซิบเสียงเบา ขณะที่ซังห้ามใจอย่างยิ่งยวด
ให้ตายเถอะ
จะทำให้คลั่งไปถึงไหน
"เดี๋ยวเพื่อนน้องยูนล้อ" ซังกระซิบ "อีกอย่าง...เจ้านายเราก็หวงน้องยูนกับพี่มาก แค่พี่ขอให้เขาเซ็นอนุมัติให้เรามากับพี่ พี่ก็แทบโดนตีให้ตายแล้ว"
พะยูนหัวเราะเสียงเบากับคำตอบนั้น อีกฝ่ายดูน่ารักดีเวลาที่เอ่ยออกมาทั้งที่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องราวระหว่างเราในตอนนี้เสียเปล่า
ร่างกายท่อนบนของเราเปลือยเปล่าโดยง่าย ยามที่ได้รับความร่วมมือจากกันและกัน สัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากของซังนั้นราวกับจะปลอบโยนให้ใจเย็น แต่บางครั้งก็เร่งเร้าเสียจนพะยูนเผลอจิกมือลงที่ไหล่เปลือยของคนพี่เสียเต็มแรงด้วย
ซังกัดฟันเล็กน้อย ตอนที่คนน้องจูบเบา ๆที่กกหู ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่ไหล่ตอนถูกจูบและขบเม้ม เขาไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าในวันรุ่งขึ้นมันจะยิ่งกว่าแดงก่ำในตอนนี้เสียอีก
"รอตรงนี้"
ซังมองตามอีกคนที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาทั้งที่โยนของบางอย่างที่ซังแอบซ่อนไว้ในกระเป๋าอย่างลวก ๆ
ทั้งที่ตั้งใจจะแอบไว้ไม่ให้น้องเห็น แต่น้องดันจับได้เสียนี่
"ใจเย็นครับ..."
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เหมือนกับกล่อมตัวเองมากกว่า ตอนที่เห็นพะยูนใช้ฟันเขี้ยวเล็ก ๆ กัดมุมซองฟรอยด์แล้วฉีกจนมันร่วงหล่นลงมาด้วยตัวเอง บอกตามตรงว่าเขาแทบจะพุ่งเข้ารั้งอีกฝ่ายให้นอนแนบกับพื้นพรมที่น้องนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เพราะรู้ว่าถ้าอดทนสักนิด รางวัลที่ได้มันจะงดงามกว่า
เขาเลยรอแม้ใจจะร้อนรุ่ม
พะยูนปลดกางเกงคนพี่อย่างลวก ๆ มองเห็นส่วนดุนดันใต้อันเดอร์แวร์สีดำสนิทยิ่งรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขากลับไม่อยากละสายตากับทุกการกระทำที่เกิดขึ้นด้วยมือของนเอง
เขาอยากจะรู้จักกับอีกฝ่ายมากกว่านี้ ผ่านทางร่างกายของเขา...
หมายถึง กับการใช้ริมฝีปากทักทาย
ซังคำรามออกมาในลำคอ ตอนที่น้องกัดลงที่หน้าท้องของตนเองสองสามครั้ง เขาลูบลงที่กลุ่มผมสีอ่อน มองน้องค่อย ๆ ทักทายส่วนนั้นด้วยปลายลิ้น และริมฝีปากร้อนที่อ้อยอิ่งราวกับจะยั่วให้เขาหมดความอดทน
และใช่
มันได้ผล
ซังรั้งท้ายทอยคนเด็กกว่า ขยับสะโพกสอบใส่แผ่วเบาราวกับจะเตือนน้องไม่ให้ซนไปมากกว่านี้ แต่น้องกลับรั้นเหลือเกิน จนทำให้เขาทำได้เพียงแค่ขย้ำกลุ่มผมน้องและครางออกมาเสียงต่ำอย่างอดกลั้นไม่ไหว
"น้องยูนㅡ"
"พี่ซังชอบไหม?"
เขาไม่ได้ตอบ ทำเพียงแค่รั้งไหล่น้องขึ้นมาให้แนบตักกว้าง แลกจูบเสียจนเปรอะเปื้อนด้วยน้ำลาย ก่อนจะหอมแก้มน้องซ้ายขวาหลายหน
"เราไหวไหม?"
คนเด็กกว่าพยักหน้า ตอนค่อย ๆ ขยับครอบครองตัวตนของเขาอย่างเงียบเชียบ เขาบีบช่วงเอวของน้องเบา ๆ พรมจูบแถวอกเพื่อให้น้องผ่อนคลายกว่านี้สักหน่อย
มันรัดแน่นไปหมด
ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจของน้อง ซังเอ่ยขอบคุณเบา ๆ อีกครั้งเพราะรู้ว่าน้องทำเพื่อตนเองขนาดไหน กระชับกอดพร้อมกระซิบให้รับรู้ว่าเขาเองก็ความอดทนน้อยลงกว่าเดิมเหมือนกัน
"เก่งมาก เด็กดี"
ซังเอนตัวลงพิงพนักโซฟา ภาพตรงหน้ายิ่งกว่าเทพบนสวรรค์ที่เคยนึกคิดในเทพนิยายที่อ่านผ่านตา
ผิวขาวของน้องขึ้นเจือสีแดงไปเกือบทั้งตัว
แสงอาทิตย์ที่ตกดินเร้นลอดผ่านม่านพาดทับร่างกายของน้องที่กำลังขยักโยกบนตัวตนของเขา
ราวกับสาดส่องจากสวรรค์
น้องเป็นยิ่งกว่าทุกอย่างในโลกใบนี้เสียอีก
ซังมองคนเด็กกว่าที่เริ่มขยับช้าลง น้องกอดรัดช่วงลำคอ เราไร้ซึ่งบทสนทนามาสักพักใหญ่เพราะเสียงครางที่ดังกลบเสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้ เพลย์ลิสโลดแล่นไปเรื่อยไม่ต่างจากแรงโถมใส่ของซังที่มอบให้พะยูนไม่มีตก
"มะ ไม่ไหว"
"อีกนิด" ซังกดปลายจมูกลงข้างแก้มน้อง "เด็กดี อีกนิดนะ"
พะยูนส่ายหน้า สะดุ้งเฮือกยามที่แรงตอกอัดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นสัญญาณว่าเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน ฝ่ามือกดลงที่ไหล่ของคนพี่ก่อนจะกระตุกกายเต็มแรงเมื่อฝ่ามือของคนพี่ปลอบโยนจนปลดปล่อย
พะยูนมองซังที่ผละตัวออกเล็กน้อย เหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมคนพี่หยดลงตามข้างลำคอที่มีร่องรอยที่ตัวเองทำไว้
และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่พะยูนเห็น ก่อนจะหลุบตาลงพร้อมคำรามต่ำออกมา
รับรู้ถึงแรงสอดใส่สุดท้าย ซังรั้งเรียวขาน้องให้อ้ากว้างพาดผ่าช่วงไหล่ตนเองและพนักโซฟาแคบ สอบอัดสอดใส่เร่งเร้า ก่อนหยาดน้ำขุ่นจะปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในเครื่องป้องันที่สวมใส่
เราป้อนจูบพัวพันเพื่อปลอบโยน ก่อนจะผละริมฝีปากออกเพื่อผ่อนลมหายใจ
"...ไปในห้อง"
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่พี่ซังบอกเขาให้รู้ ก่อนจะถอนตัวตนออกจากร่างกายเขาจนส่วนเติมเต็มนั้นว่างเปล่า
...และแสงอาทิตย์ตกดินก็ไม่ได้มีโอกาสมองเห็นคนสองคนที่กอดก่ายในเย็นวันนั้นอีก
ซังโน้มตัวลงก่อนจะท้าวแขนลงบนพื้นที่ข้างโซฟาที่เหลือ
ริมฝีปากอิ่มเผยอเล็กน้อย ตอบรับสัมผัสบางเบาจากคนแก่กว่าโดยง่ายตามห้วงอารมณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
อาจจะเพราะว่าพอลืมตาตื่นขึ้นมา เวลาเย็นย่ำกับแสงแดดที่พระอาทิตย์กำลังตกนั้นส่องมาสะท้อนให้เห็นนัยน์ตาสีอ่อนของคนที่นั่งเฝ้า พร้อมหนังสือในมือเรื่องหนึ่งที่จำได้ว่าพะยูนชอบมันมาก ๆ
มันเป็นหนังสือที่พะยูนแนะนำให้อีกฝ่ายอ่านตั้งแต่สมัยที่เราเริ่มแลกเปลี่ยนความสนใจเกี่ยวกับตนเองทีละเล็กละน้อย
ไม่นึกว่าจะจำได้แล้วไปซื้อมาอ่านจริง ๆ
"พี่..."
ห้วงคำพูดหายไปอีกรอบ ตอนที่คนพี่ตัดสินใจรั้งอีกฝ่ายจนชิดขอบโซฟาตัวยาว ถ้อยคำที่คนน้องตั้งใจจะเอ่ยออกมาถูกกลืนหายตอนเห็นว่าคนพี่จ้องมาด้วยความจริงจัง
มันเป็นเสี้ยววินาทีหนึ่งที่พะยูนรู้สึกใจเต้นแรงมากกว่าทุกครั้งที่เคยได้รู้สึกกับคนคนนี้
เป็นวินาทีที่เขาเองก็ไม่อยากจะรออะไรอีก ไม่อยากแม้แต่จะเอื้อนเอ่ยบอกอีกฝ่าย
ว่าเขาโอเค
ว่าเขาเองก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องอดทนอดกลั้นอะไรเพื่อตนเองเลย
แค่อยากให้คนพี่ได้ทำตามใจตัวเองบ้าง แค่อยากให้ได้รู้ว่าการรักนั้นไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความเสียสละและอดทนรอ
พะยูนสอดมือเข้ากับท้ายทอยของซัง ชันเข่าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกดริมฝีปากแนบหน้าผากของคนแก่กว่า
ซังหลับตา รองรับสัมผัสนั้นที่ชวนใจเต้น ในขณะที่สองมือประคองสะโพกเจ้าตัวให้แนบหน้าตักกว้างของตนอย่างระมัดระวัง
หน้าผาก ดวงตาทั้งสองข้าง
และปลายจมูกถูกสัมผัสชื้นแตะลงเบาบาง
เพียงแค่นั้นซังก็สั่นไปทั้งใจ
เราทั้งคู่แลกจูบลึกซึ้งกว่าทุกครั้งที่เคยทำมา กอดก่ายกันอย่างไม่เก็บกักความในใจ เพราะต่างคนต่างรู้ว่าด้วยช่วงวัยนั้น กับเรื่องนี้ไม่ได้เป็นสิ่งน่าอายเลย
มันก็แค่ภาษาบอกรักอีกภาษา
พะยูนเงยหน้า หายใจหอบเหนื่อยเมื่อรับรู้ถึงเรียวลิ้นชื้นที่ไล้ที่ลำคอ ซังกดจูบก่อนจะขบเม้มเบา ๆ เขาไม่อยากให้ร่องรอยนั้นเด่นชัดเกินไปเพราะยังห่วงน้องที่ต้องไปทำงานในอีกสามวันข้างหน้า
"กัดได้นะ"
น้องกระซิบเสียงเบา ขณะที่ซังห้ามใจอย่างยิ่งยวด
ให้ตายเถอะ
จะทำให้คลั่งไปถึงไหน
"เดี๋ยวเพื่อนน้องยูนล้อ" ซังกระซิบ "อีกอย่าง...เจ้านายเราก็หวงน้องยูนกับพี่มาก แค่พี่ขอให้เขาเซ็นอนุมัติให้เรามากับพี่ พี่ก็แทบโดนตีให้ตายแล้ว"
พะยูนหัวเราะเสียงเบากับคำตอบนั้น อีกฝ่ายดูน่ารักดีเวลาที่เอ่ยออกมาทั้งที่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เรื่องราวระหว่างเราในตอนนี้เสียเปล่า
ร่างกายท่อนบนของเราเปลือยเปล่าโดยง่าย ยามที่ได้รับความร่วมมือจากกันและกัน สัมผัสแผ่วเบาจากริมฝีปากของซังนั้นราวกับจะปลอบโยนให้ใจเย็น แต่บางครั้งก็เร่งเร้าเสียจนพะยูนเผลอจิกมือลงที่ไหล่เปลือยของคนพี่เสียเต็มแรงด้วย
ซังกัดฟันเล็กน้อย ตอนที่คนน้องจูบเบา ๆที่กกหู ก่อนจะรู้สึกเจ็บที่ไหล่ตอนถูกจูบและขบเม้ม เขาไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าในวันรุ่งขึ้นมันจะยิ่งกว่าแดงก่ำในตอนนี้เสียอีก
"รอตรงนี้"
ซังมองตามอีกคนที่เดินหายเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเดินออกมาทั้งที่โยนของบางอย่างที่ซังแอบซ่อนไว้ในกระเป๋าอย่างลวก ๆ
ทั้งที่ตั้งใจจะแอบไว้ไม่ให้น้องเห็น แต่น้องดันจับได้เสียนี่
"ใจเย็นครับ..."
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เหมือนกับกล่อมตัวเองมากกว่า ตอนที่เห็นพะยูนใช้ฟันเขี้ยวเล็ก ๆ กัดมุมซองฟรอยด์แล้วฉีกจนมันร่วงหล่นลงมาด้วยตัวเอง บอกตามตรงว่าเขาแทบจะพุ่งเข้ารั้งอีกฝ่ายให้นอนแนบกับพื้นพรมที่น้องนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยซ้ำ
แต่เพราะรู้ว่าถ้าอดทนสักนิด รางวัลที่ได้มันจะงดงามกว่า
เขาเลยรอแม้ใจจะร้อนรุ่ม
พะยูนปลดกางเกงคนพี่อย่างลวก ๆ มองเห็นส่วนดุนดันใต้อันเดอร์แวร์สีดำสนิทยิ่งรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เขากลับไม่อยากละสายตากับทุกการกระทำที่เกิดขึ้นด้วยมือของนเอง
เขาอยากจะรู้จักกับอีกฝ่ายมากกว่านี้ ผ่านทางร่างกายของเขา...
หมายถึง กับการใช้ริมฝีปากทักทาย
ซังคำรามออกมาในลำคอ ตอนที่น้องกัดลงที่หน้าท้องของตนเองสองสามครั้ง เขาลูบลงที่กลุ่มผมสีอ่อน มองน้องค่อย ๆ ทักทายส่วนนั้นด้วยปลายลิ้น และริมฝีปากร้อนที่อ้อยอิ่งราวกับจะยั่วให้เขาหมดความอดทน
และใช่
มันได้ผล
ซังรั้งท้ายทอยคนเด็กกว่า ขยับสะโพกสอบใส่แผ่วเบาราวกับจะเตือนน้องไม่ให้ซนไปมากกว่านี้ แต่น้องกลับรั้นเหลือเกิน จนทำให้เขาทำได้เพียงแค่ขย้ำกลุ่มผมน้องและครางออกมาเสียงต่ำอย่างอดกลั้นไม่ไหว
"น้องยูนㅡ"
"พี่ซังชอบไหม?"
เขาไม่ได้ตอบ ทำเพียงแค่รั้งไหล่น้องขึ้นมาให้แนบตักกว้าง แลกจูบเสียจนเปรอะเปื้อนด้วยน้ำลาย ก่อนจะหอมแก้มน้องซ้ายขวาหลายหน
"เราไหวไหม?"
คนเด็กกว่าพยักหน้า ตอนค่อย ๆ ขยับครอบครองตัวตนของเขาอย่างเงียบเชียบ เขาบีบช่วงเอวของน้องเบา ๆ พรมจูบแถวอกเพื่อให้น้องผ่อนคลายกว่านี้สักหน่อย
มันรัดแน่นไปหมด
ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจของน้อง ซังเอ่ยขอบคุณเบา ๆ อีกครั้งเพราะรู้ว่าน้องทำเพื่อตนเองขนาดไหน กระชับกอดพร้อมกระซิบให้รับรู้ว่าเขาเองก็ความอดทนน้อยลงกว่าเดิมเหมือนกัน
"เก่งมาก เด็กดี"
ซังเอนตัวลงพิงพนักโซฟา ภาพตรงหน้ายิ่งกว่าเทพบนสวรรค์ที่เคยนึกคิดในเทพนิยายที่อ่านผ่านตา
ผิวขาวของน้องขึ้นเจือสีแดงไปเกือบทั้งตัว
แสงอาทิตย์ที่ตกดินเร้นลอดผ่านม่านพาดทับร่างกายของน้องที่กำลังขยักโยกบนตัวตนของเขา
ราวกับสาดส่องจากสวรรค์
น้องเป็นยิ่งกว่าทุกอย่างในโลกใบนี้เสียอีก
ซังมองคนเด็กกว่าที่เริ่มขยับช้าลง น้องกอดรัดช่วงลำคอ เราไร้ซึ่งบทสนทนามาสักพักใหญ่เพราะเสียงครางที่ดังกลบเสียงเพลงที่เปิดทิ้งไว้ เพลย์ลิสโลดแล่นไปเรื่อยไม่ต่างจากแรงโถมใส่ของซังที่มอบให้พะยูนไม่มีตก
"มะ ไม่ไหว"
"อีกนิด" ซังกดปลายจมูกลงข้างแก้มน้อง "เด็กดี อีกนิดนะ"
พะยูนส่ายหน้า สะดุ้งเฮือกยามที่แรงตอกอัดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นสัญญาณว่าเราจะผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน ฝ่ามือกดลงที่ไหล่ของคนพี่ก่อนจะกระตุกกายเต็มแรงเมื่อฝ่ามือของคนพี่ปลอบโยนจนปลดปล่อย
พะยูนมองซังที่ผละตัวออกเล็กน้อย เหงื่อที่ซึมออกมาตามไรผมคนพี่หยดลงตามข้างลำคอที่มีร่องรอยที่ตัวเองทำไว้
และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่พะยูนเห็น ก่อนจะหลุบตาลงพร้อมคำรามต่ำออกมา
รับรู้ถึงแรงสอดใส่สุดท้าย ซังรั้งเรียวขาน้องให้อ้ากว้างพาดผ่าช่วงไหล่ตนเองและพนักโซฟาแคบ สอบอัดสอดใส่เร่งเร้า ก่อนหยาดน้ำขุ่นจะปลดปล่อยออกมาทั้งหมดในเครื่องป้องันที่สวมใส่
เราป้อนจูบพัวพันเพื่อปลอบโยน ก่อนจะผละริมฝีปากออกเพื่อผ่อนลมหายใจ
"...ไปในห้อง"
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่พี่ซังบอกเขาให้รู้ ก่อนจะถอนตัวตนออกจากร่างกายเขาจนส่วนเติมเต็มนั้นว่างเปล่า
...และแสงอาทิตย์ตกดินก็ไม่ได้มีโอกาสมองเห็นคนสองคนที่กอดก่ายในเย็นวันนั้นอีก
END CUT SCENE
กลับไปบรีฟกันต่อในจอยนะคะ เริ้บ