ถ้าการต้องเลือกคือการมอบนรกให้แก่ผู้ผิดหวัง ผมคิดว่าตัวเองเหมาะกับมันที่สุด
-คังซึงยุน-
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามเวลาปกติ
อ้าปากหาว
บิดขี้เกียจเล็กน้อยให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย
พาร่างกายที่ท่อนบนเปลือยเปล่าปราศจากเสื้อผ้า
เผยผิวขาวใสและรูปร่างผอมบางนั้นเข้าห้องน้ำเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน
เลือกชุดที่เหมาะกับตนเองในตู้เสื้อผ้าใส่ตามอารมณ์
คว้ากระเป๋ากีตาร์สะพายหลังแล้วเดินลงมาจากห้องนอนของตน
ส่งยิ้มให้ผู้คนรอบๆที่เดินสวนกันบนถนนแบบไม่คิดอะไร
เดินฮัมทำนองที่เพิ่งคิดได้เมื่อสองสามวันก่อนเบาๆ
ชีวิตอิสระเสรี
ไม่มีอะไรมาขวางกั้น
ไร้ญาติที่พึ่งพิง
มีเพียงสองมือ สองเท้าและปัญญาในการเอาตัวรอดเนื่องจากท่านลาจากโลกไปนานแล้ว
ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
เมื่อต้นไม้ที่เคยได้รดน้ำใส่ปุ๋ยมานานแรมปีจู่ๆก็ขาดคนเพาะเลี้ยง
เหลือเพียงความแห้งแล้งเหี่ยวเฉาไว้ให้โลกรับรู้
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาอะไรกับเขา
ถามว่าเหงาไหม
ก็เหงานะ
แต่ถามว่ารู้สึกเหมือนขาดหายอะไรหรือเปล่า
คำตอบก็คือ ไม่
คังซึงยุน
เขาก็เป็นแบบนี้แหละ
.
.
.
.
เสียงใสร้องเปล่งบทสวดขอพรแด่ผู้เป็นเจ้าออกมาในโบสถ์ดังเช่นทุกครั้งที่มีโอกาสมา
เมื่อต้องการหาความสงบ
เรียกสมาธิ และกำลังใจ
โบสถ์คือสถานที่ที่ดีที่สุดที่เขาเลือกที่จะมา
“พระเจ้าครับ...ตอนนี้พ่อกับแม่ของผมเป็นยังไงบ้างครับ”เอ่ยพึมพำเบาๆราวกับต้องการคำตอบ
จากวันวานที่ร้องไห้แทบขาดใจ
เหือดหายเหลือเพียงร่องรอยอันน้อยนิดที่ถูกฉาบไปด้วยความเข้มแข็ง
แม้ว่าสักวันมันอาจจะแตกร้าวเพราะบาปของตนเองก็ตาม..
เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามานั้นไม่ได้ทำให้คังซึงยุนตกใจเท่าไรนัก
เขาจำได้ดีว่าใครที่เดินเข้ามา
กลิ่นกายธรรมชาติสมชายชาตรี
ผิวสีน้ำผึ้งตัดกับผิวเขา แขนแกร่งที่โอบมาก่อนจะก้มจูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ
“ซึงยุนอา...พี่มารับกลับบ้านเราครับ”
“ยุนบอกพี่แล้วว่าไม่ต้องมารับก็ได้”คังซึงยุนหันกลับไปหาซงมินโฮ
คนรักของตนก่อนพยายามแกะตัวเองออกกจากลำแขนแกร่ง “งื้ออออ ปล่อยผมเลยนะพี่”
น้ำเสียงงอแงออดอ้อนนิดๆที่ออกมาจากเจ้าของริมฝีปากแดงนุ่มนิ่มทำให้อีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะก้มจูบด้วยความโหยหา
“พี่บอกเราแล้วนี่ว่าวันนี้พี่จะเลิกงานครึ่งวัน
เราจะมาโบสถ์ทำไมไม่บอกพี่ หืม”
ซงมินโฮผละออกจากอ้อมกอดก่อนจะบีบจมูกคนรักของตนเองเบาๆ
คังซึงยุนย่นจมูกเล็กน้อยก่อนแกล้งเอามือปัดป่ายคนรักของตน
“ก็ผมเบื่อ
ผมอยากทำงานบ้าง พี่ไม่ยอมให้ผมทำเลย”
“พี่ก็เห็นเราชอบแต่งเพลงนี่
จะให้ไปทำงานในบริษัทมันก็น่าเบื่อแย่”กุมมืออีกฝ่ายเบาๆก่อนเดินออกมาจากโบสถ์
พูดคุยกันพลางหยอกล้อตามประสาคนรัก
ใช่
คังซึงยุนกับซงมินโฮเป็นแฟนกัน และใกล้จะแต่งงานกันในอีกไม่ช้า..
“วันนี้พี่ไม่ให้เรากลับบ้านจริงๆด้วย
ถ้ายังดื้อแบบนี้”
“ผมดื้อแล้วพี่ไม่รักผมหรือไง?”สวนกลับด้วยคำพูดเรียบๆแต่สายตามองค้อนซะจนอีกฝ่ายเก็กงอนไม่ไหว
สุดท้ายพี่หมีก็แพ้สายตาลูกหมาพันธุ์ดุทุกที
เห็นตัวเล็กๆแบบนี้พิษสงร้ายกาจไม่เกินใครเลยทีเดียว
“รักสิ
ไม่งั้นพี่จะหยุดที่เราคนเดียวได้ยังไง”ยีหัวอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเอ็นดู
ทะนุถนอมยิ่งกว่าสิ่งใด
แต่ซงมินโฮไม่เคยรู้เลย
ว่าการกระทำที่ดูจริงใจนั้นมันช่างทำร้ายจิตใจซึงยุนเสียเหลือเกิน
เหมือนมีหนามคมรายล้อมดอกไม้ที่เขากำลังถืออยู่
ยิ่งได้สัมผัส
ยิ่งทรมาน
แต่ความหอมหวานมันก็ทำให้กล้ำกลืนฝืนทนอยู่กับมัน
เขารักคนนี้
“ผมก็รักพี่ครับ”
คังซึงยุนคนนี้รักซงมินโฮ
พอๆที่เขาไม่สามารถลืมผู้ชายที่ชื่ออีซึงฮุนได้เช่นกัน
.
.
.
.
คังซึงยุนนั่งเงียบมาตลอดทางทำให้ซงมินโฮรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
แต่เขาก็พอเข้าใจในอารมณ์ศิลปินของอีกฝ่าย
ถ้าได้เข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวแล้ว
คนอย่างคังซึงยุนจะไม่ยอมให้ใครเข้าไปในโลกของเขาเด็ดขาด
ปกติซงมินโฮไม่ใช่คนคิดมาก
ไม่ใช่คนที่ชอบก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของใครเสียด้วยซ้ำ
แต่ครั้งนี้มันกลับต่างไปจากปกติ
เขามีเรื่องจะพูดกับอีกฝ่าย
แค่เห็นท่าทีนั้น...
“กำลังคิดถึงผู้ชายคนนั้นหรือไง....”
ประโยคเรียบง่ายตัดกับน้ำเสียงนิ่งๆ
กลับเหมือนหมัดฮุกเข้าที่หัวซึงยุนอย่างจัง
รู้สึกสมองพร่าเบลอ
นี่...
มินโฮรู้อย่างนั้นหรอ
ซึงยุนหันกลับมาที่มินโฮทันที
นัยน์ตาที่เขาไม่เคยได้เห็นในตลอดเวลาที่คบกันมาหลายปี
มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลก
อึดอัด
ทรมาน
เจ็บจนแทบร้องไห้ออกมา
แต่ความเข้มแข็งที่ฉาบไว้ไม่ได้หลุดออกมา
มันแค่ร้าวขึ้นเฉยๆ
แค่นั้น...
“ถึงกับเงียบเลยหรอซึงยุน
คิดว่าพี่ไม่รู้หรือไง”
“...”
“พี่เป็นแฟนกับเรามาก็หลายปี
แค่หายใจผิดจังหวะ พี่ก็รู้แล้วหล่ะว่าเราเปลี่ยนไป”
“...”
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ”
ซงมินโฮจอดรถเรียบร้อย
เดินออกจกรถก่อนเปิดประตูฝั่งซึงยุน จับแขนเพรียวด้วยสีหน้าอ่อนโยน
แต่มินโฮจะรู้ไหมว่านั่นยิ่งทำให้เขาเจ็บไปกันใหญ่
มินโฮเดินจูงมืออีกฝ่ายเดินขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองของตนเอง
วันนี้ซงมินโฮให้แม่บ้านหยุดงาน
บ้านทั้งหลังจึงว่างเปล่าไร้ผู้คน
ปิดประตูก่อนหันมาสบตากับซึงยุนนิ่งๆ
อา....
ซึงยุนรู้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“รู้สึกดีมากไหมที่นอกใจพี่”
ความอ่อนโยนที่มีเริ่มเหือดหายไป
เหมือนดังน้ำที่อยู่กลางแสงแดด
ยิ่งร้อน
น้ำยิ่งระเหยหายไปเร็วเท่านั้น
ซึงยุนรู้ว่าสักวันเหตุการณ์นี้มันจะต้องมาถึง
...แต่ไม่คิดว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้แค่นั้นเอง
“ทำไมทำแบบนี้กับพี่ครับ”
“...”
“ตอบพี่สิซึงยุน!!!ทำไมทำกับพี่แบบนี้”
มือโตกระชากเสื้อของซึงยุนออกก่อนจะบีบแขนเล็กเขย่า
“ทำไม..ทำไม”
น้ำตาที่ไม่คาดคิดจากคนตัวโตหยดลงบนบ่าเล็ก
ยิ่งเห็นร่องรอยบนตัวของคังซึงยุน
ซงมินโฮแทบขาดใจ
“เราใจร้ายกับพี่มากนะ
พี่เจ็บเหลือเกินซึงยุน”
“พี่จะเกลียดผมก็ได้นะ” กอดปลอบคนตัวโตแน่น
“ผมขอโทษ...”
“พี่เกลียดนายเหลือเกินคังซึงยุน”
นั่นสินะ
ที่ผมเป็นแบบนี้
อีกฝ่ายต้องเกลียดผม
มันถูกแล้วสินะ
ผมมันเห็นแก่ตัวที่อยากได้ทั้งสองอย่างพร้อมกัน
อีกคนก็เป็นคนรักที่เขารักมานาน
อีกคนก็เป็นคนที่เขาตกหลุมรักในชั่วข้ามคืน
เขามันง่ายเอง
คังซึงยุนคนโง่
นายมันเลวมากจริงๆ
.
.
.
.
.
ทุกเรื่องราวของนิยายที่แม่ชอบเล่าให้ฟัง
บทสรุปสุดท้ายเจ้าชายกับเจ้าหญิงได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
แล้วตัวผมหล่ะ?
ในเมื่อความรักที่ผมมี
มันไม่ใช่เรื่องราวระหว่างคนสองคน
ผมควรเลือกคนที่รักมานาน
หรือควรเลือกคนที่เฝ้ารอพบเจอ
.
.
.
.
ความอ้างว้างและเดียวดายนั่นคือคำตอบที่ดีที่สุด
ถึงผมจะเห็นแก่ตัวแค่ไหน
แต่ผมก็ไม่สามารถเลือกใครสักคนได้เช่นกัน
คังซึงยุนคนบาป
นายมันเลวมากจริงๆ
“พี่มินโฮ”ประคองใบหน้าอีกฝ่ายที่รักที่สุดรองลงมาจากครอบครัวที่จากไป
เพ่งพินิจดวงตาสีเข้มที่ชุ่มฉ่ำด้วหยาดน้ำตาก่อนจะค่อยๆใช้ปลายนิ้วโป้งปาดมันออกแผ่วเบา
“พี่ไม่เหมาะกับน้ำตาเลยนะรู้ไหม”
“...”
“ผมขอโทษที่นอกกายพี่ไป
ผมไม่เคยรักใครเท่าพี่เลย พี่ได้โปรดเชื่อผม”
“...”
“กับเขาคนนั้น...ผมก็รักเขาเช่นกัน”
“ซึงยุน”
“ความรักมันเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้
พี่ก็รู้ใช่ไหม”
“...”
“ผมจะเป็นฝ่ายไปเอง
ผมขอโทษที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ไม่ได้”
ความเข้มแข็งเหมือนอยู่ในจุดแตกหัก
น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้
อา...
ซึงยุนคนโง่
นายร้องไห้อย่างงั้นหรอ
“ผมรักพี่นะครับ
นี่คือสิ่งเดียวที่ผมอยากบอกพี่”
สายตาของซงมินโฮที่มองมาที่ซึงยุนมันดูหลากหลาย
เสียใจ
ผิดหวัง
เจ็บปวด
“ถ้านี่คือบทลงโทษของความเห็นแก่ตัวของผม
ผมแค่อยากจะขอเพียงอย่างเดียว ล้วผมจะไปเอง จะไม่ไปเจอทั้งเขาและพี่เอง...”
“ซึงยุน....”
“พี่มินโฮ
ถึงมันจะเห็นแก่ตัวก็ตาม...ช่วยทำให้ผมนึกถึงแต่พี่
ระลึกถึงแต่ตัวตนของพี่เป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม”
“อึก...พี่มินโฮ
พี่มินโฮ”
เรียกชื่อย้ำเตือนตัวเอง
ยามที่ร่างกายอีกคนมอบความเร่าร้อนให้
มันทั้งสุขสม
ทั้งเจ็บปวดพอๆกันเมื่อระลึกว่านี่คือครั้งสุดท้ายระหว่างเราสองคน
เสียงครางกระเซ่าของผมยังดังผสมปนเปไปกับเสียงกัดฟันแน่นของพี่มินโฮ
เซ็กซ์ครั้งนี้เป็นเซ็กซ์ที่มีความสุข...
รอยจูบครั้งนี้เป็นรอยจูบที่มีความสุข...
ร่องรอยทั้งตัวครั้งนี้เป็นร่องรอยที่มีความสุข...
ไม่
มันไม่ใช่สักนิด
ในเมื่อน้ำตาของคนที่ผมรักกำลังไหล
ถึงร่างกายของสองเราจะตอบรับดีแต่ไหนก็ตาม
พี่มินโฮก็คือพี่มินโฮ
เขาควรจะเกลียดผม
แต่เขาก็ยังจูบซับน้ำตาให้ผม
ร่างกายสอดกระทั้นมาเช่นทุกครั้งที่เราร่วมรักกัน
มันช่างอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อน
มันเต็มไปด้วยความรัก
ความปรารถนาที่มีแก่ผม
“พี่
อึก..อย่าทำแบบนี้กับผมดะ อ่ะ อา”
“พี่รักเรานะซึงยุนอา”
เหมือนสติของผมเริ่มพร่าเลือนเมื่ออีกฝ่ายกระทั้นกระแทกถี่ระรัว
ก่อนจะปลดปล่อยออกมา
ก้มจูบกับจนเสียงเฉอะแฉะน่าอาย
ก่อนที่สติจะพร่าเลือนและดับไป
“พี่ไม่ยอมเสียเราไปหรอกนะ..”
พี่อย่ารั้งคนเลวๆคนนี้ไว้อีกเลย
.
.
.
.
-------
Talk : ฝากติชมที่ @koyteera หรือแท็ก #ฟิคหลุมพราง
เราเหงา กำลังใจเราน้อย ทักได้ไม่กัดค่ะ
see you next time
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น