BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

[OS] Lee Seunghoon x Song Minho : Day and Night





[OS] Lee Seunghoon x Song Minho
Story : Day and Night


ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้...
“นายนี่วาดรูปสวยดีนะ” คำชมที่จู่ๆก็ดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมอง
“อะไรของฮยอง ผมก็วาดสวยแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรละ”
“หรอ” อีซึงฮุนเอามือเขกหัวผมเบาๆ
อา...ผมใจเต้นแรงอีกแล้ว
“ฮยองคิดถึงนายจัง วันนี้ไปนอนค้างด้วยได้ไหม” ซึงฮุนฮยองกอดเอวผมไว้หลวมๆ ความอ่อนโยนเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุด เพราะผมเป็นคนที่เซ็นซิทีฟไม่เข้ากับหน้าตาอย่างแรง โดยเฉพาะถ้าความอ่อนโยนถ่ายทอดมาจากคนที่ผมรัก...
..ใช่แล้ว  ผมกับซึงฮุนฮยองเป็นแฟนกัน
“ฮยองคิดอะไรหื่นๆใช่ไหมเนี่ย” ผมวางพู่กันลงก่อนที่จะจับแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ายออก  สายตานิ่งๆแบบไม่จริงจังถูกส่งให้อีกฝ่าย
“เปล่านี่  ไม่ได้คิดอะไร”
“ฮยองพูดโกหกได้  แต่ไอ้อะไรแข็งๆบนตัวฮยองมันโกหกไม่ได้นะ” ผมพูดออกมา อา ฮยองบ้า ทำไมไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองเอาซะเลยนะ
ยิ่งฮยองกอดผมแน่นเท่าไร มันยิ่ง...
“ฮยอง  ออกไปเดียวนี้เลย” ใบหน้าเข้มของผมตอนนี้มันคงแดงไปหมดแล้วสินะ อีกฝ่ายถึงยิ้มแบบนั้น
“ก็เลิกเรียกฮยองๆอะไรนั่นซักทีสิ  เรียกซึงฮุนก่อน เดี๋ยวปล่อย...”
“ฮยอง”
“ซึงฮุน เรียกฮยองว่าซึงฮุนสิ ให้เหมือนกับตอนที่เรา...”
เฮ้อ  ให้ตาย นี่ผมเขินจนจะเป็นบ้าละนะ
ผมอ้าปากพะงาบๆ แต่อีกฝ่ายก็กอดผมแรงขึ้น ส่วนนั้นยิ่งชิดกับผมเรื่อยๆ
“อ่าๆๆๆ ฮยองปล่อยผม” ผมสะบัดอีกฝ่าย “ซึงฮุนฮยอง ปล่อยผม”
“ก็เรียกแค่นั้นแหละ” ซึงฮุนฮยองปล่อยผมอย่างง่ายๆ ก่อนจะคว้ามือผมขึ้นกุม
“วันนี้ไปเที่ยวกัน”
“ฮยองจะไปไหน” ซึงฮุนฮยองฉุดอีกฝ่ายขึ้นยืนก่อนจะนำริมฝีปากบางแสนหวานเฉียดแก้มผมไปเบาๆ ผมขนลุกซู่โดยไม่ทันตั้งตัว
“เรียกชื่อฮยองสิ”
“อะ อะ ซึงฮุนฮยองงงงงงงง” ผมผลักอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ไอ้ฮยองบ้า  แม่งชอบทำผมเขิน
“โอ้ย นี่เจ็บนะเว้ย” อีซึงฮุนหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ไปเที่ยวสวนสนุกกัน”
ห๊ะ สวนสนุก?
กับผู้ชายแมนๆ ตัวโตสองคน?
ผมคิดที่จะส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“เดียวซื้อมินเนี่ยนลิมิเต็ดให้”
“ไปเลยครับฮยองสุดหล่อ” ผมพยักหน้าแทบไม่ทัน ก่อนที่อีกฝ่ายจะหัวเราะและเดินนำผมไป มีแฟนโตกว่า ใจดีกว่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง

-สวนสนุก H-
“ฮยองแม่ง กรี๊ดทำไมวะ ไหนอยากเล่น” ผมส่ายหัวเบาๆหลังจากที่เราลงมาจากรถไฟเหาะที่ซื้อตั๋วเป็นรอบที่สาม
“แหม ก็มันตื่นเต้นอ่ะ” อีซึงฮุนเดินไป มือเท้าเต้นระรัวตามปกติของฮยอง
“ฮยอง ผมอยากกินขนมอะ กินไอติมกัน”
“อ้วนนะเราอะ” อีซึงฮุนพูดขึ้น ผมทำแก้มป่องน้อยๆ
“อ้วนแล้วไม่รักผมหรอ ปุอิ้ง” ก่อนทำแอคแทคชูสองนิ้วแบบปัญญาอ่อนให้อีกฝ่ายดู
5555 รักคร้าบบบ ฮยองรักเด็กอ้วนมินโฮที่สุดเลย”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ตั้งใจทำให้อีกฝ่ายเขิน แต่กลับกลายเป็นว่าผมเขินเองหนักมากแทน
ไอ้ฮยองบ้า แม่งทำไมหน้าหนาจังวะ
“เอ่อ...ขอโทษนะคะ มาเที่ยวกันสองคนหรอคะ”จู่ๆก็มีผู้หญิงหน้าตาน่ารักมากสองคนเดินมาทักผม อีซึงฮุนหันไปยิ้มก่อนจะตอบ
“แล้วเห็นมีใครเพิ่มอีกไหมครับ”
“อา...สนใจมาเดทด้วยกันไหมคะ ผู้ชายตัวใหญ่สองคนมาเที่ยวกันคงน่าเบื่อแย่”
กึก
ผมชะงักค้างไป
ใช่สินะ ผมเป็นผู้ชายตัวใหญ่ๆคนหนึ่ง กับซึงฮุนฮยองก็สูงและดูดีมากคนหนึ่ง คงไม่แปลกที่ใครจะคิดว่าเป็นเพื่อนกัน หรืออะไรทำนองนั้น...
จู่ๆความรู้สึกแย่ก็ถาโถมเข้ามาในใจ ผมเลือกที่จะเดินออกมา
“เดี๋ยว มินโฮ...”เสียงซึงฮุนฮยองเรียกผม แต่ ณ จุดนั้นผมไม่สนใจอะไรเลยเลือกที่จะกลับบ้าน
หมดอารมณ์สนุกแล้วทุกอย่าง
.
.
.
.
ผมกลับมาถึงคอนโดประมาณเกือบสองทุ่มกว่า หอพักกึ่งแกลอรี่ของผมตอนนี้สว่างจ้าเพราะไฟที่เปิดเมื่อครู่ ผมวางเบียร์ที่แวะซื้อจากร้านสะดวกซื้อไว้บนโต๊ะ ก่อนถอดเสื้อผ้าออกและเดินไปเข้าห้องน้ำ
กองเสื้อผ้าปล่อยไว้งั้นแหละ เดียวค่อยมาเก็บ ผมอยู่คนเดียวนี่นา
น้ำอุ่นๆชะล้างความเหนื่อยล้าออกไปได้บางส่วน แต่จิตใจผมกลับไม่ได้ดีขึ้นเลย
ผมไม่คู่ควรกับเขา...
ผมสะบัดหัวแรงๆ กับความคิดบ้าๆที่เข้ามาในสมอง
ไม่ใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก...
ผมไม่ได้น่ารัก แถมออกจะแมนๆเถื่อนๆ  ไม่ได้น่าปกป้อง น่าทะนุถนอมเหมือนคนอื่นๆ
...ให้ตายเถอะ ซงมินโฮ นายบ้าไปแล้ว
ผมตัดสินใจออกจากห้องน้ำหลังอาบไปได้สักพัก ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กพันรอบเอวสอบไว้หมิ่นแหม่  ก่อนจะเดินไปคว้าเบียร์ เปิดกระป๋องและเดินออกไปกินนอกระเบียง
คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ลมหนาวพัดผ่านร่างกายเปลือย แต่กลับไม่หนาวเมื่อเบียร์สร้างความอบอุ่นเล็กๆให้ผม
...อา ผมคิดถึงซึงฮุนฮยองจัง
ซึงฮุนฮยองจะทำอะไรอยู่นะ
อยากกอด อยากจูบ อยาก...
“อยากอยู่กับฮยองจัง...”ผมพูดออกมาเบาๆ
“อยากอยู่แล้วหนีฮยองมาทำไมละหืม” มือผอมสวมกอดจากด้านหลัง ก่อนที่ริมฝีปากบางจะประทับลงที่ท้ายทอยอย่างอ้อยอิ่ง
“ฮะ ฮยองมาได้ไง”
“เราเคยให้คีย์การ์ดฮยองไว้ จำไม่ได้หรอ”
“ผมนึกว่าคืนนี้ฮยองจะไม่มา..” ผมตัดสินใจหันหน้าไปหาอีกฝ่าย
มือผอมทั้งสองข้างพิงมาที่รั้วราวระเบียง กักขังให้ผมหมดทางหนีโดยสิ้นเชิง ดวงตาสีน้ำตาอ่อนเหมือนกับสีผมมองมาไม่หนีไปไหน...
ทำไมจู่ๆรู้สึกขาไม่มีแรงซะนะ
“ฮยองบอกว่าจะมาค้างกับเรา จำได้ไหม...”
“แล้ววันนี้หนีฮยองทำไมหืมเด็กน้อย”
“กะ ก็ ไม่รู้” จู่ๆหน้าผมก็ขึ้นสีจัด  เพราะสายตาที่อีกฝ่ายมองมามันดูมีความหมาย...
ความหมายที่ผมก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร
“เฮ้ย นี่ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหรอ” เผลอร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“อืม  ฮยองเห็นเรายืนอ่อยฮยองนานแล้ว” เดี๋ยวนะ  ไปอ่อยตอนไหนไม่ทราบ...
ผมรีบผลักอีกฝ่ายออก ก่อนที่จะเดินเข้ามาข้างในเพื่อหาเสื้อผ้า
ไม่ไหว ต้องรีบใส่ ไม่งั้นเสร็จแน่...
หมับ
“คืนนี้เสร็จแน่ครับเด็กน้อย ไม่ต้องใส่หรอก”
ให้ตาย...ฮยองแม่งรู้ทันอีก
“วันนี้วันอะไรจำได้ไหม...”
“มะ ไม่รู้” ใจผมเต้นตึกตัก มือสั่นรีบเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนที่จะค้างไป
ในนั้นมีตุ๊กตามินเนี่ยนตัวใหญ่อยู่  เป็นรุ่นที่ผมอยากได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผมค้างไม่ใช่อะไรหรอก
Happy Anniversary 3 Year Mino’s Minions
“สุขสันต์วันครบรอบสามปีนะครับ” ซึงฮุนฮยองกอดผมจากด้านหลังก่อนกระซิบเบาๆ
อา...ผมลืมไปซะสนิท
หัวใจผมเต้นแรง มันพองโตขึ้นอีกครั้ง
“ฮยองรักมินโฮนะ”
“ผะ ผม..” จู่ๆ เหตุการณ์เมื่อช่วงบ่ายก็โผล่เข้ามาในสมอง
“ฮยอง  เราเหมาะสมกันจริงหรอ” ผมผละออกจากอีกฝ่ายที่ดูจะอึ้งกับประโยคของผม “ผมไม่น่ารัก  เด็กก็เด็กกว่า ไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ ผมไม่น่าปกป้อง แล้วไม่บอบบางเหมือนพวกผู้หญิงพวกนั้น..”
ผมหยุดพูดเพราะรู้สึกว่าถ้าพูดมากกว่านี้ผมต้องร้องไห้แน่
“เฮ้ย” ซึงฮุนฮยองผลักผมลงบนที่นอน ก่อนที่ร่างสูงจะตามประกบจูบอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางรุกล้ำอย่างอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความร้อนแรง ก่อนที่จะถอนริมฝีปากไป
“ตัวก็โต แต่ทำไมใจน้อยขนาดนี้หืม แค่นี้ฮยองก็รักจนจะเป็นบ้าแล้ว” ซึงฮุนฮยองพูดทั้งๆที่ริมฝีปากคลอเคลียอยู่ที่ลำคอ
“อะ อือออ ฮยอง” ผมเผลอครางออกมาโดยไม่ตั้งใจเมื่อคนที่อยู่ข้างบนขบเม้มที่ลำคอ
“ซึงฮุนรักมินโฮคนเดียวนะ ต่อให้มินโฮจะเป็นยังไงก็รักแค่คนเดียว เด็กน้องของฮุน”
ผมชะงักค้างกับคำบอกรักของซึงฮุนฮยอง
ใช่สินะ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีสักครั้งที่ซึงฮุนฮยองจะแสดงอาการอาย หรือกลัวคนอื่นรู้ในความสัมพันธ์ระหว่างฮยองกับผม
มีแค่ผมที่คิดมาก และกลัวไปเอง
อา...เขารักผมขนาดนี้
แค่คิด หัวใจก็เต้นแรงแบบควบคุมไม่ได้อีกครั้ง
“อะ...”ผมพลิกตัวอีกฝ่ายลงบนเตียงหนานุ่ม
“มินโฮก็รักซึงฮุนนะ รักมากๆด้วย” ใบหน้าตี๋มีเลือดฝาดขึ้นบนพวงแก้ม เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็น
“ฮยองน่ารักมาก ผมทำให้นะ”
.
.
.
.
“อ่าาาา อื้อ มินโฮยา”มือผอมจับหัวผมก่อนสวนสะโพกสอบเบาๆทุกครั้งที่ผมรูดริมฝีปาก แอบเอาฟันขูดเบาๆจนแก่นกายตอนนี้ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอะไรกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มก่อน...
สะโพกสวยสวนเข้ามาอีกสองสามครั้งก่อนจะปลดปล่อย น้ำขาวขุนจำนานมากบางส่วนที่ผมกลืนไม่หมดไหลลงมาตรงมุมปาก
“มานี่มา เดี๋ยวตาพี่แล้ว”
ซึงฮุนฮยองคว้าผมไปประกบจูบ ความหวานและความอ่อนโยนส่งผ่านมาทำให้ผมเคลิบเคลิ้ม
“ฮ่ะ อา ซึงฮุนนา มะ ไม่ไหว” ลิ้นเรียวตวัดเลียบนยอดอกสีเข้มของผม เสื้อผ้าตอนนี้ของฮยองหายไปหมดแล้ว เราทั้งสองต่างเปลือยเปล่า มือของซึงฮุนฮยองบีบที่สะโพกสอบก่อนที่จะจับแก่นกายผมที่ตอนนี้คงตื่นตัวสุดๆ
มือบางขยับอย่างเอาใจผม ริมฝีปากที่เคยจูบไล่ต่ำลง ขบเม้มสร้างรอยไว้ทุกจุดที่ผ่าน ก่อนที่จะครอบครองจุดๆนั้น
“อะ อา ฮือออ อ่ะๆๆๆ”ผมเด้งสะโพกระรัวด้วยความกระสัน ก่อนที่จะปลดปล่อยออกมา
ซึงฮุนฮยองเอามือสอดขาพับผมก่อนที่จะคายน้ำรักลงบนช่องทางหลัง ลิ้นเล็กตวัดเลียจนผมอดไม่ได้ที่จะส่ายสะโพกตามลิ้น
ก่อนที่นิ้วเรียวจะสอดเข้ามา ผมยู่หน้าเพราะรู้สึกเจ็บนิดๆ
“อดทนนะมินโฮยา”
“อะ ฮยองนั่นแหละอดทน อะ อ่ะ ฮยองบ้าอย่าสอดทีเดียวสามนิ้วดิเว้ย” ผมแหงนหน้าไปตะโกนบ่นไป
ฮยองที่อ่อนโยนกำลังกลายร่างอีกแล้ว
กลายเป็นผู้ชายที่ร้อนแรง ผิดกลับใบหน้าที่ใจดีขนาดนั้น
“อา...มินโฮยา อย่ารัดมาก อยากสอดแล้ว”
“อะ ซี๊ด อย่าเพิ่งฮยอง อะ ฮ่าาาา”ฮยองรีบเอานี้วออกก่อนจะนำแก่นกายใหญ่ของตัวเองสวนเข้ามา ไม่ปล่อยโอกาสให้ผมปรับตัวได้นาน สะโพกสอบเริ่มขยับอีกครั้ง
“ซี๊ด อ่า ตอดฮุนแน่นดีจัง”
“ซึงฮุนนา อย่าพูด...”
“ฮ่ะ ฮ่ะ อืมมมมม”
“โอ้ย ฮยอง เจ็บๆๆๆๆๆ อ่ะ เจ็....เสียว ฮยอง มินโฮเสียว”
“ไหนบอกว่าเจ็บ จะเจ็บหรือเสียวหืม” มือบางยกขึ้นเพื่อลูบใบหน้าผม เหงื่อมากมายไหลออกมาทั้งๆที่แอร์เย็นเฉียบ ซิกแพ็กของเราสองคนเสียดสี ยิ่งทำให้ผมเสียวหนักจนต้องแอ่นสะโพกสวนไป
“อ่ะ อา มินโฮยา ฮุนไม่ไหวแล้ว”
“มินโฮก็ไม่ไหวแล้ว”
ผมคงไม่ต้องบรรยายต่อใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น 
ค่ำคืนนี้คงเป็นคืนที่ผมมีความสุขยิ่งกว่าคืนไหนๆ
...แล้วคุณเจอคนที่พร้อมดูแลคุณหรือยัง?

 ...........................
ทำไมคู่แร็ปไลน์ต้องหื่น 555
โดนส่วนตัวชอบคู่นี้มาก มีโมเม้นท์ฟรุ้งฟริ้งสุดๆ
และมองตลอดว่าฮุนนี่แมนมาก 
 ฮุนนี่คนแมนนะรู้ยัง?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น