story : But I… [4]
ผมเหนื่อย
ไม่มีอารมณ์ทำงาน
“โว๊ะ” ผมขย้ำกระดาษเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็จำไม่ได้
“มีสมาธิหน่อยสิวะ เป็นบ้าอะไร” แทฮยอนที่นั่งมองเพื่อนทึ้งหัวตัวเอง
หลังจากละสายตาจากงานที่ท่วมท้นของตัวเอง
มินโฮที่นั่งอยู่ข้างๆช่วยแทฮยอนทำการบ้านก็พลอยเงยหน้าขึ้นมา ซึงยุนตวัดสายตามองแบบเอาเรื่อง
วิศวะนี่แม่งว่างขนาดนี้เลยหรอ
นึกได้พลางเอ่ยจิกอีกฝ่าย
“ว่างมากหรือไง มาช่วยแทฮยอนทำการบ้านอ่ะ แม่ง
เพื่อนกูนิสัยเสียหมดละ”
“ปากมึงนะซึงยุน หงุดหงิดอะไรอย่ามาลงที่มินโฮดิ”
“ตู้วหูววววว ปกป้อง ปกป้องกันจังเลยครับ” ซึงยุนเบะปาก แทฮยอนปายางลบมาที่อีกฝ่ายก่อนจะเริ่มทำการบ้านที่ค้างต่อ
มินโฮยักคิ้วให้ซึงยุน
นั่นๆ ดูมันๆ กวนตีนนนนนน
“แทฮยอนอา มึงดูมินโฮดิวะ
มันกวนตีนกูอา”
“มึงก็ ทนๆไปเหอะ พี่เขามาช่วยงานกู”
นั่นๆ ดูสรรพนาม หวานสัส ผมพาล
“แทฮยอนพี่ไม่เป็นไร อย่าว่าเพื่อนเลย” แหม่ คำที่มึงบอกเพื่อนกูกับสีหน้าที่ส่งมาให้ไม่สัมพันธ์กันเลยนะ
“สงสัยหงุดหงิดที่ไม่ได้เจอพี่ซึงฮุน”
“หุบ ปาก ซะ ก่อนที่จะเอากีต้าร์ฟาดปาก”
ผมพูดด้วยความหงุดหงิดที่ชื่อไม่พึงประสงค์ถูกเอ่ยขึ้นมา
อุตส่าห์ไม่นึกถึงแล้วนะ...
“อ้าว พี่ซึงฮุน” แทฮยอนเอ่ย “มาตามมินโฮหรอ”
ไอ้สัส ตายยาก...
ผมรีบรวบรวมกองกระดาษทันที ก่อนจะเอากีต้าร์ใส่กระเป๋า
แทฮยอนกับมินโฮทำหน้าแปลกๆแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ซึงยุนอา ไปไหนหรอ” ชิ เรื่องอะไรจะบอกวะ
หลอนสัส เสียงมาก่อนตัวอีก เหลียวหลังเพื่อดูว่าอีกฝ่ายอยู่ตรงไหน
ก่อนลมหายใจจะสะดุดเมื่ออีกฝ่ายยืนใกล้ตัวเองกว่าที่คิด
“เหี้ย...”
“อ่า พูดไม่เพราะเลยครับ” ซึงฮุนยิ้มจนตาปิด ก่อนจะยื่นขนมถุงหนึ่งให้มินโฮผ่านผมไป
ตอนนี้เลยคล้ายกับว่าอีกฝ่ายกักผมไว้
แทฮยอนทำหน้าเหวอเมื่อเห็นท่าทีอีกฝ่ายที่มีต่อผม
ผมทำสีหน้ารำคาญชัดเจน ก่อนจะผลักอีกฝ่าย จิกตาไปหนึ่งครั้งก่อนเดินออกมา
อึดอัดชิบ.....
แม่งอุตส่าห์หายไปได้ทั้งอาทิตย์แล้ว
หายไปตลอดไปเลยได้ไหมวะ
“...แล้วนี่กูจะไปไหนดีวะ” ถอนหายใจแรง พลางนึกถึงคาเฟ่ที่ไม่ได้ไปนาน
“แวะร้านฮันบินดีกว่า...”
.
.
.
.
.
มันเจ็บปวดมากนะที่เห็นสีหน้าแบบนั้นจากอีกฝ่าย
“เอ่อ...พี่” มินโฮดูจะอ้ำอึ้งกับเหตุการณ์เมื่อครู่
แทฮยอนมองเหวี่ยงมาที่ผมคล้ายจะเอาเรื่อง
“นี่มันอะไรกัน พี่ไปทำอะไรให้มันเกลียดได้ขนาดนั้น”
แทฮยอนถอนหายใจออกมา น้ำเสียงอ่อนลงนิดหน่อย
“พี่ไม่ได้ทำอะไรนี่” ไม่ต้องสบตาอีกฝ่ายก็รู้ว่าผมโกหก แทฮยอนเก็บของ
มินโฮมองหน้าผมคล้ายร้องขอความชัดเจนจากผม แต่ดูเหมือนท่าทีอีกฝ่ายที่ลุกขึ้นทำให้มินโฮตัดสินใจไม่ซักถามอะไรต่อ
“เดียวผมไลน์หานะพี่”
“เออ ตามแฟนไปก่อนเหอะ” ผมบอกปัดๆไป ก่อนที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกสักพักใหญ่เลยทีเดียว
เห้อ.....
นั่งมองเบอร์อีกฝ่ายที่(แอบ)บันทึกไว้ตอนที่จีโฮใช้โทรหา
ลังเลว่าจะโทรไปหรือไม่โทรดี เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่นก็ไม่เชิง
ก่อนถอนหายใจรัวอีกครั้งและเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง
ติ๊ง!
ติ๊ง!ติ๊ง!
ติ๊ง!ติ๊ง!ติ๊ง!
ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เสียงไลน์ก็ดังขึ้นรัว
ตอนนี้ผมกำลังเดินเพื่อกลับหอพักของผม ความจริงมันไม่ได้ไกลจากมหาลัยเท่าไรนักผมเลยเลือกที่จะเดิน
“อะ...ฮะ เฮ้ยยยยยย”
ผมร้องอุทานออกมาเสียงดังจนหมาที่อยู่ตรงนั้นเห่าสวนกลับมา มือสั่นอย่างห้ามไม่อยู่เมื่ออ่านไลน์จบ
ชื่อไลน์ที่ไม่คุ้น เพิ่มจากเบอร์ที่บันทึก
รูปโปรไฟล์เป็นผู้ชายคนที่เพิ่งหนีผมไปดูหน้านิ่งๆ
ริมฝีปากอวบเบะเล็กน้อยเหมือนโดนบังคับให้ถ่ายรูป
KSY : พี่
KSY : อีซึงฮุนใช่ไหม
KSY : มาหาผมที่......หน่อย
KSY : (ส่งสติกเกอร์รูปโกรธ)
KSY : ให้เวลายี่สิบนาที
KSY : ไม่งั้นมีเคลียร์
อ่า... ณ วินาทีนั้นผมออกวิ่งอย่างเดียวละครับ
.
.
.
.
ผมเดินกลับไปกลับมาอยู่หน้าร้านข้าว ในมือถือโทรศัพท์สั่นไปมา
อา..จู่ๆอะไรดลใจให้ผมส่งไปแบบนั้นวะ
“โว้ย ช่างแม่ง
ก็แค่หาเพื่อนกินเฉยๆ คิดมากไรวะ” ผมพูดกับตัวเอง เออเองเสร็จสัพ
ไม่นานเกินรออีกฝ่ายก็วิ่งมา ดูหัวสิ ฟูเป็นสิงโตเลย
ผมหลุดขำ ก่อนจะรีบเก็ก เมื่ออีกฝ่ายมาหยุดอยู่ตรงหน้า
รอยยิ้มที่ทำให้โหนกแก้มยกสูงจนตาปิด
เอกลักษณ์ของผู้ชายคนนี้ถูกส่งมาอีกครั้ง ผมแสร้งกระแอมไอแล้วเบือนหน้าหนี
สัส กูจะเขินทำไมว่ะ นี่คนที่เกือบปล้ำมึงนะเว้ย
“ซึงยุน...”
“กู...ไม่ใช่” ผมเผลอตีปากตัวเองเบาๆ “ผม...”
“ผม?”
“แค่จะชวนมากินข้าวกับผม แค่นั้นแหละ” ว่าเสร็จก่อนเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่รออีกฝ่าย
นี่ไม่ได้เขินนะเว้ย แค่หาเพื่อนมากินด้วยเฉยๆ
“อ้าว พี่ซึงยุน” คนที่อยู่ตรงเค้าน์เตอร์เอ่ยออกมา
รอยยิ้มติดซื่อๆแผ่ออกมาฟุ้ง
อา...เหมือนปอดได้รับอากาศบริสุทธิ์
“ฮะ...ฮันบิน พี่มาแล้ว”
“5555 อะไรของพี่ ทำหน้าเป็นหมาได้อาบน้ำใหม่ไปได้”
ฮันบินว่าก่อนตีแขนผมเบาๆ โอ้ย โลกสดใส
นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไม่กล้าเข้าร้านคนเดียวก็ได้ โอ้ย
ใจมันเต้นตึกตักแรง
ฮันบินเป็นรุ่นน้องของผมเองครับ ตอนนี้อยู่มอหกแล้ว
ไม่รู้ทำไมพอเห็นแล้วรู้สึกสดชื่นแบบบอกไม่ถูก
“แล้ว พี่มากับใครอ่ะ” ฮันบินหันไปมองด้านหลังผม
เอ่อ ทำไมรู้สึกเหมือนรังสีอำมหิตมันแผ่ออกมา...
“รุ่นพี่หน่ะ” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจมากนัก “พี่เอาแบบเดิมสองที่นะ
เพิ่มเครื่องให้พี่ด้วย”
“อ่าๆๆๆ ครับ”
ฮันบินรับออเดอร์ก่อนที่ผมจะกลั้นใจหันหลังกลับเพื่อไปนั่งรอที่โต๊ะ
นั่นไง สายตาดูมีคำถามนะ
อีซึงฮุนตอนนี้ที่มองมาทางผมเหมือนมีมีดคมมาทิ่มแทง เอ่อ กะจะฆ่าผมเลยใช่ไหม
“...แค่จะมาเลี้ยงคืนตามที่เคยบอกแค่นั้นแหละ”
ผมพูดก่อนจะเดินนำมาที่โต๊ะ เลือกมุมที่อับสายตาเพราะผมชอบความป็นส่วนตัว
ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามมาติดๆ
“ชอบเด็กนั่นหรือไง” เมื่อนั่งถึงโต๊ะอีกฝ่ายก็เปิดประเด็นทันที
“เปล๊า รุ่นน้อง” ผมส่ายหัวเลิกลั่ก ชอบเชิบอะไร ไม่มีทั้งนั้นแหละ
“หรอ เสียงสูงเชียวนะ” อีซึงฮุนเค่นเสียงหัวเราะ ผมลอบมองหน้าอีกฝ่าย
ขอพิสูจน์หน่อยดิ ไอ้ความจริงใจที่ว่า...
เผื่อผมจะลองคิดดูว่าจะคบดีไหม
“...แล้วถ้าเกิดบอกว่าชอบหล่ะ พี่จะทำยังไง”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น