BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho : Step Up 8

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho

Story : Step Up 8











“ไหนของฝากกู”

“โน่น บนโต๊ะ” ผมเดินไปที่โต๊ะหนังสือของมันก่อนจะต้องยู่หน้าเมื่อเห็นว่าของฝากที่มันพูดถึงคือขนมที่อยู่ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป “ของแบบนี้กูก็ซื้อแถวนี้ได้หรือเปล่าวะ”

“แล้วมึงจะเอาไหมซงมินโฮ”

กูเอาก็ได้...

ทำไมต้องดุ

ผมแกล้งทำท่าหงอยลงก่อนจะหยิบขนมออกมาแกะและนั่ง มองซึงยุนที่สาละวนอยู่ที่หน้าตู้เสื้อผ้าของมันก่อนจะยู่หน้า มันเอาแต่สนใจอะไรของมันก็ไม่รู้ ก่อนที่ผมจะเอ่ยออกมาถึงเรื่องที่คิดไว้มาครู่หนึ่งแล้ว

“ซึงยุน”

“ว่า”

“กูอยากไปเที่ยว”

ได้ผล ซึงยุนชะงักก่อนจะเงยหน้าจากกองอะไรนั่นได้สักที มันมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่แปลกใจพอสมควร เพราะผมไม่ใช่คนที่ชอบเที่ยวมากเท่าไร (ยกเว้นไปผับบ้าง) แต่ก็นั่นแหละ มันคงสงสัยไม่น้อย

“อารมณ์ไหนของมึง”

“อารมณ์อยากไปที่ที่มีแค่กูกับมึงไง”

ซึงยุนหน้าแดงขึ้นหน่อยๆกับคำพูดของผม ผมเห็นว่ามันแกว่งมือขึ้นเล็กน้อยซึ่งเป็นท่าปกติของมันเวลาที่อายหรือเขินอะไรสักอย่าง ประโยคเมื่อครู่คงเลี่ยนมากสำหรับมันกับผมที่เป็นเพื่อนกันมานานมันถึงได้แสดงท่าทีออกมาแบบนั้น ผมไม่ได้ถือสาอะไรหรอกก่อนจะลุกขึ้น

“มึงจะไปไหนมินโฮ”

“กูว่ามึงตัดสินใจยาก...กูจะเดินไปขอแม่มึงนั่นแหละ ง่ายกว่า”

แน่หล่ะ ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับมัน เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้จะไปยากอะไร ในเมื่อมันลังเล ผมก็เข้าทางแม่มันซะก็จบเรื่อง






“มึงนี่มันเหลือเกินจริงๆ”

“ก็กูอยากมานี่นา”

ผมพูดก่อนจะยิ้มกว้างให้มัน ตอนนี้กองเสื้อผ้าถูกขนย้ายจากบ้านผมมาที่บ้านมันเรียบร้อยเพราะผมต้องออกเดินทางแต่เช้า ถ้าถามว่าผมจะไปไหน ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ระยะเวลาช่วงนี้ผมแค่อยากที่จะอยู่กับมันให้มากที่สุด ผมเลยมานอนที่บ้านมันเลย จะได้ง่ายตอนออกเดินทางด้วย...

นั่นมันก็แค่คำพูดให้ดูดี

ความจริงคือผมคิดถึงมันหน่ะ

อยากกอด อยากหอม อยากจูบ

อยากฟัดแก้มมันไม่ไหวแล้ว



ผมนอนมองมันที่ตอนนี้กำลังจัดเสื้อผ้าไปบ่นไป ก็เห็นมันเป็นแบบนี้ตลอด บ่นทุกสิ่งทุกอันที่จะสามารถบ่นได้ แต่ถามว่ามันทำไหมมันก็ทำ เพราะงั้นผมเลยนอนฟังมันบ่นไปเรื่อยๆ เพราะอย่างน้อยมันบ่นแล้วมือมันทำ มันสบายใจก็ปล่อยมันไป เสียงมันฟังแล้วก็เพลินดี

ก็เพลินทุกอย่างแหละ ไม่ว่ามันจะบ่นหรือมันจะคราง...

เอ๊ะ

ผมนี่ทะลึ่งจัง


“มินโฮ มึงไปอาบน้ำ” ซึงยุนโยนผ้าเช็ดตัวทีผมเคยเอามาไว้เพราะแต่ก่อนจะชอบมานอนค้างที่บ้านมันมากเวลาออกไปเที่ยวแล้วดึกเกินไป (ความจริงคือแม่ไม่ให้เข้าบ้าน) ก่อนจะเดินถือผ้าเช็ดตัวอีกผืนพาดไว้ที่บ่า ผมมองด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนที่มันจะเลิกคิ้ว “มีอะไร”

“มึงจะอาบกับกู...โอ้ย ไอ้ซึงยุน กูเจ็บหน้านะ” ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายเหวี่ยงผ้าเช็ดตัวฟาดมา โชคดีที่ไม่เต็มแรงแต่เล่นเอาแสบเลยทีเดียว มันอ้าปากพะงาบๆก่อนจะคิดคำด่าออก

“มึงมันทะลึ่ง! กูจะไปอาบห้องน้ำล่าง”

และมันก็เดินปึงปังออกไป ผมลูบหน้าก่อนจะร้องโอดโอยออกมา

“แม่งเล่นแรงขนาดนี้ ทริปนี้เดี๋ยวโดนแน่...”

ผมคาดโทษก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป อย่าให้เผลอนะซึงยุน หึ








“โห สวยอ่ะ”

“กูว่าแล้วมึงต้องชอบ”

ผมพูดออกมาก่อนจะยิ้มกว้าง ไอ้ซึงยุนมองรอบๆก่อนจะหันมายิ้มตาหยีใส่

...แม่ง น่าย่ำยีจังวะ

สะบัดหัวเมื่อเห็นว่ามันเริ่มเปลี่ยนจากยิ้มเป็นมองตาขวาง โอเค มึงรู้ใช่ไหมกูคิดไม่ดีกับมึง ผมยกมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ก่อนจะจูงมือมันไปเช็คอินที่เคาท์เตอร์ที่โทรมาจองห้องพักไว้ สถานที่ท่องเที่ยวในวันธรรมดาๆของเราเป็นเพียงสวนพืชพรรณธรรมดา ผมแค่อยากเดินดูไปเรื่อยๆ ถ่ายรูปไปด้วยเพราะเห็นว่ามันก็ชอบเหมือนกัน เราเช็คอินตอนใกล้เที่ยงก่อนจะเดินเข้าห้องพัก

“มึงจองสองห้อง?”

ซึงยุนเอ่ยด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นว่าผมไม่ได้จองห้องนอนเดียวกับมัน ผมพยักหน้า

“ทำไมอ่ะ อยากให้กูนอนด้วยหรอ”

ผมแกล้งแหย่เล่นทั้งที่ใจจริงก็อยากนอนกับมันใจจะขาด....เอ่อ ผมหมายถึงนอนที่เป็นนอนหลับนะ เชื่อผมสิ

“รวยนักหรือไง”

“เลี้ยงมึงได้ทั้งชีวิตละกัน สนใจย้ายมาอยู่กับกูไหม”

สวนกลับทันควัน เล่นเอาไอ้ซึงยุนหน้าร้อนผ่าว ผมหัวเราะก่อนจะพามันไปที่ห้องพัก ความจริงมันเป็นบ้านบังกะโลสองห้องนอนที่แยกตัวออกมาเดี่ยวๆ ผมที่ไม่อยากให้ใครมาจองห้องข้างๆกันเพราะกลัวจะได้ยินเสียงเผื่อเวลาเสียงดัง...ทำไมต้องมองหน้าผมแบบนั้น คือไอ้ซึงยุนมันก็ขี้โวยวายใช่ไหมหล่ะ ก็เลยต้องระวังนิดหน่อย กลัวเสียงจะไปกวนคนอื่นเขา

นี่ผมบริสุทธิ์ใจจริงๆนะ สาบานได้

ผมเดินเข้าห้องข้างๆก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋า เรามีเวลาอยู่ที่นี่สองคืนเพราะว่าผมคิดว่าแค่วันเดียวคงไม่เพียงพอที่จะเที่ยวให้หมดแน่ๆ ที่นี่มันกว้างและมีที่เที่ยวหลายจุดมากๆ โชคดีที่เรามาในวันธรรมดาราคาจึงค่อนข้างโอเคแถมคนไม่เยอะอีก

แน่นอนว่าผมศึกษามาดีมากพอสมควรเพื่อที่จะให้เป็นการท่องเที่ยวที่น่าประทับใจ บางทีก็แอบคิดว่าดีเกินไปด้วยซ้ำ

เสียงประตูถูกเคาะสองสามครั้งก่อนจะเป็นไอ้ซึงยุนที่ยื่นหน้ามา มันเปลี่ยนจากกางเกงยีนส์สีซีดขาดๆที่โคตรขัดใจผมตอนขามาเพราะเล่นขาดไปจนถึงน่องมาเป็นขาสั้นสีน้ำตาลแทน

...มันก็โชว์ขาเหมือนกันไหมวะเนี่ย

“ซึงยุน มึงมีกางเกงขายาวกว่านี้ไหม”

“มี ทำไม”

“มึงไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”

ผมเอ่ยออกมาเสียงขุ่น

“อะไรมึง เดี๋ยวจะไปกินข้าวก่อนไม่ใช่หรือไง ขายาวให้กูเก็บไว้ใส่พรุ่งนี้ดิ”

เพราะว่าเรามาจนเที่ยงแล้ว และแน่นอนว่าช่วงบ่ายอากาศที่แสนร้อนก็ไม่เป็นใจเท่าไรนัก เราสองคนเลยแค่จะออกไปหาอะไรทานแล้วพักก่อน เพราะเดินทางตั้งแต่เช้าร่างกายก็ล้าพอสมควร ก่อนจะค่อยเริ่มเที่ยวจริงจังพรุ่งนี้แทน

ผมยู่ปากอย่างขัดใจ ลองไอ้ซึงยุนเอ่ยออกมาแบบนี้ผมจะทำอะไรได้วะ

แกล้งทำปึงปั๋งใสจนไอ้ซึงยุนคว้าอะไรสักอย่างปามาที่ผม โดนกลางหลังเต็มๆจนผมต้องหันไปมองตาแทบคว่ำ

“นี่กูเจ็บจริงๆนะเนี่ย”

ร้องโอ้ยออกมาเสียงดังก่อนจะลูบบริเวณที่โดน ไอ้ซึงยุนท้าวเอวใส่อย่างเอาเรื่อง

“มึงช้าอ่ะ กูหิวเนี่ยมินโฮ”

...มันต้องโดนสั่งสอนสักหน่อย

ผมสาวเท้าเดินเข้าใกล้ซึงยุนก่อนจะจ้องหน้าเขม่ง มันก้าวถอยหลังนิดหน่อย

“อะ...อะไร ไอ้!!!

ซึงยุนร้องเสียงหลงเมื่อผมรั้งเอวมันก่อนจะจับมันเหวี่ยงบนเตียงที่มีกองผ้าอยู่ข้างๆ ผมหยิบผ้าห่มของทางโรงแรมถมใส่มันก่อนจะนั่งทับ มันร้องโวยวายออกมาเสียงดัง

“ไอ้มินโฮ ไอ้...มึง ปล่อย”

เห็นไหมหล่ะ มันเสียงดังจะตาย

“มึงขอโทษกูมาก่อนซึงยุน มันใช่เรื่องไหมห๊ะปาของใส่เนี่ย”

“กูไม่ขอโทษ มึงช้าอ่ะ”

“มึงรอแฟนมึงแค่นี้ไม่ได้เลยหรอหือซึงยุน”

ได้ผล มันหยุดโวยวายทันที

ด้วยความที่ผมกับมันเป็นเพื่อนมาก่อน แน่นอนว่าหลายอย่างเรารับรู้ทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมแค่อยากจะสั่งสอนไอ้คนเอาแต่ใจนี่บ้าง ผมรู้ว่ามันไม่ไปทำนิสัยนี้กับใครหรอก แต่ก็อดแกล้งมันไม่ได้เหมือนกัน

“...”

มันเงียบไปครู่ใหญ่จนผมเริ่มใจไม่ดี นี่แกล้งแรงเกินไปหรือเปล่านะ...

ผมหยิบผ้าห่มที่คลุมตัวมันออกก่อนจะเห็นว่ามันนอนนิ่ง มันมองมาที่ผม ทั้งใบหน้าและอารมณ์แตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง

“มึง...”

“กูก็ไม่ได้ไปทำนิสัยนี้กับใครหรอก กูก็ทำเพราะว่ากูรู้ว่ามึงจะไม่โกรธ”

“...”

“กูขอโทษละกัน กูไม่ไปกินแม่งละ ข้าวอ่ะ มึงเสร็จมึงก็ไปเหอะ กูจะไปนอนแล้ว”

อ้าว...

ผมเบิกตากว้าง มันงอนผมกลับแถมดูท่าจะหนักกว่าเดิม ผมผละออกจากตัวมันเมื่อมันผลักให้ผมไปอยู่ข้างๆ มันนั่งมึนจัดทรงผมสักพักก่อนจะลุกขึ้น ผมกำข้อมือมันแน่น

“มึงจะไปไหน”

“กูจะไปนอน”

“กูไม่ให้ไป”

มันเม้มปากฉับเมื่อผมเอ่ยออกมาแบบนั้น

“กูอยากไปกินข้าวกับมึง มึงงอนกูแล้วหนีไปนอนแบบนี้ไม่น่ารักเลยซึงยุน”

“กูไม่ได้น่ารักมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำไมมึงไม่รู้”

มีการตัดพ้ออีก

ผมถอนหายใจก่อนจะกระตุกกายให้มันนั่งที่ตักผม มันโอนอ่อนง่ายๆก่อนจะก้มหน้านิ่ง ผมพ่นลมหายใจออกมา

“ซึงยุน ฟังกูนะ”

ผมเอ่ยออกมาเสียงนุ่มกว่าเมื่อครู่ มันรับฟังแต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไรกลับมา

“กูรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง...กูเข้าใจ มึงไม่ใช่คนไม่น่ารักสักหน่อย”

“ก็มึงพูด”

“กูพูดตอนไหนหือ”

“...”

มันไม่ได้ตอบผม เบือนหน้าหนีมองไปนอกหน้าต่างจนผมต้องหลุดหัวเราะออกมากับท่าที่เด็กๆนั่น

“หึ”

ผมยกมือขึ้นลูบทรงผมที่ยุ่งเหยิงของมันก่อนจะกดจูบที่ขมับ เน้นย้ำก่อนเอ่ยออกมา

“กูขอโทษนะ”

“มึงขอโทษอะไร มึงไม่ได้ผิดนี่มินโฮ”

มันหันกลับมามองผมจนได้ ผมฉีกยิ้มให้ก่อนจะจูบที่หน้าผากอีกครัง

“กูแค่อยากขอโทษอ่ะ มึงยกโทษให้กูแล้วไปกินข้าวด้วยกันนะ นะๆ”

ผมทำเสียงเล็กเสียงน้อยก่อนจะจับมันเขย่าไปมาเหมือนอุ้มเด็กเล็ก

และสุดท้ายมันก็ใจอ่อน ไอ้ซึงยุนยิ้มอออกมาเล็กๆก่อนจะกลับมาบ่นเหมือนเดิม

“ทำตัวเป็นเด็กน้อยไปได้ อืม...”

ผมกดจูบที่ริมฝีปากมันแผ่วเบาก่อนจะผละออก

“มึงน่ารัก”

“เออ เฝ้าชมอยู่นั่น”

“กูขอจูบนะ”

ผมขอก่อนจะประทับริมฝีปากโดยี่ไม่รอคำตอบจากมัน  ช่วงเวลาที่มันโอนอ่อนให้ดุจะเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุด รู้สึกถูกใจไม่น้อยยามที่มันเอียงใบหน้าให้แนบชิดกันมากขึ้นก่อนจะเผยริมฝีปากให้ผมรุกล้ำโดยง่าย ความหวานจากมันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมชอบที่จะกดจูบย้ำซ้ำๆโดยไม่เบื่อสักนิด เราแลกเปลี่ยนความรู้สึกที่ดีแก่กันและกันก่อนที่ซึงยุนจะดูดดุนเรียวลิ้นของผมให้ผละออก

เสียงหอบหายใจดังขึ้นก่อนที่ซึงยุนจะเอ่ยออกมาเสียงขุ่นทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำ

“แค่จูบกันจำเป็นต้องล้วงมือเข้าไปในกางเกงกูไหมเนี่ย”

ผมหัวเราะแหะออกมา

ว้า...

เสียดายนิดๆนะเนี่ย








#ฟิคเพื่อนมินยูน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น