BABYHOONIE

BABYHOONIE
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ #HoonNam แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ #HoonNam แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun : Make Love


[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun


Story : Make Love





I'm not the best

but I'm trying my best.

ฉันไม่ใช่คนดีที่สุด

แต่ฉันก็พยายามที่สุดแล้ว.




อีซึงฮุนทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง สถานที่แปลกใหม่ทำให้ไม่รู้สึกชินเท่าที่ควร อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่เขามานั่งอยู่ที่นี่ก็เป็นได้

เวลาเกือบเที่ยงคืนไม่ใช่เวลาที่ควรออกมานัก แต่อีซึงฮุนไม่คิดจะปฏิเสธคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนสาวของตนที่ส่งข้อความมาหาอยู่แล้ว และก็ไม่คิดเลยเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเรียกออกมาเพียงเพื่อกล่าวสิ่งที่ไม่น่าฟังเท่าไร


อีซึงฮุน ฉันว่าเราเลิกกันเถอะ


หัวเราะสมเพชตัวเองก่อนจะถอนหายใจออกมา หลังจากยืนเงียบหาเสียงตัวเองไม่เจอเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว

กับผู้หญิงที่เดินมาบอกเลิกเมื่อครู่ จะว่าเสียดายมันก็ไม่ใช่ เพราะอีซึงฮุนเองก็มีคนเข้ามาหามากมาย แต่ที่ดูจะคบกันยืดสุดคงเป็นคนเมื่อครู่

เดินเลียบไปทางร้านค้าเพื่อที่จะหาซื้ออะไรมาดื่มแก้อาการคิดไม่ตกของตัวเอง ไหนๆก็ออกมาแล้ว จะกลับบ้านดึกคงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เมื่อเลือกซื้อสิ่งที่ถูกใจได้ อีซึงฮุนก็เดินมาที่สนามกีฬา หวังว่าการมานั่งกินอะไรเงียบๆเพียงลำพังคงทำให้ความรู้สึกเมื่อครู่หายไปบ้าง


แต่กลับค้นพบว่าตนเองคิดผิด

เสียงลูกบาสกระทบพื้นดังหนักแน่น อีซึงฮุนนั่งเพ่งสายตามองไปที่สนาม

ใครกันมาเล่นบาสอะไรช่วงใกล้เที่ยงคืนแบบนี้

มองไปก่อนจะเห็นบุคคลที่อยู่กลางสนามบาส แน่นิ่งเพราะคิดว่าสิ่งที่เห็นอาจเป็นอะไรที่ตาฝาดไป

ร่างกายบาง ผิวขาวผ่องในชุดกีฬานั่นเป็นอะไรที่คุ้นเคย ผมสีสว่างเปียกลู่เพราะหยาดเหงื่อสะกดสายตาให้มองไปเงียบๆ แขนขาวๆนั่นยกลูกบาสก่อนจะชู้ตลงห่วงอย่างแม่นยำ

เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งกันในวันที่โหดร้ายแบบนี้ เมื่อเขาค้นพบว่าคนตรงหน้าคือใคร

ทำไมเขาจะจำไม่ได้ ว่าความคุ้นเคยตรงหน้าเคยเป็นสิ่งที่ปรารถนาที่สุดของอีซึงฮุนมาก่อน

บุคคลที่เป็นรักแรกของเขา บุคคลที่ไม่อาจละสายตา บุคคลที่ทำให้ได้แต่เพียงพร่ำเพ้อคิดไปเองว่าเป็นของของเขาทั้งตัวและหัวใจโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวสักนิด

ตัดสินใจลุกขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายทรุดตัวนอนแผ่กับสนาม เดินเข้าไปก่อนจะยืนอยู่ ลังเลนิดหน่อยที่จะเอ่ยชื่อออกมา

“นัมแทฮยอนอา....”



ต่างคนต่างนั่งเงียบ มีเพียงสายลมที่พัดมาเบาๆพอทำให้รู้สึกดี

“พี่สบายดีหรอ” เป็นอีกฝ่ายที่เอ่ยขึ้นมาหลังจากปล่อยให้ความเงียบปกคลุม แทฮยอนไม่รู้ว่าจะเอ่ยอะไรออกมาเพราะรู้สึกแปลกใจมากกว่าที่อีกฝ่ายรู้จักชื่อตัวเอง

แทฮยอนเป็นเพียงรุ่นน้องร่วมสถาบันกับอีซึงฮุน แค่นั้นจริงๆ

แม้มีมีหลายเหตุการณ์ที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่แทฮยอนได้คุยกับอีกฝ่าย หลังจากที่อีซึงฮุนเรียนจบ เขาก็ไม่ได้รู้ข่าวคราวอะไรอีก อีซึงฮุนค่อนข้างมีเสน่ห์และดังพอตัว ทั้งที่สมัยเรียนก็เรียนคนละชั้นปีแต่ไม่รู้ทำไมมักเห็นสายตาของอีกฝ่ายมองมาเสมอ

ไม่ว่าเวลาที่เดินสวนกัน..

หรือเวลาที่อยู่ในห้องสมุด...

เวลาทานข้าว

หรือเวลาใดๆก็ตาม จะว่าแทฮยอนเป็นคนคิดมากไปเองก็อาจจะใช่ แต่มันเป็นเรื่องจริงที่เกือบทุกครั้งที่เผลอเงยหน้าแล้วจะต้องเห็นว่าอีกฝ่ายมองมาทางตนเอง

อืม นายดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะ


พี่ก็ไม่เปลี่ยนเลยเหมือนกันแทฮยอนเอนหลังก่อนพูดออกมา พยายามไม่เกร็งเพราะคนตัวสูงข้างๆ มองบนฟ้าก่อนทำท่าทางสบายๆออกมา

แตกต่างจากอีซึงฮุน

ในจิตใจของอีซึงฮุนมีความต้องการ มีความกระหายอยาก และมีความรู้สึกอยากครอบครองคนข้างกายมากกว่า

น่าสมเพช

อีซึงฮุนเป็นคนน่าสมเพชเสียจริง

นี่อาจจะเป็นความจริงที่แฟนสาวขอเลิกก็ได้

หลายครั้งที่เขาแสดงท่าทีไม่สนใจเธอคนนั้นอาจเพราะว่าใจจริงของเขาไม่ได้เป็นของเธอ...แต่อาจเป็นของนัมแทฮยอน คนที่เขาไม่เคยแม้แต่จะพูดคุยด้วยซ้ำ แต่ทำได้แค่จดจ้องอีกฝ่าย

เพราะกลัว ว่าหากผลีผลามไปอาจไม่เป็นไปอย่างที่ใจคิด

เพราะความกลัวคือสิ่งที่เป็นนามธรรม และเขาก็เข้าใจมันเกินกว่าจะกล้าทำอะไรไปตรงๆ

บทสนทนาสั้นๆเรียบง่าย แต่กลับทำให้ความรู้สึกเมื่อสมัยที่อีซึงฮุนยังแอบมองคนตรงข้างกายกลับมาอีกครั้ง เป็นความรู้สึกทุกอย่างที่ทำให้อีซึงฮุนลืมไปหมดว่าเขาออกมาเพราะอะไร เหมือนดั่งหัวใจที่กลับมาทำหน้าที่สูบฉีดเลือดของตัวเองตามหน้าที่ที่ควรจะเป็น

ด้วยความที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานพอสมควร ถึงแม้อีซึงฮุนจะเป็นฝ่ายพูดมากกว่า แต่การที่แทฮยอนยังมีการตอบรับกลับมาก็ทำให้อีซึงฮุนใจชื้นไม่น้อย เรื่องราวถูกส่งต่อแก่กันและกัน ทำให้อีซึงฮุนเริ่มคิดถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง ความรู้สึกตีตื้นขึ้นมาในใจ นึกเสียดายที่ไม่กล้าคุยกับแทฮยอนในสมัยก่อน จนปล่อยให้เวลาผ่านมานานขนาดนี้

เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ เพราคนเราไม่มัวพะวงเวลาเหมือนยามทุกข์

อีซึงฮุนมองนาฬิกาข้อมือ ย่างเข้าตีหนึ่งแล้วที่นั่งคุยกัน

อีซึงฮุนไม่รู้...

เขาไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะได้เจอกันอีกครั้งหรือไม่ แต่เขาคิดว่าเขาอยากลองเสี่ยงดูสักครั้ง

มีคนที่คบอยู่ไหมตอนนี้เอ่ยคำถามที่ตกตะกอนในใจอีซึงฮุนมานานออกมาเพียงเบาๆ

ก็ไม่มีหรอกครับ ทำไมหรอ แทฮยอนหันมามองด้วยความสงสัย ร่างบางชะงักไปเมื่อสบตากับอีกฝ่าย

ก็ถ้านายไม่มีใคร...งั้นเราลองมาคบกันดูไหม




อีซึงฮุนไม่อยากเชื่อเลยว่าตอนนั้นจะกล้าพูดออกไป หัวใจสั่นไหวออกมาทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องราวในครั้งนั้นแม้จะผ่านมานานหลายเดือนแล้วก็ตาม

ใบหน้าของแทฮยอนที่เคยเรียบเฉยกลับดูวูบไหว แก้มขาวดูฝาดชมพูออกมาระเรื่อยามค่อยๆพูดตอบรับออกมายังติดตรึงในความคิด แม้ในคราแรกจะบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจในตัวอีซึงฮุนเองเท่าไรนักก็ตาม

แทฮยอนเป็นคนพูดน้อย ค่อนข้างหวงตัว

เป็นคนน่ารักที่อีซึงฮุนอยากดูแล

ความรู้สึกอยากครอบครองน้อยลงกว่าช่วงวัยแรกรุ่น เพราะอีกฝ่ายเกรงกลัว มันไม่ใช่ครั้งแรกของอีซึงฮุนสำหรับความรักในรูปแบบนี้ มันไม่ได้เป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจเท่าไรนักถ้าจะเอ่ยว่าอีซึงฮุนเองก็มีความรักทั้งกับชายและหญิง เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องเพศเท่าไร อาจดูเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรักแต่เขากลับมองว่าตนเองเป็นผู้ล้มเหลวในด้านนี้มากกว่า

ความรักเป็นเรื่องยากเสมอ

ยากที่จะหาเจอ และก็ยากที่จะรักษามัน

แทฮยอนก็เหมือนผู้ชายทั่วไป เพียงแต่ไม่ใช่คนที่พาดโผน ชอบอยู่เงียบๆ ไม่ติดการสัมผัสทางกาย ต่างกับอีซึงฮุนชัดเจนเกือบทุกด้าน

แต่อีซึงฮุนมีความสุข เขากลับมองว่าความรักในรูปแบบนี้อาจเป็นสิ่งที่เขาตามหามานานแล้วก็ได้

และมันบรรลุทุกอย่างเพราะนัมแทฮยอน

เพราะความรักไม่ได้แสดงออกแค่ทางกาย

หากกายแนบชิดแต่หัวใจไม่ใช่อย่างที่เป็น ก็ไม่มีเหตุผลที่ควรจะเรียกมันว่าความรัก






คิดดีแล้วใช่ไหมแทฮยอน พี่ไม่ได้บังคับเรานะอีซึงฮุนเอ่ยออกมาอย่างข่มอารมณ์ เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ใช่คนที่อ่อนโยนกับเรื่องบนเตียง ยิ่งอดทนกับแทฮยอนในเรื่องนี้มานาน เขายิ่งรับรู้ว่ามันเหมือนกับระเบิดเวลาที่พร้อมทำลายทุกสิ่งเสมอ

อืม...อีกฝ่ายตอบรับก่อนใบหน้าพิงไหล่อีซึงฮุน กอดคอแน่นเมื่อถูกพามาที่เตียงนอน

ถ้าอยากจะหยุด ก็บอกได้เลยนะเข้าใจไหมประทับริมฝีปากก่อนเริ่มไล่เลียคนตรงหน้า คนที่พร้อมที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับเขา

ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกังวลเกี่ยวกับเขาได้ขนาดนี้เช่นกัน

นัมแทฮยอนที่เดินมาและบอกว่าอยากสัมผัสกันมากกว่านี้ ในวันครบรอบที่คบกันมากว่าสามปีเล่นเอาหัวใจของอีซึงฮุนกระตุกวูบ เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ว่าอยากสัมผัสคนตรงหน้าขนาดนั้น

"ซึงฮุน..." แทฮยอนร้องออกมาเมื่อถูกสัมผัสช่วงกลางตัว อีซึงฮุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแทฮยอน หัวใจเหมือนถุกกระตุกวูบกับภาพที่เห็น แทฮยอนยกมือขึ้นปิดริมฝีปากที่สั่นเทา “พี่จะทำแรงๆก็ได้นะ ไม่ต้องถนอมผมมากหรอก”

“นายจะเจ็บเอาหน่ะสิ”

“พี่ทำตามที่ใจพี่อยากทำเถอะ ผมอยากรู้ว่าพี่รู้สึกกับผมแบบไหน”

อดไม่ได้...

อดใจไว้ไม่ได้เมื่อประโยคที่ดูจะน่ารักติดกับออดอ้อนนั่นออกมา

หัวเราะออกมาน้อยๆก่อนประกบริมฝีปากเป็นเชิงขอบคุณ ความแข็งขืนผ่านเนื้อผ้าออกมาทำให้อีซึงฮุนยิ้มมุมปาก

"มีอารมณ์เหมือนกันนี่ นึกว่าจะทื่อเป็นท่อนไม้" หยอกคนตรงหน้าก่อนจะได้แรงตีเบาๆเป็นผลตอบแทน

อีซึงฮุนถอดกางเกงอีกฝ่ายออกทันที แทฮยอนร้องออกมาเสียงหลงเมื่อมือใหญ่บีบเฟ้นร่างกายรุนแรง

แต่เป็นความรุนแรงที่แทฮยอนรู้สึกยินดีและสุขสม

ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความเห็นใจ

อีซึงฮุนรูดรั้งแกนกายแทฮยอนอย่างรุนแรงจนน้ำซึมออกมา ก้มลงเลิกเสื้อก่อนจะกัดยอดอกที่ตอนนี้แข็งสู้ลิ้นดีเหลือเกิน

เจ็บแต่กลับรู้สึกดี

แค่เป็นสัมผัสจากอีซึงฮุน แทฮยอนก็พร้อมยอมอย่างง่ายดาย

แทฮยอนเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดกางเกงให้อีกฝ่าย อีซึงฮุนเห็นดังนั้นจึงค่อยๆดึงอีกฝ่ายให้นั่งก่อนจะยืนเข่าให้อีกฝ่ายถอดเสื้อผ้าถนัดๆ

"เร็วๆครับ พี่ใจร้อน" พูดก่อนส่งยิ้มให้ใจเต้นแรง มือขาวปลดจนเสร็จ ความแข็งขืนตรงหน้าทำให้แทฮยอนเผลอเบือนหน้าหนี แต่อีซึงฮุนกลับจับใบหน้าอีกฝ่ายให้เผชิญตรงๆ

"ขอทำรุนแรงหน่อยนะ"ลุกยืนก่อนสอดใส่ในปากอีกฝ่ายอย่างรุนแรง ความใหญ่ทำให้แทฮยอนสำลักเพราะใส่มาเต็มแรงแถมลึกถึงคอหอย ยกมือตีหน้าขาเป็นเชิงบอกให้เบาแรงแต่กลับกลายเป็นว่าสอดใส่แรงกว่าเดิม

"อ่า อ่าส์"เชิดหน้าเพราะโพรงปากอุ่นร้อนดีเหลือเกิน ดึงออกก่อนประกบจูบด้วยความพึงพอใจ ลิ้นแลกลิ้นทั้งๆที่มือถอดเสื้อผ้าคนตัวเล็กออก ผิวขาวๆแค่บีบเบาๆก็มีรอยแดงยิ่งทำให้สติขาดผึ่ง อีซึงฮุนซุกไซร้ซอกคอที่ตอนนี้เอียงให้อย่างโดยดี ดูดดึงจนมีรอยแดง อีซึงฮุนต้องการแสดงความเป็นเจ้าของให้มากกว่านี้ มากพอที่จะบอกให้รู้ว่าตนเองรักอีกฝ่ายมากแค่ไหน

"อ่า อ่า" สอดใส่เข้ามาทีเดียวจนหมด ไม่มีการเตรียมตัวอะไรทั้งนั้นจนแทฮยอนน้ำตาไหลออกมา ต่างคนต่างเชิดหน้าเมื่อถูกเติมเต็มจากกันและกัน ช่องทางสีสดตอดรัดถี่รัวจนแทบเสร็จออกมา มือของอีซึงฮุนรูดรั้งอีกฝ่าย ก้มลงจูบปลอบลึกล้ำ

เหมือนจะใจร้อน แต่ก็เย็นอย่างไม่น่าให้อภัย

อีซึงฮุนเหมือนกับน้ำแข็งแห้งที่วางไว้ก็เหยียบเย็น แต่หากสัมผัสคงได้เป็นแผล

อีซึงฮุนละริมฝีปากออกมองก่อนจะยกยิ้ม จับข้อมือทั้งสองข้างของแทฮยอนขึงกับที่นอน

"อ้าขากว้างๆก็พอ" พูดจบก่อนจะเริ่มขยับสะโพกสอบทันที ความแสบขัดทำเอาแทฮยอนนิ่วหน้า หายใจหอบเพราะความเจ็บและความเสียว ก่อนจะกระทั้นไปโดนจุดกระสันเต็มแรง

หลุดเสียงหลงเมื่อความรู้สึกดีแทรกซึม อีซึงฮุนยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเสียวมากขึ้น มือจับข้อเท้าทั้งสองข้างก่อนอ้าออกกว้าง ขยับควงแรงๆก่อนกระแทกไม่หยุด

แทฮยอนกระตุกก่อนจะปลดปล่อยออกมา น้ำสีขาวขุ่นเปรอะเยิ้มที่หน้าท้อง

"หึ เยอะเหมือนกันนะ"จับอีกฝ่ายอยู่ในท่าคลานก่อนกดสะโพกให้โก่งขึ้น ดึงออกเกือบสุดก่อนกระแทกเข้าไปเต็มแรง แทฮยอนผวาเฮือก หยาดเหงื่อซึมออกตามไรผมจนเปียกชุ่ม

เสียงเตียงขยับยังไม่ดังเท่าเสียงเนื้อกระทบกับ อีซึงฮุนไม่ออมแรงจนแทฮยอนแทบทรุด แขนสั่นก่อนที่จะถูกแนบหลังลงมากอด มือทั้งบีบทั้งขย้ำหน้าอกราวกับว่าอีกฝ่ายเป็นสตรี สะกิดยอดอดที่แข็งขืนก่อนหอบกระเซ่าข้างหูแข่งกับอีกฝ่าย

"แฮ่ก พะ พี่ขอกระแทกแรงๆนะ จะเสร็จแล้ว" บังคับใบหน้าหวานให้หันมาแลกลิ้น สะโพกสอบก็กระแทกถี่ยิบก่อนแทฮยอนจะเสียววาบจากความอุ่นร้อนที่พุ่งในช่องทางหลัง

ทรุดลงกับที่นอนทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดถอนกายออก อีซึงฮุนมองแทฮยอนที่นอนหอบหายใจ ทั้งที่ปกติแล้วแทฮยอนไม่ใช่คนที่จะสื่ออารมณ์อะไรออกมาเก่งเท่าไรนัก แต่สิ่งที่เกิดเมื่อครู่ทำให้อีซึงฮุนรู้สึกดี

อย่างน้อยสีหน้าที่มีอารมณ์ร่วมของแทฮยอน รวมทั้งร่างกายที่ไม่ขัดขืนก็บ่งบอกว่าอีกฝ่ายรู้สึกดีกับเขาเช่นกัน

แทฮยอนอา

หืม

ขอบคุณนะที่ยอมพี่ขนาดนี้หอมหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ สีหน้าที่ดูอึดอัดช่องทางหลังของแทฮยอนทำให้อีซึงฮุนยิ้มออกมา อึดอัดหรอ

ไม่หรอก

งั้นต่อนะพูดก่อนจะขยับเบาๆจนแทฮยอนยู่หน้า อีซึงฮุนหัวเราะก่อนจะถอนตัวออกมา มองแทฮยอนทำหน้าแปลกๆ

ถึงจะอยากต่ออีกหลายรอบแค่ไหนแต่ความเป็นห่วงร่างกายคนตรงหน้าย่อมมีมากกว่า เพราะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนอารมณ์อ่อนโยนในเรื่องบนเตียงเท่าไร จัดท่าทางอีกฝ่ายให้นอนในท่าที่สบายก่อนจะเร่งแอร์เพื่อคลายความร้อน แทฮยอนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะผล็อยหลับไป อีซึงฮุนห่มผ้าให้อีกฝ่ายก่อนจะสอดตัวนอนข้างๆ จับอีกฝ่ายกอดแนบอกปัดไรผมและจูบด้วยความทะนุถนอมสุดหัวใจ

 อีซึงฮุนคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างเขากับแทฮยอน

ยิ่งความทรงจำจากวันนั้นจนถึงวันนี้มีมากเท่าไร

อีซึงฮุนยิ่งรู้สึกขอบคุณกับความรักที่มีให้เท่านั้น


พี่รักเรานะ






วันพฤหัสบดีที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun : Sticla Moonlight



[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun

Story : Sticla Moonlight 

#2H2016 


มกราคม, 1799


                เสียงโวยวายจากข้างนอกทำให้ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้น ร่างกายสมส่วนมีเพียงกางเกงนอนค่อยๆลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง อากาศเหยียบเย็นติดลบไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้แม้แต่น้อย

                ดวงตาสวยมองไปที่ตรอกแคบ มองเห็นชาวบ้านที่ใส่เสื้อผ้าหนากำลังตีอะไรอยู่สักอย่าง เสียงเซ็งแซ่และร่างแน่นิ่งอาบด้วยสีแดงช่างตัดกับหิมะเหลือเกิน เขายืนมองเหตุการณ์นั้น ไม่ได้รู้สึกอะไร

                ก่อนที่ชาวบ้านจะเดินออกไป

                ทิ้งไว้เพียงอีกคนที่นอนคุดคู้ แน่นิ่งท่ามกลางกองเลือด

                คนมองเห็นเหตุการณ์หันหลังให้กับหน้าต่างบานนั้นก่อนจะคว้าเสื้อผ้าและโค้ทอุ่นเพื่อสวมใส่ เดินลงจากบ้านที่อาศัยอยู่ ก้าวยาวเพื่อให้ถึงเป้าหมายโดยพยายามไม่ให้เป็นที่สนใจมากนัก

                ร่างกายเล็กตรงหน้าไม่มีการเคลื่อนไหว

                ยืนมองด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะอุ้มอีกฝ่ายขึ้นเพื่อพากลับบ้านของตน


                หม้อการ้อนส่งเสียงหวีดเมื่อถึงจุดเดือด กระจกขึ้นฝ้าเพราะความอบอุ่นภายในห้องตัดกับหิมะที่เริ่มหนักขึ้นทุกขณะ

                เขาเพียงนั่งจิบชา รอเวลาที่อีกฝ่ายจะฟื้นขึ้น

                ร่างเล็กเริ่มมีการขยับตัว ก่อนเสียงร้องโอดโอยจะดังขึ้นมาเพียงสองสามครั้งและเงียบไป

                เพียงชั่วครู่ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกพรวดขึ้นมา



                “ที่นี่ ที่ไหน...” กวาดสายตามองไปรอบๆก่อนจะพบกับบุคคลที่นั่งไขว่ห้างอยู่เงียบๆ

                ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ก่อนที่จะถอยตัวเองไปจนติดเตียง แม้ความเจ็บปวดทางกายจะมากกว่าแต่คงไม่สู้สิ่งที่ได้เห็นตอนนี้

                “ท่าน...ท่าน”

                “รู้จักฉันด้วยหรือเด็กน้อย”

                “ท่านพามาที่นี่หรือ” ปากคอสั่นน่าสงสาร ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นแต่ไม่เป็นผล ร่างกายเจ็บปวดเกินไปที่จะฝืน

                “ไม่ต้องลุกหรอก”

                “บ้าน!ผมต้องการกลับบ้าน”

                “บ้านที่มีแต่คนใจร้ายนั่นหรือ...ทำไมถึงอยากกลับหล่ะ” เอียงคอถามด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่สีหน้าไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรจนน่าตัวสั่น

                ร่างเล็กมองบุคคลตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว

                ‘บุคคลในข่าวลือคนประหลาดที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับเด็กน้อย ผิวสีขาวซีดและใบหน้าไร้อารมณ์แม้รูปลักษณ์จะเป็นที่เลื่องลือแค่ไหนก็ตาม ความลึกลับที่ได้ยินมาต่างทำให้เด็กชายกลัว

                บ้างก็ว่าเป็นปีศาจดูดกลืนเลือด

                บ้างว่าเป็นผู้ที่มีใจโหดเหี้ยมอำมหิต แม้มีสิ่งใดหลงเข้ามาในบ้านหลังนี้ต่างไม่ได้ออกไปสักราย

                เสียงเล่าอ้างถึงความน่ากลัวที่เด็กชายได้ยินมาต่างทำให้ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้ามาในเขตบ้านหลังนี้

                “ทะ...ท่าน”

                “เลิกเรียกท่านเถิด เธอไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวแม้แต่น้อย”

                ร่างกายที่สั่นเทิ้มอยู่ตรงหน้าช่างดูน่าสงสารจนต้องละมือออกจากถ้วยชาก่อนก้าวไป

                ก่อนที่ดวงตาจะสบกัน

                เด็กน้อยตรงหน้าค่อยๆหยุดสั่นเมื่อได้เห็นความอบอุ่นขัดกับรูปลักษณ์ที่แอบแฝงในดวงตาสวย

                ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายนั่งที่ขอบเตียงจนเมือที่เย็นเฉียบนั่นสัมผัสใบหน้า

                “ฉันชื่อแทฮยอน และต่อไปนี้ไม่ว่าเธอจะเคยเจออะไรมา ได้โปรดอยู่ในปกครองฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเถิดนะ”

                ราวกับถูกมนต์สะกดจากดวงตานั้น เด็กน้อยค่อยๆพยักหน้าลง

                “บอกชื่อให้ฉันรับรู้หน่อยได้ไหม”

                “ไม่มี...ผมไม่มีชื่อหรอก” เด็กน้อยก้มหน้าก้มตาก่อนตอบเสียงอ้อมแอ้ม

                ลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบาก่อนเอ่ย

                “อับบาส...อัลบาสจะเป็นชื่อของเธอตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปนะ เด็กน้อยของฉัน”


มกราคม ,1916
               

                ฝัน...

                ความฝันที่ผ่านมาแต่อดีตกลับมาทำให้รู้สึกอีกครั้ง แทฮยอนลูบหน้าด้วยความมึนงง

                ความน่ากลัวของกาลเวลาพรากคนสำคัญไปเสมอ เขารับรู้ดี ว่าทุกสิ่งย่อมเสื่อมถอยตามกาลที่ผ่านไป

                รู้...แต่ไม่ขอชิน

                แม้จะผ่านมาร่วมกว่าสองร้อยปีแล้วก็ตาม แต่แทฮยอนกลับจำได้ดีว่าวันนี้ วันที่เขาได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกทารุณกรรม วันที่เขาได้รู้จักความอบอุ่นที่หาไม่ได้ตลอดชีวิตที่ยาวนานหลายร้อยปีของเขา บุคคลที่ทำให้รับรู้ถึงการมีชีวิตอยู่หลังจากที่ใช้เวลาอยู่กับมันมานานจนลืมไปแล้วว่าความรู้สึกคืออะไร ทั้งความสุขที่ได้มองเด็กน้อยในปกครองเติบโตขึ้น ความรักที่หาสิ่งใดเติมเต็มปรารถนาให้ไม่ได้ยามได้ครอบครองเด็กน้อยนั่น รวมถึงความเจ็บปวดที่คนรักถูกพรากไปเป็นเหยื่อสังเวยแก่ฮาเดส*ก็ตาม
               

                คุณรู้จักอาตมันไหม...

                ‘ความปรารถนาที่จะคงอยู่ตลอดไป

                เพราะความเชื่อในปรารถนาประหลาดทำให้เขาคงอยู่ในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มอายุ 17 ปีตลอดกาล

                ไม่มีความตามใดพรากชีวิตเขาได้ เป็นอัตตานิรันดร

               

                ยกมือขึ้นเปิดโทรทัศน์เพื่อดูข่าวสาร เวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน เขาทำได้เพียงแต่เดินทางไปเรื่อยๆเพื่อค้นหาความหมายของชีวิตที่ดูจะไร้จุดจบของเขา ความทรมานที่ต้องเห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตายของบุคคลที่รู้จัก หรือแม้แต่เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ที่เขาได้พบเห็นหลายๆร้อยปี เหมือนเป็นเพียงละครฉากต่อฉากถ้าหากจะเทียบกับปัจจุบันนี้
               

                นิ่งเงียบงันเมื่อมีข่าวเช้าวันนี้มีการประกาศเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปารีส ถัดมาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส การเสนอข่าวที่เกี่ยวกับการตายและการรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในการปฏิวัติเมื่อครั้งนั้น

                หลับตาลงทั้งๆที่หูยังฟังเรื่องราวที่ไหลผ่านเข้ามา นึกถึงอดีตที่ทำให้เขาเกือบตายสมใจแต่สิ่งที่เกิดกลับกลายเป็นอีกคนที่แสนรักจากไปแทน สงครามเป็นสิ่งที่มีทุกยุคสมัยและไม่มีทางจบสิ้นตราบใดที่ผู้คนยังมีรัก โลภ โกรธ หลง ข่มใจเมื่อภาพในวันวานหวนกลับมา


                “แทฮยอน...แทฮยอน ผมเอาดอกไม้มาให้”

                “ขอบใจนะ” พูดก่อนหยิบดอกไม้สีฟ้าอมม่วงดอกเล็กมาไว้ในมือ ก่อนเด็กน้อยตรงหน้าจะเดินเข้าใกล้อย่างกล้าๆกลัวๆ

                “มีอะไรหรืออับบาส”

                “ผม...ผมอยากนั่งตักแทฮยอนฮะ” แทฮยอนหลุดยิ้มออกมาบางเบาเมื่อเด็กน้อยตรงหน้าเอ่ยออกมาตรงๆ ดึงมืออีกฝ่ายขึ้นนั่งก่อนจะลูบหัวด้วยความเคยชิน รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาแบบบรรยายไม่ถูก เป็นความรู้สึกที่เขาเองไม่ได้สัมผัสมาหลายร้อยปี

                อยากที่จะสัมผัสเด็กตรงหน้าเพื่อให้รู้สึกถึงการมีชีวิตมากกว่านี้...

                “อับบาส โปรดหลับตา” เด็กในปกครองดูจะเชื่อฟัง ดวงตาเล็กหลับลง แก้มฟูที่มีรอยยิ้มช่างน่ารัก แทฮยอนหยิบดอกไม้ออกมาเพียงหนึ่งดอกก่อนจะทัดหูเด็กน้อยบนตัก ลูบผมเพียงแผ่วเบาก่อนจะประทับริมฝีปากลงแก้มนุ่ม เด็กน้อยในตักลืมตาด้วยความตกใจ

                “แทฮยอน...”

                “ฉันหวังว่าเธอจะอยู่ด้วยกันตลอดไป แม้เธอจะเป็นเพียงเด็กน้อย แต่เธอก็เป็นคนที่ฉันอยากอยู่ด้วย...”

                “ผมไม่เข้าใจที่แทฮยอนจะสื่อฮะ แต่ถ้าหากว่าแทฮยอนเหงา แทฮยอนจะมีผมตลอดไปฮะ ผมสัญญา” เด็กน้อยละออกจากตักก่อนจะเดินไปนั่งที่เปียโนเครื่องใหญ่ หลับตาพริ้ม ก่อนจะเริ่มเล่นดนตรีที่ทำให้แทฮยอนจิตใจสั่นไหว...

                Moonlight 1st movement



                เสียงประตูปิดลงก่อนที่จะมีมือเล็กโอบรอบคอเขา แทฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่ออดีตที่หวนรำลึกกำลังทำให้หยาดน้ำใสไหลออกมาเพียงแผ่วเบา

                “ร้องไห้อีกแล้วนะ”

                แทฮยอนยกยิ้มเมื่อเสียงเล็กๆนั่นพูดเป็นเชิงตำหนิ ก่อนจะตัดสินใจดึงคนด้านหลังให้มานั่งตักเขาเหมือนวันวานเมื่อหลายร้อยปี

                ไม่มีเด็กชายอัลบาสวัยสิบขวบที่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน

                แต่กลับมีคนที่ชื่อซึงฮุนอยู่ในความเป็นปัจจุบันของเขาแทน

                “รู้สึกไม่ดีหรือแทฮยอน” ซึงฮุนหันมามองคนที่ดึงนั่งตักด้วยความงุดงง อีกฝ่ายมักเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อถึงช่วงมกราคมของทุกปี ซึงฮุนดูไม่เข้าใจเท่าไรนักซึ่งแทฮยอนเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้มากมาย

                “แล้วแทฮยอนเรียกผมมามีอะไรหรือเปล่า”

                “ฉันอยากให้เธอช่วยอะไรฉันหน่อยซึงฮุน”

                “...”

                “ฉันมีอยากเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันให้เธอฟัง”

                แทฮยอนลุกขึ้นก่อนจะจับมือที่ดูผอมบางนั้นให้เดินตามมา เสียงก้าวเดินต่างจังหวะ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา แทฮยอนพามาที่ห้องแห่งหนึ่งที่ซึงฮุน เด็กชายที่แทฮยอนรับมาอุปการะไม่เคยเห็นตั้งแต่อยู่ที่นี่มาเกือบสิบปีตั้งแต่ที่ได้เจอกับแทฮยอน

                “แทฮยอน ที่นี่คือ...”

                “นี่เป็นห้องของฉันเอง ฉันสร้างไว้ให้คนพิเศษ” ความวูบไหวปรากฏขึ้นทางสายตาเพียงครู่ก่อนที่จะหายไป “คนที่เหมือนกับเธอมาก...ซึงฮุน แต่ต่างกันเพียงที่ว่าเขาเจอสิ่งเลวร้ายมามากเกินกว่าที่คนเช่นเธอจะเข้าใจได้” ปล่อยมืออกจากอีกฝ่ายก่อนที่จะเริ่มหมุนรหัสลูกบาศก์ที่อยู่ตรงประตู อักษรโบราณดูเป็นอะไรที่ยากเกินกว่าเด็กอายุสิบเจ็ดอย่างซึงฮุนจะเข้าใจ

                ใช้เวลาเพียงไม่นานประตูไม้เก่าแก่ก็เปิดออก แทฮยอนเดินเข้าไปก่อนหน้าเพียงชั่วครู่ ก่อนจะชะงักและหันมาหาซึงฮุน

                “ซึงฮุน...ในฐานะที่ฉันเองก็รับเธอมาเลี้ยงตั้งแต่เด็ก ฉันไม่คิดว่าเธอคงชอบใจเท่าไรนักหากเราต้องมีเรื่องปิดบังกัน แต่ฉันก็อยากให้เธอคิดดูดีๆ เพราะสิ่งที่เธอจะได้รู้ต่อจากนี้อาจทำให้เธอรู้สึกกับฉันไม่เหมือนเดิมก็ได้”

                “ผมไม่เข้าใจที่แทฮยอนจะสื่อ...”

                “ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง ว่าจะถอยออกไปหรือก้าวเข้ามา”

                บรรยากาศที่เปลี่ยนไปหลังจากพูดจบนั้นทำให้ซึงฮุนรู้สึกแปลกๆ ไม่มีความอบอุ่น ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีอะไรเลย....

                เป็นความว่างเปล่าที่น่ากลัว

                แต่ในความน่ากลัว มีสิ่งที่เรียกว่าความอบอุ่นปรากฎอยู่เสมือนแสงสว่างของปากทางอุโมงค์ที่อยู่ไกลโพ้น

                ซึงฮุนสูดหายใจลึกๆก่อนจะยื่นมือไปข้างหน้า สัมผัสความเย็นเฉียบของมือที่ส่งมา ซึงฮุนไว้ใจแทฮยอนมากกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่น หากการที่แทฮยอนตัดสินใจจะบอกอะไรสักอย่างกับเขา เขาก็ยินดีที่จะรับฟังมัน

                โดยไม่รู้เลยว่าอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดไปตลอดชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ของเขา


                อีซึงฮุนน้ำตาคลอออกมา เมื่อความรู้สึกหลังได้รับรู้ความจริงตีเข้ากลางแสกหน้า สับสน มึนงง เสียใจ ทุกอย่างปนเปจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

                "ซึงฮุน เธอรู้ไหมว่ากระจกมันทำหน้าที่อะไร...กระจกมันทำหน้าที่สะท้อนทุกอย่างออกมาอย่างซื่อตรง มันสะท้อนความจริงที่มันเห็น จนบางครั้งฉันก็แปลกใจกับสิ่งที่มันสะท้อนกลับมา"

                แทฮยอนก้มหยิบเศษกระจกเงาที่ตกอยู่ข้างๆกายขึ้นมา ฝุ่นที่จับบ่งบอกว่ามันผ่านมานานแค่ไหนที่ห้องห้องนี้ไม่ได้รับการเปิดเข้ามาดูแล

                "ฉันเอง...ไม่เคยส่องกระจกหรอก เลยไม่เคยรู้ว่ารูปลักษณ์ของฉันเป็นอย่างไง เพราะฉันไม่มีเงาสะท้อนในกระจก...ไม่มีเลย"

                "แต่ตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเธอ ซึงฮุน"เศษกระจกที่แทฮยอนหยิบออกมาถูกบีบจนแตกคามือ เศษของมันทิ่มแทงเข้าไปในมือก่อนที่ความข้นหนืดสีแดงเข้มจะไหลออกมา"เธอเป็นคนสอง....ที่ในดวงตาของเธอมีเงาสะท้อนของฉัน รองลงมาจากอับบาสคนที่ฉันให้เธอดูเมื่อครู่นี้"

                "ทะ...แทฮยอน"

                "ฉันจะทะนุถนอมเธออย่างดี ที่รักของฉัน"

                "มะ..ม่ายยยยยย"

                ซึงฮุนกรีดร้องออกมา ใบหน้าที่เคยสดใสกลับเปรอะด้วยคราบน้ำตา ความเย็นเฉียบของกระจกที่ลูบตรงต้นขาทำให้ซึงฮุนดิ้นอย่างรุนแรง โซ่สี่เส้นที่ล่ามแขนขาไว้ดังกระทบก้องไปทั้งห้องมืดแคบ

                "อย่าดิ้นขนาดนั้นเลย เธอจะเจ็บตัวนะ" กดปลายแหลมของกระจกลงไปที่เสื้อจนความเข้มของเลือดซึมออกมา ซึงฮุนกระตุกด้วยความเจ็บ แทฮยอนใช้กระจกกรีดเสื้อผ้าก่อนจะกระชากจนขาดวิ่น รอยแดงที่เกิดจากการที่กระจกขูดตามผิวหนังทำให้เลือดซึมออกมา ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจก่อนจะก้มลงหอมแก้มเพียงเบาๆ

                "ฉันอยากทำอย่างนี้กับอับบาสตลอดเลย...น่าเสียดายที่เขาเป็นเพียงเด็กสิบขวบผู้น่าสงสาร ฉันเลยทำอะไรมากไม่ได้ เขาสดใสเกินกว่าจะถูกความสกปรกของฉันเข้าทำให้เปรอะเปื้อน"

                "แทฮยอนไม่รักผม...."

                "เพราะรัก...ฉันจึงทำมันต่างหากหล่ะ" ยกยิัมเล็กน้อยให้อีกฝ่ายก่อนจูบซับน้ำตาเพียงแผ่วเบา "ฉันรอเธออายุสิบเจ็ดปีมาตลอดเลยรู้ไหม วันที่เธอจะอายุเท่าฉันก่อนที่จะกลายเป็นแบบนี้"

                แทฮยอนเดินไปที่ตู้กระจก หยิบไวน์ที่วางไว้ก่อนจะเทมันลงบนตัวซึงฮุน ความแสบร้อนจากแอลกอฮอล์ที่ถูกบาดแผลทำให้กรีดร้องออกมาอีกครั้ง เลือดซิบซึมออกมาก่อนที่แทฮยอนจะตัดสินใจกดข้อมืออีกฝ่ายแน่นขึ้น เรียวลิ้นละเลียดรสไวน์ช้าๆ ความหวานขมปะปนมากับคาวเลือดทำให้หัวใจสูบฉีดรุนแรงขึ้น แทฮยอนละออกก่อนจะปลดโซ่ทั้งหมด ประคองอีกฝ่ายที่อ่อนแรงให้นั่งก่อนสวมกอด มือประโลมหลังและกดศีรษะให้ซบที่บ่าของตนเอง

                “เธอร้องไห้ได้น่าเกลียดมากรู้ไหมซึงฮุน น้ำตาที่ไหลออกมาของเธอบดบังความสวยของเธอหมดแล้ว ถึงแม้ว่าฉันจะชอบมันก็เถอะนะ”

                เสียงสะอื้นน่าสงสารค่อยๆเงียบหายไปก่อนจะเหลือเพียงแค่ลมหายใจแผ่ว แทฮยอนค่อยๆเปลี่ยนจากการกอดเป็นอุ้มอีกฝ่ายแทนเพื่อจะพาออกไปจากห้องแห่งนี้ หยุดมองไปที่ร่างไร้วิญญาณของอัลบาสที่อยู่ในโลงบรรจุสารฟอร์มาลีนก่อนจะสลับมามองที่ซึงฮุน รูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวฝาแฝดทำให้เขาถอนใจ แม้นิสัยใจคอจะไม่เหมือนกันแต่สิ่งเดียวที่ทำให้รู้สึกได้ว่าทั้งอัลบาสและซึงฮุนคือคนที่ตามหาคือดวงตา

                ดวงตาที่เปรียบเหมือนดวงจันทร์ยามรัตติกาล

                และดวงตาที่สะท้อนทุกอย่างเหมือนกระจกเงา
               


                ซึงฮุนสะดุ้งสุดตัวก่อนจะลุกขึ้น มือเรียวปาดเหงื่อชื้นที่ออกทั้งๆที่เครื่องปรับอากาศทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม

                ฝันงั้นหรือ

                ก้มมองร่างกายตัวเอง ชุดยังอยู่ในสภาพดีและร่างกายไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย แต่ความเจ็บเสียดที่บริเวณบั้นเอว ณ จุดที่ถูกกระจกแทงจนมิดในห้วงแห่งฝันกลับมีขึ้นเป็นพักๆ ลูบแขนตนเองก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อรับรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝัน

                ซึงฮุนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่แทฮยอนบอกในฝัน...เขาจับใจความไม่ได้ว่า ความจริงที่แทฮยอนบอกนั่นคืออะไร

                “ฝันบ้าบออะไรได้เป็นตุเป็นตะนะเรา

                ส่ายศีรษะก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่ม

                ฉึก!!!


               
                ซึงฮุนสะดุ้งสุดตัว หันกลับไปมองที่นอนก่อนจะพบว่ามันยังคงสภาพดีเช่นเดิม ไม่ใช่ที่ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมที่มีคราบคาวเลือดเกรอะกรังปนเปกับสนิมหนา

                ไม่มีความเจ็บปวด

                ไม่มียอดแหลมที่ทะลุอกมา

                ฝันซ้อนฝันงั้นหรอ

                ลูบหน้าด้วยความไม่เข้าใจก่อนจะรับรู้ถึงความตึงเครียดของข้อมือ เสียงกุกกักทำให้ต้องมองก่อนจะค้างนิ่งเมื่อโซ่ตรวนล่ามที่ข้อมือทั้งสองข้าง โยงไปจนถึงหัวเตียงและข้อขาก็เช่นกัน สายตามองเลยไปจนถึงอีกคนที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียง

                เหมือนภาพเดจาวูซ้ำซ้อนหวนกลับมาอีกครั้ง

                ใบหน้าเรียบนิ่งนั่งไขว้ขาจิบชาเพียงแผ่วเบา ไม่สื่ออารมณ์ใดๆนั่นชวนให้ขนลุกชันทั้งร่างกาย ก่อนที่อีกฝ่ายจะลุกขึ้นเดินเข้ามาหาช้าๆ

                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศรอบตัวของคนด้านหน้าหรือไม่ แต่ซึงฮุนเลือกที่จะถอยตัวเองจนติดหัวเตียง ความกลัวที่ทำให้แทบกรีดร้องออกมาแต่กลับไม่มีเสียง ซึงฮุนทำได้เพียงอ้าปากพะงาบๆเสมือนปลาที่กำลังขาดอากาศหายใจ ก่อนที่มือเย็นเฉียบจะสัมผัสใบหน้าเพียงแผ่วเบาแต่ทำให้สั่นไปถึงหัวใจ

                “ตื่นเถอะซึงฮุน หมดเวลาของการท่องเที่ยวแล้วหล่ะ”



มกราคม,2016


                ซึงฮุนลืมตาขึ้นก่อนจะปิดลงอีกครั้งพร้อมที่น้ำใสไหลออกจากดวงตา จ้องมองคนตรงหน้าที่ตอนนี้มองมามาเงียบๆ

                “แทฮยอน...”

                “...”

                “ทรมานมากไหมที่ต้องรอผมมานานขนาดนี้”

                แทฮยอนยกยิ้มขึ้นมาเพียงบางเบา ซึงฮุนมองร่างกายของคนตรงหน้าไม่ได้ดูชราลงตามกาลเวลา แม้จะทำใจให้เชื่อได้ยาก...แต่สิ่งที่แทฮยอนทำให้เขาได้เห็นในห้วงแห่งความคิดนั่นมีเหตุผลมากพอที่จะคลายความสงสัยทั้งหมดที่ซึงฮุนเคยนึกมา

                “ฉันแค่อยากให้เธอดูซึงฮุน เพราะฉันรู้ตัวว่าวันนี้คงจะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะอยู่แล้ว”

                “แทฮยอนจะไปไหน”

                “...”

                “ตอบผมสิ แทฮยอน ตอบผมสิ!!!” ซึงฮุนเขย่าแขนคนตรงหน้าแรงๆ ผิวขาวซีดตัดกับริมฝีปากสีสดไม่ได้ตอบอะไร แทฮยอนยกยิ้มก่อนจะยกมือประคองหน้าของซึงฮุนให้หยุดนิ่ง ดวงตาสบกันก่อนที่ระยะห่างจะเหลือเพียงแค่ศูนย์

                สมองของซึงฮุนว่างเปล่า ริมฝีปากของคนตรงหน้าขยับออกเล็กน้อยก่อนจะพูดเพียงแผ่วเบา

                “ฉันไม่หนีเธอไปไหนหรอกซึงฮุน”

                “...”

                “เพราะเธอได้ไปกับฉันแน่”

                แทฮยอนพูดก่อนจะก้มลงดูข้างล่างทำให้ซึงฮุนมองตาม ลมหายใจจะสะดุดเมื่อคมมีดที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายถือมาตอนไหนปักอยู่ที่อก ซึงฮุนยกมือขึ้นกุมมีดที่ตอนนี้เปรอะไปด้วยเลือด ความเจ็บปวดแทรกซึมจนร้าวไปหมด แทฮยอนหันกลับไปคว้ามีดเล่มเล็กอีกด้ามมาถือก่อนที่จะกรีดผิวเหมือนขีดตัวอักษรภาษาอังกฤษลงมาที่หน้าท้อง ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือแทฮยอนยกปืนขึ้นจ่อที่ขมับขวาของตน ส่งรอยยิ้มอ่อนโยนและพูดออกมาแผ่วเบา

                “ฉันรักเธอนะซึงฮุน”

                ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงเหลือเพียงกลิ่นคาวเลือด ดินปืน และความรู้สึกปรารถนาหน่วงลึกของคนสองคน



                ปึก!

                แทฮยอนปิดหนังสือที่อยู่ในมือก่อนถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ก้มมองดูร่างของซึงฮุนแล้วรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง เมื่อร่างกายของคนตรงหน้าแน่นิ่งไปท่ามกลางกองเลือด กลิ่นดินปืนที่ฝังอยู่ที่ขมับของตนทำให้แทฮยอนรู้สึกมึนเล็กน้อย เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนเลือดตนเองและของอีกคนเกรอะกรังเกินจะทน

                ลูบรอยแผลที่ชำแหละตรงหน้าท้องของซึงฮุนก่อนมองมันด้วยความพึงพอใจ “กรีดสวยเหมือนกันนะเนี่ย”

                อุ้มอีกฝ่ายเข้าห้องน้ำก่อนจะวางไว้ในอ่าง เปิดน้ำอุ่นจากฝักบัวราดลงบนร่างกายของซึงฮุน สีแดงชุ่มซึมบนเสื้อไหลออกมาตัดกับสีขาวของพื้นกระเบื้อง รอสักพักจนน้ำเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีขาวใส ร่างกายซีดเซียวถูกประคองขึ้นก่อนจะถอดเสื้อผ้าทุกอย่างออก ผ้าขนหนูผืนหนานุ่มซับตามร่างเปลือย

                ร่างกาย...ที่แทฮยอนปรารถนาจะครอบครองกันและกันตลอดไป

                XVII

                ร่องรอยที่แทฮยอนทำขึ้น เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะกลับมาตามความหมายของเลข สอดร่างกายลงนอนข้างซึงฮุนหลังจากแต่งตัวให้อีกฝ่ายเรียบร้อย ประคองหัวแนบอกของตนเอง ลูบไล้แผ่วเบาก่อนเผยรอยยิ้มออกมา

                “แล้วเราจะได้เจอกัน ที่รักของฉัน”

                ความปรารถนาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป  ฉันจะไม่ลืมเลือน เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอจะได้พบฉันเป็นคนแรกตลอดไป


XVII

(ฉันเคยมีชีวิตอยู่)

 ความตายจะเป็นเครื่องหมายของการอยู่ร่วมกันตลอดไป












>>>>THANK TO
@projecthoonnam สำหรับโปรเจกค์หน้าร้อนดีๆแบบนี้
และขอบคุณสำหรับชาวเรือทุกคนที่ทำให้โปรเจกค์นี้เกิดขึ้นมาได้

ในส่วนของโปรเจกค์นี้มีธีมหลักคือ HORROR
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ต้องขอโทษและขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านจริงๆค่ะ
หากมีข้อผิดพลาดอะไรต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
แนะนำ หรือติชมได้ที่ #2H2016 หรือ @Koyteera ได้นะคะ
แล้วเราจะเจอกันใหม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ