BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2559

[SF] Lee Seunghoon x Kang Seungyoon : But I… [8]




[SF] Lee Seunghoon x Kang Seungyoon

story : But I… [8]





รู้สึกเหมือนเห็นภาพนี้ซ้ำวนลูปอีกแล้ว

ผมนอนอยู่บนที่นอนนุ่มโดยที่หน้าซุกอกเต็มๆ

เงยหน้าก่อนจะพบว่าเป็นอีซึงฮุน แขนสอดรองหัวผมส่วนอีกข้างก็กอดเอวผมไว้

ผมชี้ฟูไปหน่อยแต่เข้ากับหน้าตาที่ดูไร้เดียงสาดีเหมือนกัน

ผมพยายามดันอีกคนออกแต่ยิ่งยกยิ่งรัดแน่น

"ตื่นแล้วก็ปล่อยดิวะ"

อีกฝ่ายยังคงหลับตา แต่มือเริ่มเลื้อยเข้ามาในเสื้อของผม

ไอ้....

ผมอ้าปากงับตรงไหปลาร้าแรงๆ อีซึงฮุนลืมตาก่อนร้องโอ้ยเสียงดัง

สมน้ำหน้า เล่นกับใครไม่เล่น

"ผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง" นั่งทำหน้าบึ้งก่อนเบะปากห้อยๆของตัวเอง

"เดินมาไง"

"กวนตีน"

"พูดไม่เพราะ" อีซึงฮุนดึงปากผมก่อนทึ่จะโดนผมตีมือไปสองสามที หัวเราะออกมาก่อนปล่อยมือ

"เราเมาไง พี่ก็เลยพากลับ"

ผมนวดศีรษะเบาๆก่อนจะมองอีกฝ่ายเขม็ง

"แล้วพี่จะมาสนใจผมทำไม ไม่ไว้ใจผมนี่"

"แล้วเรามีอะไรจะบอกพี่ไหมหล่ะ"

"บอก...บอกอะไร"จ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง คนตรงหน้าเบือนหน้าหนีก่อนพูดออกมาเบาๆ

"ก็เรื่องหนีพี่กลับ ไหนบอกมีธุระ"

"ก็มีจริงๆนี่"

"มีกับไอ้เด็กเตี้ยอะนะ"

"นี่!!!พี่ว่าเพื่อนผมหรอ"ลุกรวดเดียวก่อนก่อนจะเซ อีซึงฮุนรับไว้อย่างหวุดหวิด

“ดื้อ”

“ว่าผมหรอห๊ะ”ยกแขนเพื่อฟาดแต่ทำได้แค่ยกนิดหน่อย เพราะเหมือนแขนไม่มีแรงเลย จิ๊ปากด้วยความหงุดหงิดก่อนสะบัดตัวออก

แต่ทำไมมันไม่มีแรงขนาดนี้เนี่ย

หงุดหงิดๆ

“นั่งลงก่อนเถอะ รออยู่นี่ก่อนนะ”

“ผมจะกลับบ้าน”

“ทะเลาะกับแทฮยอนอยู่ใช่ไหม”

“...”

“ฟังที่พี่พูดเถอะ เดียวมา”



อีซึงฮุนละจากผมก่อนจะเดินออกไป ผมมองตามอีกฝ่ายที่เดินไปแล้วก่อนจะถอนหายใจ

เมื่อกี้ผมรู้ตัวนะว่าทำไม่ดีลงไป

แต่ผมก็โมโหที่อีกฝ่ายทำตัวไม่ชัดเจน

เอนหลังลงบนที่นอนนุ่มก่อนหลับตา

แม่งเอ้ย....

หรือควรจะขอโทษวะ

แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่

แล้วทำไมต้องไม่ไว้ใจกันด้วยหล่ะ

แล้วกูไว้ใจเขาแล้วหรอถึงโมโหพี่เขาแบบนี้

ผมนิ่งกับความคิดสุดท้ายที่คิดออกมา

จริงสินะ



เสียงเดินเข้ามาก่อนจะวางอะไรบางอย่างลงบนโต๊ะหัวเตียงนอน พี่เขาคงคิดว่าหลับอยู่แน่ๆ

มืออุ่นๆลูบที่หัวของผมเบาๆก่อนที่จะลากไปที่คิ้วทั้งสองข้าง ผมคิ้วกระตุกแต่ไม่ได้ลืมตาเพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ

เสียงหัวเราะน้อยๆราวกับกลัวว่าถ้าเสียงดังกว่านี้ผมจะตื่นก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

ประโยคที่ทำให้ผมใจเต้นแรง


“พี่รักเรานะซึงยุน  เมื่อไหร่พี่จะเข้าไปอยู่ในใจเราสักทีกัน”


น้ำเสียงเศร้าๆนั่นมันทำให้ผมแทบบ้า

ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะเดินออกจากห้องไป

ผมลืมตาค้างมองเพดานห้องนิ่งก่อนจะดันตัวขึ้นมา

นั่งทบทวนความคิดในหัวเป็นเรื่องราว

ยีหัวก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้น

แม่งแบบนี้ไม่ใช่แนวผมเลยให้ตายเหอะ



ผมเดินเปิดประตูห้องเต็มแรงก่อนจะเห็นว่าพี่ซึงฮุนนั่งอยู่ที่โซฟา

“ซึงยุน...ยะ”

อีซึงฮุนอึ้งเมื่อผมเดินไปก่อนจะคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายและดันจนติดผนักโซฟา

เคลียร์แบบแมนๆแบบของผมนี่แหละ

“ผมมีเรื่องจะถาม และพี่ต้องตอบผม”

“ปล่อยก่อนไหม”

“ผมยังไม่ได้ถาม”พูดขัดก่อนที่อีกฝ่ายจะนิ่งไป

“พี่เคยคบกับคนที่ชื่อจินวูใช่ไหม”

อีซึงฮุนเบิกตากว้างก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นยกยิ้ม

“หึงพี่หรือไงหือ”

ผมดันมือเข้าไปกว่าเดิมก่อนที่จะต้องตกใจเมื่ออีกฝ่ายคว้าเอวผมนั่งบนตัก ผมดิ้นไปมาแรงๆ


แม่ง


ตัวผมมันก็ไม่ได้บางๆเหอะ

“เคยคบ เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว”

“...”ผมหยุดดิ้นทันที

“พี่ยังยืนยันคำเดิมว่าพี่ชอบเรา พี่รักเรา เข้าใจไหมคังซึงยุน”

เบิกตาด้วยความตกใจ รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่

“เราได้ยินอะไรมาพี่ไม่รู้ แต่ตอนนี้คนที่พี่อยากเป็นแฟนด้วยก็มีแค่เรานั่นแหละ”

“...”

“รู้ตัวสักทีสิครับ ว่าพี่รักเราพอๆกับที่เรากำลังใจเต้นแรงกับพี่อ่ะ”

ผมหันมามองอีกฝ่ายที่พูดออกมาก่อนจะยกมือขึ้นตบแก้มเบาๆ

“หลงตัวเองชิบ”

“พูดไม่เพราะนะ”

“รับไม่ได้หรือไง”

“หมามันเป็นสัตว์ที่ฝึกง่าย พี่สอนได้....”ยกยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนยกมือขึ้นกุมเบาๆ

“เดียวสอนให้เชื่องเลย ดีไหม”


โอเค

ผมควรจะเขินนะ แต่ตอนนี้ผมยกขาขึ้นก่อนยันอีกฝ่ายเต็มๆ

“นี่ว่าผมเป็นหมาหรอวะ!!!

.

.

.

.

.


หลังจากสรุปความเข้าใจกันแบบสันติวิธี(?)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็ลงจากรถที่พี่ซึงฮุนอุตส่าห์มาส่งถึงหอ

“คุยกับแทฮยอนดีๆนะ เข้าใจไหม”

“สั่งเหมือนเป็นพ่อผมงั้นแหละ” บ่นงึมงำๆก่อนจะเปิดประตูรถ

“เดี๋ยวซึงยุน” อีซึงฮุนดึงข้อมือผมก่อนจะกระชากผมมานั่งที่เดิม

“มีอะ...”ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่ออีกฝ่ายใช้มือปัดหน้าม้าผม

ไอ้...หัวยิ่งเถิกอยู่

ก่อนที่ปากจะได้เริ่มด่า ริมฝีปากนุ่มก็ประกบที่หน้าผากผมเบาๆ

ผมได้แต่นิ่งเป็นปลาโดนแช่ในช่องฟรีซ

“พี่รักเรานะ ต่อไปมีอะไรถามพี่ อย่าคิดไปเองเข้าใจไหม”

“...”

“หัวเหม่งแล้วขี้น้อยใจจริงๆว่ะ”

“ย่าห์ ว่าใครวะ”ผมร้องออกมาก่อนจะตั้งสติตีที่อกอีกฝ่ายแรงๆ อีซึงฮุนหัวเราะก่อนที่จะจัดทรงผมยุ่งๆของผมจนเข้าที่

“เดี๋ยวซึงยุน”

“มีอะไรอีก”ผมหันมาเหวี่ยงใส่กลบเกลื่อนแก้มที่กำลังร้อนผ่าวของตัวเอง

บ้าแล้ว

ใจจะหลุดออกจากอกแล้วเนี่ย

“ขอจูบหน่อย”


ไอ้....


ผมกรอกตามองบนก่อนจะพูดออกมาตรงๆ

กล้าพูดมาก็กล้าตอบเหมือนกัน

“แล้วเมื่อกี้ทำไมไม่จูบ”

“ก็ลองเชิงเฉยๆ”

“ถ้าบอกว่ามะ..ไม่”ผมพุดสะดุดเมื่ออีกฝ่ายดันหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะหลับตาปี๋

เหมือนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ

ก่อนความนุ่มหยุ่นจะสัมผัสเบาๆที่ริมฝีปากของผม ย้ำหลายครั้งก่อนฟังคมจะงับริมฝีปากล่างจนต้องอ้าปากออกตามที่อีกฝ่ายนำทาง

ผมไม่ใช่คนที่จูบเก่ง ไม่สิ จูบแรกก็เพิ่งเสียไปให้คนตรงหน้านี่ไง

ไม่ประสีประสาอะไรด้วยซ้ำมั้ง

จูบตอบเงอะงะเพราะไม่ชิน หัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่

ผมก็ไม่รู้หรอกว่าแบบไหนที่เรียกว่าจูบเก่ง

....แต่ผมว่าหนุ่มวิศวะหน้าตี๋คนนี้เก่งอ่ะ

ผมร้องอื้อออกมาเมื่อมันเริ่มเกินเลย ตีอกแรงๆเพราะเหมือนจะหายใจไม่ทัน อีซึงฮุนยอมผละออกก่อนจะยิ้มแผละ


ไม่อ่ะ

มันไม่ใสซื่ออ่ะ มันดูเจ้าเล่ห์มากเหอะ

ผมแลบลิ้นออกมาด้วยความเคยชิน ก่อนจะพูดขึ้น

“ผะ...ผมไปละนะ”หันหลังเตรียมลงจากรถ

ก่อนจะตกใจที่ประตูรถไม่ได้ถูกปิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก...

และตกใจยิ่งกว่าที่แทฮยอนกับมินโฮยืนอยู่ตรงนั้น

แม่งเอ้ย....




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น