BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2558

[SF] Lee seunghoon x Song Minho : You’re Mine [2]

[SF] Lee seunghoon x Song Minho  
Story :  You’re Mine [2]








ความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคนสามารถสร้างขึ้นมาได้โดยง่าย
.
.
.
แต่กลับพังได้ง่ายดายกว่าตอนที่สร้างมันขึ้นมาเสียอีก




“ฮยอง ปล่อยผม” คนผิวเข้มออกแรงสะบัดหลังจากถูกลากมาที่ลานจอดรถด้านหลังผับ
“นายทำไมดื่มมากขนาดนี้ห๊ะมินโฮ” ตะคอกใส่อย่างเหลืออดเมื่ออีกฝ่ายยังออกแรงขัดขืน
แม่ง ตัวไม่ได้บางๆนะเว้ย
“แล้วฮยองมายุ่งไรกับผมวะ  เลิกกันแล้วก็แล้วไปดิ มาราวีทำไม”
“ราวีบ้าอะไร  แทบต่อยกับคนในร้านแล้วยังทำซ่าอีกนะ” ผมจุกกับคำพูดมินโฮนิดหน่อย  แต่มันไม่ใช่ประเด็นที่ผมจะหยุดลากอีกฝ่ายกลับแบบนี้
...ถ้าถามว่าทำไมเรื่องมันเป็นอย่างนี้หน่ะหรอ
บอกตามตรงผมก็ยังงงๆอยู่เหมือนกัน


ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้
“แม่ง ทำไมลืมได้ว่ะ” ผมอดจะบ่นกับตัวเองแบบหงุดหงิดนิดๆไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าลืมกุญแจรถยนต์ไว้ที่รถ ต้องกลับออกมาจากช็อป รถก็ดันจอดไกลอีก  เพราะวันนี้จราจรติดขัดเหลือเกิน
ผมรีบเดินข้ามถนนก่อนจะเปิดประตูรถ
โอเค ไม่มีอะไรหาย
ผมกระชากกุญแจออกก่อนจะกดปิดตัวรถอีกครั้ง มือควงกุญแจก่อนจะรอสัญญาณไฟให้ข้ามถนนอีกครั้ง
พลันสายตาเหลือบไปเห็นคนหนึ่งอยู่อีกฟากของถนน
....และคนผิวเข้มคนนั้นผมก็คุ้นซะด้วยสิ
มือสวยคู่นั้นยังคงกระชับกระเป๋าใส่กระดานวาดรูปไว้แน่น 
อา...เขาดูอ้วนขึ้นนิดๆนะ  สงสัยไม่ค่อยออกกำลังกาย
มันก็ดีไม่ใช่หรอวะที่เขาสมบูรณ์ขนาดนั้น หลังจากเลิกกับผม
แตกต่างกับผมที่ผอมเหมือนขี้เหล้า  มันก็ไม่แปลกเท่าไรในเมื่อผมกินเหล้าแทนข้าวเกือบทุกเย็น
“นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านนี่ จะไปไหนนะ” ผมพูดออกมาเบาๆเมื่อสังเกตว่าทางที่อีกฝ่ายกำลังเดินมันไม่ใช่ทางกลับบ้าน
...มันแปลกตรงไหน  ผมเลิกกับเขาแล้วก็จริง
แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขานี่
ผมตัดสินใจแอบเดินตามอีกฝ่ายเป็นระยะๆ
ผมรู้สึกเหมือนตอนที่เริ่มแอบมองเขาสมัยมัธยมอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้มันกลับต่างกัน ในเมื่อเราสองคนต่างเรียนจบทั้งคู่แล้ว เรามีงานเป็นของตัวเองทั้งคู่แล้ว
และเขาก็ไม่ได้เดินรอผมเหมือนที่เคยทำ...
“หือ” ผมขมวดคิ้วหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้าผับที่ผมชอบมาเป็นประจำ เหลือบมองนาฬิกาข้อมือ แปลกใจนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาก่อนร้านเปิดนิดหน่อย
มาทำงาน? หาเพื่อน? แฟนใหม่?
กึก
คำถามหลังทำผมโมโหแบบไม่ทราบสาเหตุ
ย่าห์  อีซึงฮุน  นายไร้เหตุผลขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
...ลืมไป ว่าผมไม่ได้เป็นคนมีเหตุผลเท่าไร
.
.
.
ก็นั่นแหละ  ผมแค่ตามแฟนเก่ามา  แล้วเจอทะเลาะกับคนเมาในร้านเลยลากออกมา
 มินโฮถึงจะใจร้อนก็จริงแต่ถ้าหากไม่ถึงจุดที่จะทนได้จริงๆก็คงไม่ก่อเรื่องแบบนี้
“ฮยองแม่งพาผมไปไหนวะ” อีกฝ่ายโวยวายเสียงอ้อแอ้ ปกติไม่เคยเมาขนาดนี้แท้ๆ
“กลับคอนโด”
“ไปส่ง อึก ที่บ้านผม”
“มินโฮยา  เดียวแม่นายก็ว่า”
“อย่ามาเรียกผมแบบนั้น..”
มินโฮหันมามอง  หัวที่พิงกระจกพยายามยกให้ตรง แต่ดูทุลักทุเลเกินทน
“มันเรื่องของผม...”อีกฝ่ายว่าก่อนที่จะเผลอหลับไป ให้ตาย ขี้เมาแล้วหลับนี่หว่า
ผมส่ายหัวเบาๆ ไม่สนใจคำพูดอีกฝ่ายก่อนจะเร่งขับรถที่ให้คนรู้จักไปเอามาไว้ที่นี่  ไม่คิดว่าจะได้ใช้จริงๆ
วันนี้ผมไม่ได้พาใครไปวันไนท์เช่นเคย
ผมพาคนที่ผมยังรัก กลับไปยังที่ๆเคยอยู่ด้วยกัน
.
.
.
.
...ผมชักอยากเปลี่ยนใจละ
“เชี่ย แม่งหนักชิบ” ผมจับอีกฝ่ายพาดไว้ที่หลังแล้วลากมาแบบทุลักทุเล
ใช่ ผมลากมา
แปลกตรงไหน แฟนกันก็ทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ
มั้ง
“เห้ออออ” ผมถอนหายใจยาวเมื่อลากอีกฝ่ายมาถึงห้องสำเร็จ วางมินโฮไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องนอนอีกห้องที่มินโฮเคยนอน
นานแล้วเหมือนกันนะที่ไม่ได้เปิดห้องห้องนี้
เผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัวก่อนจะเดินไปอุ้มอีกฝ่ายในท่าเจ้าสาว
....เอิ่ม  อุ้มใกล้นิดเดียวผมพอไหวอยู่หรอก แต่ก็นะ
“หนักชิบหาย” ผมบ่นก่อนจะถอดเสื้อผ้าอีกฝ่าย ใจเต้นแปลกๆนิดหน่อย พยายามไม่โฟกัสท่อนล่างเท่าไรนัก  มือปัดไปมาระหว่างเช็ดตัวให้อีกฝ่าย
นี่ทำเพราะกลัวอีกฝ่ายจะไม่สบายตัวหรอกนะ ไม่ได้คิดอะไร
ทำไมต้องมองแบบนั้นวะ  ผมไม่ได้คิดอะไรจริงๆ
เผลอมองต่ำลงไปที่อีกฝ่าย กลืนน้ำลายเฮือกใหญ่
...ไม่ได้เห็นแค่แปปเดียว
 แม่งใหญ่จังวะ
...ผมหมายถึงกล้าม
รีบคว้าผ้านวมคลุมอีกฝ่ายจนทับหัว ไม่ต้องใส่หรอกเสื้อผ้า
แม่ง สติจะแตก
ผมรับหันหลัง เดินออกไปจากห้องทันที
ปัง!
“นอนแล้วแม่งยังทำกูหวั่นไหวอีกนะ” ถอนหายใจพลางก้มมองฮุนน้อยที่ลุกขึ้นอย่างเอาเรื่อง
เฮ้อ
เกิดเป็นอีซึงฮุนทำไมพระเอกขนาดนี้นะ
หล่อแล้วยังแสนดีอีก
ไม่หลงตัวเองเท่าไรหรอก
เรื่องจริงนะ ทุกคนก็รู้
ถอนหายใจอีกรอบพลางคิดว่าจะเอายังไงดี ถ้าอีกฝ่ายลุกขึ้นในตอนเช้า ก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำแบบเสียอารมณ์
ตัดสินใจละ
ในเมื่อลืมไม่ได้ ก็ง้อดิวะ
.
.
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น
พลัก!!!
“โอ้ย ใครถีบกู” ผมลุกขึ้นอย่างอารมณ์เสีย  คนกว่าจะได้นอนก็ดึกนะเว้ย
แล้วใครมาถีบกูวะ
“ผมเอง” เสียงต่ำเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน “ผมมาอยู่ห้องฮยองได้ไง”
ผมลุกขึ้น  ก่อนจะประจันหน้ากับอีกฝ่าย ผมยุ่งๆที่ดูท่าว่าคงเพิ่งตื่นก่อนหน้าผมไม่นานเท่าไร
ผมยิ้มกวนประสาท
“นี่ลุกขึ้นมาไม่ได้ดูสภาพตัวเองเลยหรือไง...” ผมพูดก่อนมองจากหัวจรดเท้า
“อะ อะไร ไม่เห็นต้องอายอะไร” มินโฮพูดเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะทำหน้านิ่ง “ฮยองก็แค่แฟนเก่า เห็นแล้วไง ไม่ได้ทำให้ผมสึกหรอนักหรอก”
ผมรู้สึกหน้าชากับคำพูดตอกหน้าของมินโฮ  มือเผลอกระชากอีกฝ่าย
“ไปหัดพูดจาประชดประชัน ผัว คนนี้มาจากไหนละฮึมินโฮ อยากรำลึกความหลังมากไหมละ เดียวจัดให้ถึงใจเลยเป็นไง”
“เก็บเอาลีลาอ่อนๆไปไว้ใช้กับพวกคนของนายเหอะอีซึงฮุน  ปล่อย” มือสลัดออก สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ผมรู้สึกตัว
เอาอีกแล้ว
นี่มันจะกลับไปเป็นเหมือนตอนสุดท้ายก่อนจะเลิกกันอีกแล้ว
ผมกำมืออีกฝ่ายแน่นกว่าด้วยอารมณ์โมโห
ผมไม่ได้โมโหที่อีกฝ่ายดูถูกว่าผมอ่อน
ผมโมโหที่ผมจะขอโทษอีกฝ่าย แต่มันกำลังกลายเป็นผลักไสตัวเองแบบนี้
ผมโมโหปากของผม โมโหท่าทีที่กำลังจะเกิดเพราะความขาดสติชั่วคราวของตัวเอง
ผมผลักอีกฝ่ายลงกับพื้น  มินโฮหน้ายู่หนักกว่าเดิม
แน่ละ อาการแฮงค์คงกำลังเล่นงานเขา
รวมทั้งอาการเจ็บที่ถูกกระแทกกับพื้นด้วย
ผมย่อตัวไปบีบคางมินโฮ  สายตานิ่งๆส่งให้อีกฝ่าย
“ปากดีอย่างงี้คงไม่มีใครเอานายอยู่หรอกนะมินโฮ” ก่อนจะกระชากอีกฝ่ายมากอด อีกฝ่ายสะดุ้งกับท่าทีขึ้นๆลงๆของผม “นอกจากฮยองคนนี้หน่ะ”
มินโฮแข็งค้างไป ไม่ดิ้น นั่นทำให้ผมพูดต่อ
“ขอโทษ...”
“ปล่อย...อีซึงฮุน ปล่อยดิวะ”
“ไม่ปล่อย  นี่ง้ออยู่นะเว้ย” ผมหลับตาปี๋ กอดอีกฝ่ายแน่นจนอีกฝ่ายดิ้นไม่ได้
แม่ง  หมีมันแรงเยอะ  แต่ผมไม่ยอมหรอก
“เพิ่งนึกได้หรอวะว่าควรง้อ ไม่มีใครให้เอาแล้วหรอไง” มินโฮหยุดดิ้นหลังจากดิ้นไปได้สักพัก
“มี  แต่เอาไม่ทนแบบมินโฮของฮุนสักคน”
“แม่ง...ปล่อยเลย” มินโฮผลักผมอีกครั้ง “อย่าคิดว่าจะง้อง่ายๆนะ”
“ก็ไม่ง่ายหรอก  กว่าจะจีบได้ตั้งหลายปี  กว่าจะมาอยู่กับฮยองก็ตั้งนาน นี่ไม่เคยยอมใครขนาดนี้เลยนะ”
มินโฮลุกขึ้นและเดินถอยหลัง สายตาเต็มไปด้วยคำถาม
“มาอารมณ์ไหนวะ”
“อารมณ์ง้อเมีย”
ผมตอบหน้าจริงจัง  มินโฮหน้าแดงเถือกขึ้นมา
“จะเอาจริง...ไปเคลียร์กับเด็กในสต๊อกก่อนไหม”
“ก็กำลังเคลียร์กับเด็กอยู่นี่ไง..”
“พ่อง....”
“ก็มินโฮกำลังเข้าใจฮยองผิด  ฮยองแค่อยากให้มินโฮหายอารมณ์เสียก่อน”
“ให้เวลานานไปไหม ปล่อยให้ร้องไห้ตั้งสองเดือน  แล้วเพิ่งมานึกได้ว่าควรง้อ”
“ฮยองขอโทษ...”
“วันนั้นก็เห็นกับตาว่าหิ้วคนอื่นขึ้นคอนโด...”
“สนใจด้วยหรอ” ผมเริ่มยิ้มออกมาแบบล้อเลียน เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายพูดออกมา
เหมือนกับว่ายังมองผมเหมือนกัน...
ผมพอมีความหวังใช่ไหม...
“เปล่า  ก็ไม่ได้สนใจนักหรอก” อีกฝ่ายสะบัดหน้าก่อนทำท่าเดินออกไปจากห้อง คว้าเสื้อผ้าตัวเองที่ผมซักเตรียมไว้ให้เมื่อคืนมาใส่
“ดีกันนะครับ” ผมยื่นนิ้วก้อยไปหาอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างจิ้มแก้มให้ดูคิขุอาโนเนะไว้ก่อน
มีแฟนเด็ก มีแฟนคิตตี้ต้องอดทน
อีกฝ่ายหลุดยิ้มออกมาน้อยๆ  ก่อนที่จะรู้ตัวแล้วแสร้งกระแอมไอเบาๆ
“ผมหายยากเวลาง้อ  ฮยองก็รู้”
“แล้วต้องทำไงอา” ผมทำเสียงงุ้งงิ้งๆใส่
เอาละ ผมว่าผมคงใกล้บ้าแล้วหละ
หลากหลายอารมณ์มากตัวผม
มินโฮทำหน้านิ่งไปสักพัก  ก่อนที่จู่ๆจะยิ้มเหี้ยมออกมา...
อา...
พ่อครับ แม่ครับ
ผมว่าเมียผมจะเล่นแผลงๆอีกแล้วหล่ะ

วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558

[SF] Lee seunghoon x Song Minho : You’re Mine [1]


[SF] Lee seunghoon x Song Minho 
Story :  You’re Mine [1]








It make take  minute like someone. [เราอาจใช้เวลาเพียงชั่วนาทีที่จะถูกใจใครสักคน]
.
.
.
...เพียงสายตาที่สบกันตอนเดินสวนทาง เพียงแค่นั้นมันทำให้ผมฝันไปไกล
ใบหน้ายามนิ่งติดจะเย็นชา ดวงตาคมที่มองมาทางผม และริมฝีปากหยักนั่นเผยอขึ้นเล็กน้อย
ผิวสีเข้มกว่าคนเกาหลีทั่วไปนั่นมันช่างตรงข้ามกับผมเหลือเกิน....
อ่า...ผมติดใจในเสียงทุ้มลึกของเขา
.
.
.
Only at hour to have a crush on someone. [เพียงชั่วโมงที่จะชอบใครสักคน]
.
.
.
ตกเย็นเราได้เจอกันอีกครั้ง
ที่เดิมๆ เวลาเดิมๆ
ในมือมีกระดานสเก็ตซ์ถือไว้แนบกาย รูปร่างสูงโปร่งดูโดดเด่นกว่าใครๆ
หูฟังสีขาวถูกเสียบไว้มีเพลงจังหวะฮิปฮอปดังจนผมที่ยืนอยู่ข้างหลังนั้นยังได้ยิน
อยากเดินไปเตือนเพราะกลัวหูจะหนวกซะก่อน
แต่พอเห็นใบหน้าครึ่งเสี้ยวนั้นดูดื่มด่ำกับดนตรี  จมูกสันคมรับกับใบหน้าที่โยกเบาๆตามจังหวะที่คลออกมา
อา...เท่ขนาดนี้ปล่อยเขาไปเหอะ
.
.
.
And only a day to love someone. [และเพียงช่วงวันที่จะรักใครสักคน]
.
.
                                                                                                    .
“คุณ  มองหน้าผมแทบทะลุเลยนะ..”
ในวันที่ไม่คาดคิด จู่ๆอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นมาโดยที่ไม่หันมามอง ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายจับได้
เกาหัวก่อนส่งยิ้มอ่อนๆไปทางคนตาคมที่ปรายตามา
“อ้าว ถูกจับได้แล้วหรอ....”
“มองขนาดนี้ มาเป็นแฟนผมเลยไหม ซึงฮุนฮยอง...”
.
.
.
But it take to lifetime to forget someone…  [แต่เราอาจจะใช้เวลาทั้งชีวิต เพื่อลืมใครสักคนเช่นกัน]

“เฮือก” ผมสะดุ้งตื่นในเช้ามืดของอีกวันหนึ่ง
ฝันแบบนี้แล้ว...
ผมลูบใบหน้าของตัวเอง  แอร์ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยม เพียงแต่ผมที่เหงื่ออกมากไปหน่อยแค่นั้นเอง
“อืม... มีอะไรหรอซึงฮุน เพิ่งได้นอนเมื่อเช้ามืดเองนะ” ร่างบางที่เปลือยเปล่าเอ่อเสียงงัวเงีย มือขาวจับผ้าห่มที่เลิกลงให้กลับมาคลุมไหล่ขาวของตนเองอีกครั้ง
“ไม่มีอะไรหรอกจินวูฮยอง...”
มันก็แค่ฝัน
ฝันเมื่อนานมาแล้วเท่านั้น
และตอนนี้มันไม่มีทางเป็นจริงแน่ๆ...
สลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไปสองสามครั้ง ก่อนจะนำร่างเปลือยของตนสวมกอดคนที่นอนอยู่ ริมฝีปากคลอเคลียไหล่ที่มีรอยกุหลาบจากฝีมือตัวเอง
แต่ทำไมยังคิดถึงคนตัวโตคนนั้น...
คนผิวเข้มที่เมื่อสร้างรอยกุหลาบไว้  แม้มองไม่เห็นชัดแต่กลับทำให้ซาบซ่านทุกครั้งที่มอง
คงไม่มีทางได้เจอกันอีกแล้วสินะ....
“อ่ะ...ซึงฮุนอา  เมื่อคืนยังไม่พออีกหรอ...”
“อืม...อีกนิดนะจินวูฮยอง” คลอเคลียเพื่อให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตามก่อนจะเริ่มบทรักอีกครั้ง...
...ทำยังไงก็ลืมไม่ได้
เราต้องลืมได้สิ เรามีคนข้างกายตั้งมากมาย
เราต้องลืมคนใจร้ายนั่นให้ได้
“อ่ะ  อา  ซึงฮุน ทำแรงจัง...”
“อ่ะ อา ขอโทษจินวูฮยอง”
คนที่ทำให้ผมหมดศรัทธาในรักได้ขนาดนี้
คนที่เป็นรักครั้งแรกของผม
...ซงมินโฮ ยังไงฉันก็จะลืมนายให้ได้





ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายๆของวัน  หันไปมองข้างเตียงช่างว่างเปล่า
อา  จินวูฮยองคงไปแล้วสินะ
ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมาย  ในเมื่ออีกฝ่ายแค่ต้องการผูกพันทางกาย ผมแค่ตอบสนองไปก็แค่นั้น
ลุกขึ้นนั่งก่อนมองไปรอบๆห้องของตนเอง เสื้อผ้าที่ใส่ไปเที่ยวเมื่อคืน ถูกถอดทิ้งระเกะระกะ  อาการปวดหัวจี๊ดๆส่อเค้ามาเป็นระยะๆ บ่งบอกว่าแอลกอฮอล์เมื่อคืนคงทำพิษไว้ไม่น้อย
สายตาไปหยุดอยู่ที่ข้างๆบนเตียงของตน
คราบน้ำรักกระจายวงกว้าง เป็นหย่อมๆ
“อ่า ให้ตายสิทำเลอะอีกแล้ว เดี๋ยวก็โดนซงมิน....” เผลอหลุดอุทานก่อนนึกขึ้นได้
เลิกกันแล้วนี่หว่า
เมื่อคืนคนที่เรากอดไม่ใช่คนนั้น...
“เออ  ปวดหัวจังวะ”สลัดความคิดบ้าๆออกไปก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาคาดรอบเอวสอบ เดินไปชำระร่างกายของตนเอง เพื่อที่จะไปทำอาหาร
ชีวิตดีกว่านี้มีอีกไหม
ทำอาหารกินเองคนเดียว เหงาก็หาเซ็กซ์เฟรนด์สักคนมากอด แฮ้งค์ก็หายามากิน
ไม่ต้องมีใครมาบ่น ไม่ต้องมีใครมางุงิ มุ้งมิ้งให้รำคาญใจ...
ดีจะตาย
...ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย
เลิกกันมาจะสองเดือนแล้ว ยังคิดถึงเขาอยู่เลย
“...ซงมินโฮ ฮยองคิดถึงนายนะ”
กดดูรูปในโทรศัพท์ที่เคยถ่ายคู่กัน  ถึงส่วนมากจะเป็นภาพมุมเผลอบ้าง แอ๊บแบ๊วบ้างก็เถอะ
...แต่ไม่รู้ทำไมยิ่งมองยิ่งร้องไห้
ผมปาดน้ำตาออกมาลวกๆ จมอยู่กับความคิดลำพังอีกครั้ง
อา  ไม่ดีเลยที่เป็นแบบนี้
ผมตัดสินใจแต่งตัวเพื่อออกไปข้างนอก อย่างน้อยมันก็ดีกว่าการอยู่แล้วฟุ้งซ่านแบบนี้
โดยที่ผมไม่รู้เลย ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ครั้งใหม่...กับคนเดิมอีกครั้ง
.
.
.
.
To be continuous….


 --------
เรื่องเก่ายังไม่ทันจบ เปิดเรื่องใหม่อีกละ 5555
ฟิคหน้ามืดตามัว นึกพล็อตได้ก็จัดทันที
รอติดตามตอนต่อไป 
คอมเม้นให้กำลังใจได้ที่ #ห่อหมกบอยผู้น่ารัก