BABYHOONIE

BABYHOONIE
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MinYoon Leaderline แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ MinYoon Leaderline แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560

[FICLET] SONG MINHO X KANG SEUNGYOON : BEST OF ME






BEST OF ME

(side story – BREA+HE)





“จะหมดปีแล้ว มีแผนเคาท์ดาวน์กับใครหรือเปล่า?”

คำถามนี้ทำให้มินโฮที่ยังนั่งอยู่หลังห้องเลกเชอร์ขณะที่เรียนในคลาสนั้นต้องเลิกคิ้ว มินโฮไม่ได้ตอบคำถามอะไร นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่มีคำตอบในใจ

เขามี แต่กำลังรู้สึกลังเลว่าจะเริ่มมันดีไหมมากกว่า

คำถามนั้นตกตะกอนในใจ ในช่วงใกล้สิ้นปีที่หิมะตกเบาบาง แม้จะเป็นช่วงแห่งการเรียนอยู่ แต่เขากลับไม่มีสมาธิจดจ่อกับมันมากนัก เหตุเพราะคนตรงหน้าห้องที่เป็นตัวแปรสำคัญให้เขารู้สึกเช่นนั้น

จะเริ่มทำความรู้จักดีไหมนะ?

จะทำยังไงดี ถึงจะเริ่มบทสนทนาได้แบบไม่แปลกประหลาด

มินโฮรู้สึกว่ามันช่างแสนงี่เง่า ที่เขายังคิดเช่นนั้นวนเวียนไปมาตั้งแต่หลังวันคริตสมาสต์แล้ว เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีและมันคล้ายกับหนูที่ติดจั่นจนไปไหนไม่ได้ เหตุเพราะเขารู้สึกสะดุดตากับคนคนนี้มากเป็นพิเศษ

คนตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย ผิวขาวและริมฝีปากสีแดงสดแสนอวบอิ่ม

เขารู้ว่าอีกฝ่ายชื่อคังซึงยุน จากการที่ได้ยินเพื่อนในคลาสเรียก เราเรียนคณะเดียวกัน เจอกันค่อนข้างบ่อย(ก็เฉพาะเวลาเรียน)แต่ไม่เคยคุยกันเลยเพราะอีกฝ่ายดูจะติดเงียบกว่าที่คิด

“สมมตินะ” มินโฮเกริ่นหลังจากนั่งคิดนานสองนาน “ถ้าฉันไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แล้วจู่ๆเดินไปทัก มันจะแปลกไหม?”

“เฮ้ นายหน่ะ” เพื่อนของเขาพูดขึ้นมา “ตกหลุมรักหรอ? ใครหน่ะ?”

“ถามก็ตอบดิ”

มินโฮรู้สึกอายนิดหน่อย เขาไม่น่าเกริ่นคำถามแบบนี้เลย เพื่อนของเขาหัวเราะก่อนจะยกมือปิดปากเมื่ออาจารย์หน้าคลาสหันมามองก่อนจะกระซิบ

“ไม่ยากเลยเพื่อน นายหล่อ รุกเลย”

“เอางั้นเลยหรอ”

“ใช่” เพื่อนคนั้นยืนยัน “หาโอกาสเหมาะๆ รุกแล้วป้าบเลย โอ้ย!

“นี่นักศึกษาสองคนด้านหลังหน่ะ คุณเงียบๆหน่อย!!!




มินโฮเลิกคลาสลงทั้งกลับมาคิดถึงสิ่งที่คุยกับเพื่อน ก่อนจะทำหน้าคิดไม่ตก

พูดอ่ะมันง่าย แต่ทำอ่ะมันเหมือนกับที่คิดซะที่ไหน แน่ละมินโฮไม่เคยเข้าหาในเชิงรุกจีบกับใครมาก่อน ถึงเพื่อนหลายคนจะบอกว่าเขาไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ก็เถอะ แต่ว่าเขาไม่ใช่คนประเภทนั้นซะหน่อย

มินโฮมองด้านนอก ก่อนจะต้องถอนใจเมื่อหิมะตกหนัก เขาอุตส่าห์รอให้มันซาลงแล้วเชียว มินโฮหยิบร่มออกมาก่อนจะตัดสินใจกางมัน ที่คณะตอนนี้ไม่มีใครแล้ว มินโฮจึงเดินออกไปก่อนจะชะงัก

นั่นมัน...

ทำไงดี นั่นมันคนนั้น...

มินโฮชะงักฝีเท้า เพราะเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร การเริ่มบทสนทนาช่างยากเย็น ก่อนคำพูดของเพื่อนในคลาสจะดังในหัว

เอาวะ...

เห้ย นายอ่ะ

“…”

ไปยืนตากหิมะตรงนั้นทำไม จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง

...ให้ตาย ทำไมห่ามขนาดนั้น

มินโฮไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้เลย เขาตั้งใจจะพูดให้มันดูดีกว่านี้ แต่ก็นั่นแหละ เขารู้สึกเขินเกินกว่าจะทำแบนั้น อีกฝ่ายหันกลับมามองหน้านิ่ง ก่อนจะเผยรอยยิ้มจางบนใบหน้า

มินโฮรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบรัดอย่างรุนแรง

น่ารัก...โคตรน่ารัก ยิ่งยิ้มยิ่งน่ารัก

“ขอบคุณนะ”

น้ำเสียงนั่นใสกว่าที่คิด มินโฮรู้สึกเหมือนถูกกระชากดวงใจเมื่ออีกฝ่ายขยับเข้ามาอยู่ในร่มคันเดียวกัน ก่อนจะบอกว่าจะไปร้านกาแฟข้างหน้าเสียหน่อย

มินโฮไม่ปฏิเสธคำขอร้องนั้น ก่อนจะเดินกางร่มให้อีกฝ่าย

เราเดินคู่กัน ผ่านหิมะที่เริ่มตกหนักขึ้น และบรรยากาศยามพลบค่ำที่มีแสงไฟตกแต่งตามท้องถนน

ให้ตาย...รู้สึกดีเป็นบ้าเลย




“....ยังจำได้อีก”

มินโฮเกาหัวเมื่อซึงยุนนั่งอยู่ตรงข้ามทั้งที่ยิ้มจาง ก่อนซึงยุนจะหัวเราะคิกคัก

“ก็หน้านายตลก ตอนที่พูดชวนฉันไปเคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่พอฉันแกล้งถามย้ำนายก็เปลี่ยนเรื่อง”

“มันเขิน...”

“เขินอะไรหล่ะ”

“นายไม่เข้าใจฉันหรอกซึงยุน”

ซึงยุนหัวเราะก่อนจะผละมือมากุมมือของมินโฮ มินโฮตาโต ก่อนอีกฝ่ายจะยกยิ้มจาง

“ฉันแก้ตัวก็ได้”

“...”

“มินโฮ ปีนี้อยู่เคาท์ดาวน์กับฉันนะ”

“...ปฏิเสธได้ที่ไหนหล่ะ”

ซึงยุนหัวเราะออกมาก่อนจะมองซ้ายขวา เมื่อบริเวณร้านไร้ซึ่งผู้คน ก่อนจะยื่นตัวข้ามโต๊ะมากดริมฝีปากลงที่ริมฝีปากหยัก มินโฮตกใจ ก่อนจะพูดออกมา

“เฮ้ นาย!!!

ซึงยุนหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดย้ำ

“ปีนี้...อยู่ด้วยกันนะ มินโฮยา”



-END-









วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho : Step Up 8

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho

Story : Step Up 8











“ไหนของฝากกู”

“โน่น บนโต๊ะ” ผมเดินไปที่โต๊ะหนังสือของมันก่อนจะต้องยู่หน้าเมื่อเห็นว่าของฝากที่มันพูดถึงคือขนมที่อยู่ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป “ของแบบนี้กูก็ซื้อแถวนี้ได้หรือเปล่าวะ”

“แล้วมึงจะเอาไหมซงมินโฮ”

กูเอาก็ได้...

ทำไมต้องดุ

ผมแกล้งทำท่าหงอยลงก่อนจะหยิบขนมออกมาแกะและนั่ง มองซึงยุนที่สาละวนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าของมันก่อนจะยู่หน้า มันเอาแต่สนใจอะไรของมันก็ไม่รู้ ก่อนที่ผมจะเอ่ยออกมาถึงเรื่องที่คิดไว้มาครู่หนึ่งแล้ว

“ซึงยุน”

“ว่า”

“กูอยากไปเที่ยว”

ได้ผล ซึงยุนชะงักก่อนจะเงยหน้าจากกองอะไรนั่นได้สักที มันมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่แปลกใจพอสมควร เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวมากเท่าไร (ยกเว้นไปผับบ้าง) แต่ก็นั่นแหละ มันคงสงสัยไม่น้อย

“อารมณ์ไหนของมึง”

“อารมณ์อยากไปที่ที่มีแค่กูกับมึงไง”

ซึงยุนหน้าแดงขึ้นหน่อยๆกับคำพูดของผม ผมเห็นว่ามันแกว่งมือขึ้นเล็กน้อยซึ่งเป็นท่าปกติของมันเวลาที่อายหรือเขินอะไรสักอย่าง ประโยคเมื่อครู่คงเลี่ยนมากสำหรับมันกับผมที่เป็นเพื่อนกันมานานมันถึงได้แสดงท่าทีออกมาแบบนั้น ผมไม่ได้ถือสาอะไรหรอกก่อนจะลุกขึ้น

“มึงจะไปไหนมินโฮ”

“กูว่ามึงตัดสินใจยาก...กูจะเดินไปขอแม่มึงนั่นแหละ ง่ายกว่า”

แน่หล่ะ ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้จะไปยากอะไร ในเมื่อมันลังเล ผมก็เข้าทางแม่มันซะก็จบเรื่อง






“มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ”

“ก็กูอยากมานี่นา”

ผมพูดก่อนจะยิ้มกว้างให้มัน ตอนนี้กองเสื้อผ้าถูกขนย้ายจากบ้านผมมาที่บ้านมันเรียบร้อยเพราะผมต้องออกเดินทางแต่เช้า ถ้าถามว่าผมจะไปไหน ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ระยะเวลาช่วงนี้ผมแค่อยากที่จะอยู่กับมันให้มากที่สุด ผมเลยมานอนที่บ้านมันเลย จะได้ง่ายตอนออกเดินทางด้วย...

นั่นมันก็แค่คำพูดให้ดูดี

ความจริงคือผมคิดถึงมันหน่ะ

อยากกอด อยากหอม อยากจูบ

อยากฟัดแก้มมันไม่ไหวแล้ว



ผมนอนมองมันที่ตอนนี้กำลังจัดเสื้อผ้าไปบ่นไป ก็เห็นมันเป็นแบบนี้ตลอด บ่นทุกสิ่งทุกอันที่จะสามารถบ่นได้ แต่ถามว่ามันทำไหมมันก็ทำ เพราะงั้นผมเลยนอนฟังมันบ่นไปเรื่อยๆ เพราะอย่างน้อยมันบ่นแล้วมือมันทำ มันสบายใจก็ปล่อยมันไป เสียงมันฟังแล้วก็เพลินดี

ก็เพลินทุกอย่างแหละ ไม่ว่ามันจะบ่นหรือมันจะคราง...

เอ๊ะ

ผมนี่ทะลึ่งจัง


“มินโฮ มึงไปอาบน้ำ” ซึงยุนโยนผ้าเช็ดตัวทีผมเคยเอามาไว้เพราะแต่ก่อนจะชอบมานอนค้างที่บ้านมันมากเวลาออกไปเที่ยวแล้วดึกเกินไป (ความจริงคือแม่ไม่ให้เข้าบ้าน) ก่อนจะเดินถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนพาดไว้ที่บ่า ผมมองด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนที่มันจะเลิกคิ้ว “มีอะไร”

“มึงจะอาบกับกู...โอ้ย ไอ้ซึงยุน กูเจ็บหน้านะ” ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเหวี่ยงผ้าเช็ดตัวฟาดมา โชคดีที่ไม่เต็มแรงแต่เล่นเอาแสบเลยทีเดียว มันอ้าปากพะงาบๆก่อนจะคิดคำด่าออก

“มึงมันทะลึ่ง! กูจะไปอาบห้องน้ำล่าง”

และมันก็เดินปึงปังออกไป ผมลูบหน้าก่อนจะร้องโอดโอยออกมา

“แม่งเล่นแรงขนาดนี้ ทริปนี้เดี๋ยวโดนแน่...”

ผมคาดโทษก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป อย่าให้เผลอนะซึงยุน หึ








“โห สวยอ่ะ”

“กูว่าแล้วมึงต้องชอบ”

ผมพูดออกมาก่อนจะยิ้มกว้าง ไอ้ซึงยุนมองรอบๆก่อนจะหันมายิ้มตาหยีใส่

...แม่ง น่าย่ำยีจังวะ

สะบัดหัวเมื่อเห็นว่ามันเริ่มเปลี่ยนจากยิ้มเป็นมองตาขวาง โอเค มึงรู้ใช่ไหมกูคิดไม่ดีกับมึง ผมยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะจูงมือมันไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์ที่โทรมาจองห้องพักไว้ สถานที่ท่องเที่ยวในวันธรรมดาๆของเราเป็นเพียงสวนพืชพรรณธรรมดา ผมแค่อยากเดินดูไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปด้วยเพราะเห็นว่ามันก็ชอบเหมือนกัน เราเช็คอินตอนใกล้เที่ยงก่อนจะเดินเข้าห้องพัก

“มึงจองสองห้อง?”

ซึงยุนเอ่ยด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้จองห้องนอนเดียวกับมัน ผมพยักหน้า

“ทำไมอ่ะ อยากให้กูนอนด้วยหรอ”

ผมแกล้งแหย่เล่นทั้งที่ใจจริงก็อยากนอนกับมันใจจะขาด....เอ่อ ผมหมายถึงนอนที่เป็นนอนหลับนะ เชื่อผมสิ

“รวยนักหรือไง”

“เลี้ยงมึงได้ทั้งชีวิตละกัน สนใจย้ายมาอยู่กับกูไหม”

สวนกลับทันควัน เล่นเอาไอ้ซึงยุนหน้าร้อนผ่าว ผมหัวเราะก่อนจะพามันไปที่ห้องพัก ความจริงมันเป็นบ้านบังกะโลสองห้องนอนที่แยกตัวออกมาเดี่ยวๆ ผมที่ไม่อยากให้ใครมาจองห้องข้างๆกันเพราะกลัวจะได้ยินเสียงเผื่อเวลาเสียงดัง...ทำไมต้องมองหน้าผมแบบนั้น คือไอ้ซึงยุนมันก็ขี้โวยวายใช่ไหมหล่ะ ก็เลยต้องระวังนิดหน่อย กลัวเสียงจะไปกวนคนอื่นเขา

นี่ผมบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ สาบานได้

ผมเดินเข้าห้องข้างๆก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เรามีเวลาอยู่ที่นี่สองคืนเพราะว่าผมคิดว่าแค่วันเดียวคงไม่เพียงพอที่จะเที่ยวให้หมดแน่ๆ ที่นี่มันกว้างและมีที่เที่ยวหลายจุดมากๆ โชคดีที่เรามาในวันธรรมดาราคาจึงค่อนข้างโอเคแถมคนไม่เยอะอีก

แน่นอนว่าผมศึกษามาดีมากพอสมควรเพื่อที่จะให้เป็นการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ บางทีก็แอบคิดว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ

เสียงประตูถูกเคาะสองสามครั้งก่อนจะเป็นไอ้ซึงยุนที่ยื่นหน้ามา มันเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆที่โคตรขัดใจผมตอนขามาเพราะเล่นขาดไปจนถึงน่องมาเป็นขาสั้นสีน้ำตาลแทน

...มันก็โชว์ขาเหมือนกันไหมวะเนี่ย

“ซึงยุน มึงมีกางเกงขายาวกว่านี้ไหม”

“มี ทำไม”

“มึงไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”

ผมเอ่ยออกมาเสียงขุ่น

“อะไรมึง เดี๋ยวจะไปกินข้าวก่อนไม่ใช่หรือไง ขายาวให้กูเก็บไว้ใส่พรุ่งนี้ดิ”

เพราะว่าเรามาจนเที่ยงแล้ว และแน่นอนว่าช่วงบ่ายอากาศที่แสนร้อนก็ไม่เป็นใจเท่าไรนัก เราสองคนเลยแค่จะออกไปหาอะไรทานแล้วพักก่อน เพราะเดินทางตั้งแต่เช้าร่างกายก็ล้าพอสมควร ก่อนจะค่อยเริ่มเที่ยวจริงจังพรุ่งนี้แทน

ผมยู่ปากอย่างขัดใจ ลองไอ้ซึงยุนเอ่ยออกมาแบบนี้ผมจะทำอะไรได้วะ

แกล้งทำปึงปั๋งใสจนไอ้ซึงยุนคว้าอะไรสักอย่างปามาที่ผม โดนกลางหลังเต็มๆจนผมต้องหันไปมองตาแทบคว่ำ

“นี่กูเจ็บจริงๆนะเนี่ย”

ร้องโอ้ยออกมาเสียงดังก่อนจะลูบบริเวณที่โดน ไอ้ซึงยุนท้าวเอวใส่อย่างเอาเรื่อง

“มึงช้าอ่ะ กูหิวเนี่ยมินโฮ”

...มันต้องโดนสั่งสอนสักหน่อย

ผมสาวเท้าเดินเข้าใกล้ซึงยุนก่อนจะจ้องหน้าเขม่ง มันก้าวถอยหลังนิดหน่อย

“อะ...อะไร ไอ้!!!

ซึงยุนร้องเสียงหลงเมื่อผมรั้งเอวมันก่อนจะจับมันเหวี่ยงบนเตียงที่มีกองผ้าอยู่ข้างๆ ผมหยิบผ้าห่มของทางโรงแรมถมใส่มันก่อนจะนั่งทับ มันร้องโวยวายออกมาเสียงดัง

“ไอ้มินโฮ ไอ้...มึง ปล่อย”

เห็นไหมหล่ะ มันเสียงดังจะตาย

“มึงขอโทษกูมาก่อนซึงยุน มันใช่เรื่องไหมห๊ะปาของใส่เนี่ย”

“กูไม่ขอโทษ มึงช้าอ่ะ”

“มึงรอแฟนมึงแค่นี้ไม่ได้เลยหรอหือซึงยุน”

ได้ผล มันหยุดโวยวายทันที

ด้วยความที่ผมกับมันเป็นเพื่อนมาก่อน แน่นอนว่าหลายอย่างเรารับรู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมแค่อยากจะสั่งสอนไอ้คนเอาแต่ใจนี่บ้าง ผมรู้ว่ามันไม่ไปทำนิสัยนี้กับใครหรอก แต่ก็อดแกล้งมันไม่ได้เหมือนกัน

“...”

มันเงียบไปครู่ใหญ่จนผมเริ่มใจไม่ดี นี่แกล้งแรงเกินไปหรือเปล่านะ...

ผมหยิบผ้าห่มที่คลุมตัวมันออกก่อนจะเห็นว่ามันนอนนิ่ง มันมองมาที่ผม ทั้งใบหน้าและอารมณ์แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

“มึง...”

“กูก็ไม่ได้ไปทำนิสัยนี้กับใครหรอก กูก็ทำเพราะว่ากูรู้ว่ามึงจะไม่โกรธ”

“...”

“กูขอโทษละกัน กูไม่ไปกินแม่งละ ข้าวอ่ะ มึงเสร็จมึงก็ไปเหอะ กูจะไปนอนแล้ว”

อ้าว...

ผมเบิกตากว้าง มันงอนผมกลับแถมดูท่าจะหนักกว่าเดิม ผมผละออกจากตัวมันเมื่อมันผลักให้ผมไปอยู่ข้างๆ มันนั่งมึนจัดทรงผมสักพักก่อนจะลุกขึ้น ผมกำข้อมือมันแน่น

“มึงจะไปไหน”

“กูจะไปนอน”

“กูไม่ให้ไป”

มันเม้มปากฉับเมื่อผมเอ่ยออกมาแบบนั้น

“กูอยากไปกินข้าวกับมึง มึงงอนกูแล้วหนีไปนอนแบบนี้ไม่น่ารักเลยซึงยุน”

“กูไม่ได้น่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำไมมึงไม่รู้”

มีการตัดพ้ออีก

ผมถอนหายใจก่อนจะกระตุกกายให้มันนั่งที่ตักผม มันโอนอ่อนง่ายๆก่อนจะก้มหน้านิ่ง ผมพ่นลมหายใจออกมา

“ซึงยุน ฟังกูนะ”

ผมเอ่ยออกมาเสียงนุ่มกว่าเมื่อครู่ มันรับฟังแต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา

“กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง...กูเข้าใจ มึงไม่ใช่คนไม่น่ารักสักหน่อย”

“ก็มึงพูด”

“กูพูดตอนไหนหือ”

“...”

มันไม่ได้ตอบผม เบือนหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่างจนผมต้องหลุดหัวเราะออกมากับท่าที่เด็กๆนั่น

“หึ”

ผมยกมือขึ้นลูบทรงผมที่ยุ่งเหยิงของมันก่อนจะกดจูบที่ขมับ เน้นย้ำก่อนเอ่ยออกมา

“กูขอโทษนะ”

“มึงขอโทษอะไร มึงไม่ได้ผิดนี่มินโฮ”

มันหันกลับมามองผมจนได้ ผมฉีกยิ้มให้ก่อนจะจูบที่หน้าผากอีกครัง

“กูแค่อยากขอโทษอ่ะ มึงยกโทษให้กูแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ นะๆ”

ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยก่อนจะจับมันเขย่าไปมาเหมือนอุ้มเด็กเล็ก

และสุดท้ายมันก็ใจอ่อน ไอ้ซึงยุนยิ้มอออกมาเล็กๆก่อนจะกลับมาบ่นเหมือนเดิม

“ทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้ อืม...”

ผมกดจูบที่ริมฝีปากมันแผ่วเบาก่อนจะผละออก

“มึงน่ารัก”

“เออ เฝ้าชมอยู่นั่น”

“กูขอจูบนะ”

ผมขอก่อนจะประทับริมฝีปากโดยี่ไม่รอคำตอบจากมัน  ช่วงเวลาที่มันโอนอ่อนให้ดุจะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุด รู้สึกถูกใจไม่น้อยยามที่มันเอียงใบหน้าให้แนบชิดกันมากขึ้นก่อนจะเผยริมฝีปากให้ผมรุกล้ำโดยง่าย ความหวานจากมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมชอบที่จะกดจูบย้ำซ้ำๆโดยไม่เบื่อสักนิด เราแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่ดีแก่กันและกันก่อนที่ซึงยุนจะดูดดุนเรียวลิ้นของผมให้ผละออก

เสียงหอบหายใจดังขึ้นก่อนที่ซึงยุนจะเอ่ยออกมาเสียงขุ่นทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ

“แค่จูบกันจำเป็นต้องล้วงมือเข้าไปในกางเกงกูไหมเนี่ย”

ผมหัวเราะแหะออกมา

ว้า...

เสียดายนิดๆนะเนี่ย








#ฟิคเพื่อนมินยูน



วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[OS] Kang Seungyoon X Song Minho : Forever isn’t real

[OS] Kang Seungyoon X Song Minho

Story : Forever isn’t  real







ความรักสำหรับหลายคนมันช่างหอมหวาน

แต่กับผม...ผมว่ามันขมเกินกว่าจะเรียกว่าความสุข

แต่ผมก็ขาดมันไปไม่ได้เช่นกัน



“กลับมาแล้วครับ”

เอ่ยออกมาทั้งที่รู้ว่าไม่มีใครอยู่บ้านอยู่ดี

หัวเราะออกมาเสียงขื่นด้วยความเคยชิน

ลืมไปได้ยังไงว่ามันไม่มีแล้ว...ลืมไปได้ยังไงว่ามันจบลงไปแล้ว

ปลดเน็คไทล์ออกก่อนเดินเข้าห้อง เตะโดนกระป๋องเบียร์ที่วางระเกะระกะ

ทำไมคังซึงยุนไม่เก็บมันนะ...

“ย่าห์ ซึงยุนอา”

ร้องเรียกก่อนจะชะงัก

ลืม...

ผมลืมไปได้ยังไงว่าเขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว



แม้มันจะเป็นเรื่องน่าตลกที่เราไม่อาจอยู่ด้วยกัน

แม้มันควรจะเป็นเรื่องที่ต้องชาชินสักที ว่าระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้แล้ว

คุณจะรู้ไหมว่ามันอาจจะดูง่ายดายที่จะทำแบบนั้น แต่มันกลับยากเหลือเกิน...ยากเกินไปกว่าผมจะทนได้



เพราะสำหรับผม...ความรักระหว่างเรามันช่างหวาน



“ย่าห์ ตื่นได้แล้วน่า”

“หืม...ขอนอนอีกนิดนะซึงยุนอา” ยอมให้อีกฝ่ายดึงแขนอยู่อย่างนั้น

ความจริงเขาตื่นตั้งนานแล้ว แค่อยากจะแกล้งคนตัวเล็กกว่าแค่นั้นเอง

กระชากแขนอีกฝ่ายให้ล้มตัวนอน คังซึงยุนร้องออกมาเสียงหลง

“หยุดเลยนะมินโฮ หยุด”แขนที่ดูผอมไร้เรี่ยวแรงทั้งตีทั้งดันอกผม ผมหัวเราะก่อนจะรวบแขนไว้เหนือหัวอีกฝ่าย ขึ้นคร่อมก่อนจะหอมแก้มทั้งซ้ายขวา

“หอมจังเลยน้า แฟนใครเนี่ย”

“ไอ้บ้าเอ้ย”

คนใต้ร่างแก้มแดงก่ำก่อนที่ผมจะหลุดหัวเราะออกมา ก้มลงจูบเบาๆก่อนผละออก

“ไม่แกล้งละๆๆอรุณสวัสดิ์ครับที่รัก” ยกยิ้มตาหยีแบบที่อีกฝ่ายชอบด่าว่าแก่เพราะมีตีนกา แต่ผมรู้นะว่าอีกฝ่ายชอบรอยยิ้มนี้ของผมขนาดไหน

“อรุณสวัสดิ์ซงมินโฮ ไปอาบน้ำเลยนะ วันนี้เราจะไปเที่ยวกันนี่”

“คร้าบๆๆๆ ตามใจแฟนคร้าบ”

“อย่ามากวนโอ้ยนะ”

โดนฟาดอีกสองสามทีก่อนที่จะลุกไปเข้าห้องน้ำ คว้าผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ให้ก่อนหันมาหอมแก้มอีกรอบ ยิ้มกริ่มน้อยๆก่อนฮัมเพลงอย่างมีความสุข




ความรักของเรามันช่างยั่วยวนให้ลุ่มหลง




“อึก...อา มะ มินโฮ” เล็บจิกลงที่กลางหลังของผมซ้ำๆก่อนจะข่วนเต็มแรง ผมซี๊ดปากก่อนจะสวนกระแทกกลับเข้าไปย้ำมากกว่าเดิม

ร่างกายที่สอดประสาน

ริมฝีปากที่พรมจูบและบดเบียดกัน

เสียงครางที่บางครั้งราวกับเสียงกระซิบ...แต่บางครั้งก็ราวกับเสียงกรีดร้องโหยหวน

“อืม ซึงยุน ซึงยุนอา”

ผมร้องเรียกก่อนสอดแทรกเข้าไปไม่หยุดครั้งแล้วครั้งเล่า ซึงยุนช่างน่ารักจนผมอดใจไม่ไหวทุกครั้งไป

“อ่ะ อา มินโฮ”

“ใกล้แล้วหรอคนดี อืม”

“แฮ่ก จูบ จูบหน่อย”

ไม่มีคำว่าปฏิเสธสำหรับคนนี้ ผมรุกล้ำริมฝีปากเข้าไปแนบชิดทันที สอดลิ้นตวัดจนคราบน้ำเลอะซึม กัดริมฝีปากที่บวมเจ่อเบาๆและดูดดึงอย่างไม่มีใครยอมใคร

ทะนุถนอมสุดหัวใจแม้การกระทำจะร้อนแรงราวกับไฟที่แผดเผา

เรากรีดร้องซ้ำๆพอๆกับความสุขสมทีสร้างให้แก่กันและกันตลอดค่ำคืน





แต่คำว่าตลอดไป...มันกลับใช้ไม่ได้จริงกับความรักของเรา




“ฮึก..ซึงยุน”

ผมร้องไห้อีกครั้ง

ร้องราวกับคนบ้าบอ ร้องราวกับคนที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยรู้จักกับน้ำตาและความเสียใจ

กอดหมอนที่ยังคงมีกลิ่นกายของซึงยุนแนบแน่น ในมือถือรูปถ่ายระหว่างเราสองคน


จากไป...

ซึงยุนจากผมไปแล้ว

ข้าวของทุกอย่างยังคงอยู่

เสื้อผ้าที่ซึงยุนชอบสวมใส่

แปรงสีฟันที่ซึงยุนเลือกมันกับผม

รองเท้าผ้าใบที่เราชอบใส่ออกไปเดินเล่นด้วยกัน


ทุกอย่าง....

ทุกอย่างยังไม่ได้ไปไหน แม้มันไม่สมควรอยู่ในห้องนี้ก็ตาม

เสียงประตูห้องเปิดเข้ามาแต่ผมไม่ได้สนใจนัก

ก่อนที่สัมผัสที่มือของคนเป็นเพื่อนของผมจะเอ่ยขึ้นมา

“มินโฮ มึงทำใจเถอะ...”

“...”

“ซึงยุนตายแล้วนะ”



ผมร้องไห้ราวกับคนบ้า เพียงเพราะความตายมาพรากซึงยุนไป

พระเจ้าช่างใจร้ายกับผมเหลือเกิน

ผมลุกขึ้นก่อนจะปาดน้ำตา โซซัดโซเซไปที่หน้าต่าง

อา...อากาศมันช่างเหยียบเย็นในเวลาดึกแบบนี้

แต่ผมอบอุ่น...

อบอุ่นราวกับจะได้กลับไปอยู่ในอ้อมกอดของซึงยุนอีกครั้ง



เสียงร้องห้ามทางด้านหลังดูจะไม่มีความหมาย ผมหันกลับมาก่อนจะส่งยิ้ม

อา....

ผมเห็นซึงยุนยิ้มกลับมาให้ผมด้วย

รอก่อน...

แผ่นหลังของผมเอนลงราวกับจะทิ้งตัวบนที่นอนกว้าง...

ทั้งที่จริงมันคือหน้าต่างบานเดียวในห้องของเราสองคน

รอผมก่อนนะซึงยุน


ผมจะไปหาซึงยุนตอนนี้แหละ