BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun : ความสัมพันธ์ที่ไร้ชื่อ

[OS] Lee Seunghoon x Nam Taehyun


Story : ความสัมพันธ์ที่ไร้ชื่อ








“อ่า นี่มันก็กุมภาแล้วนะ แล้วเมื่อไรเราจะได้กุมมือกันหล่ะ”
“ไอ้ตี๋ นี่เราเพิ่งเจอกันเมื่อวานปะ อย่ามาเต๊าะนะเว้ย”
“ก็ไม่รู้สิ เห็นหน้านายแล้วรู้สึกว่าต่อให้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตก็เหมือนเจอกันใหม่ตลอดอ่ะ”
“ไอ้...”นึกคำด่าไม่ออก
“นึกคำด่าไม่ออกยังไม่เป็นไร แต่ต้องนึกถึงกันไว้ตลอดนะคนสวย”
“สะ...สวยพ่อง”
“ไม่น่ารักเลยน้า พูดแบบนี้อ่า  แต่ไม่เป็นไร ด่าได้แต่อย่าทิ้งเรานะตัว”
ตะ...ตัวหรอ
เดี๋ยวนะ
ทำไมนัมแทฮยอนต้องมาทนเจออะไรแบบนี้
ต้องมาทนไอ้หน้าตี๋คนนี้พูดอะไรชวนอ้วกใส่ด้วยวะเนี่ย
แม่งเอ้ย....
มันเป็นเรื่องที่พลาดที่สุดในชีวิตของนัมแทฮยอนคนนี้เลยให้ตาย!!!!


“แทฮยอนอา แทฮยอน”
ห๊ะ
ผมสะดุ้งเมื่อพี่จินวูเรียกผม หันไปมองคนพี่ที่ทำหน้าสวยใส่
“พี่พูดไปเมื่อกี้นี่ได้รู้เรื่องไหมเนี่ย”
“รู้ พี่ได้รางวัลไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นฟรีหกวันห้าคืนกับเพื่อน แล้วไง”
“พี่จะให้เราไปแทนพี่ พี่ติดธุระอ่ะ จะให้คนอื่นก็เสียดาย”
“พี่คิดว่าผมว่างมากงั้นดิ...”
“แทฮยอนอ่า ญี่ปุ่นน่าไปน้า”
“...”
“ที่พักที่โน่นมีออนเซนด้วย พี่เห็นแล้วสวยมากกกก”
“...”
“แถมมีที่นวดผ่อนคลายด้วยนะ เห็นบอกเป็นคนนวดที่ชื่อดังเลยหล่ะ
...เริ่มเงี่ยหูฟังนิดหนึ่งละ
“มีร้านเทียนหอมแบบที่นายชอบด้วยหล่ะ”
หันควับทันที่ที่ได้ยินประโยคเมื่อครู่
ท...ทะ เทียนหอมหรอ
จินวูลอบยิ้มในใจเมื่อจี้จุดอีกฝ่ายได้
แต่เด็กคนนี้เพื่อความชัวร์ควรรุกฆาต
“แล้วก็..พี่มีอะไรจะบอกอีกอย่างหนึ่งน้าแทฮยอน”
“อะ...อะไร” ไอ้สายตาเจ้าเล่ห์ที่โผล่ออกมาจากหน้าสวยๆนี่ทำให้ท้องปั่นป่วนแวบหนึ่งเลยทีเดียว
“ทานฟรี...ไม่อั้น เอาบัตรพี่ไปได้เลย”
ตาย....




ย้อนกลับมาปัจจุบัน
เพราะความหน้ามืดตามัว บวกกับความขี้งกผสมความอยากได้อยากกินของตัวเองแท้ๆ
อ้อ
ผมลืมบอกใช่ไหม
ไอ้หน้าตี๋ที่เต๊าะผมเมื่อกี้คือเพื่อนร่วมทริปที่ได้รางวัลกับพี่จินวูไง
แก่กว่าแต่ทำตัวไม่น่าเคารพแรง
ตอนแรกก็หลงคิดว่าจะได้ความเป็นส่วนตัวเพราะคิดว่าเพื่อนพี่เขาคงจะอยู่ใครอยู่มัน
เปล่าเลยจ้า...
พูดมากโคตรๆอ่ะให้ตายเหอะ
“แทฮยอนเด็กกว่านี่ งั้นต้องเรียกน้องแทฮยอนใช่ป่ะ”
“จะเรียกอะไรก็เรียกไปแล้วแต่คุณ” ผมสะบัดหน้าหนีอย่างแรง
“อย่าเรียกพี่ว่าคุณดิ เด็กกว่าก็ต้องเรียกพี่ซึงฮุน”
“...”
“แต่ถ้ากลัวเบื่อก็เรียกว่าที่รักก็ได้นะ ไม่ว่าตัวอยู่แล้ว”
พูดเสร็จแล้วทำท่าบิดตัวแรง
พระเจ้า
ผมอ้าปากค้างเบิกตามองอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นใครพูดเต๊าะเอง เขินเอง บิดตัวม้วนเองขนาดนี้มาก่อน
ผมว่าเขาสติไม่ดี...
ไม่สิ บอกว่าปัญญาอ่อน น่าจะแสดงออกถึงลักษณะตอนนี้ได้ดีมากกว่า
ผู้ชายประหลาดๆคนนี้นี่เป็นเพื่อนกับพี่จินวูได้ยังไง
“ทำไมยิ่งมองยิ่งรู้สึก...”ผมพูดออกมาเบาๆ อีกฝ่ายที่ได้ยินรีบหันมามองพร้องอมยิ้ม
สัส...
ถ้ามีหูมีหางนี่หมาชัดๆอ่ะ
ดูดิ
เหมือนกระดิกหางที่มองไม่เห็นได้ยังไงไม่รู้
“รู้สึกชอบพี่แล้วใช่ไหมอ่ะตัวววววว”
“รู้สึกว่าคุณควรตามหาสติอ่ะ โรงพยาบาลบ้าไหม? หรือว่ามาที่นี่ไม่ได้รับยาระงับประสาทมา”
คนตรงหน้าหัวเราพรืดออกมา
อี๊ น้ำลาย....
“โทษๆ”ยกมือขึ้นจับแขนก่อนจะปาดน้ำลายที่แขนเสื้อออก
ดีนะที่ใส่เสื้อแขนยาว
ถึงสีแม่งจะเหมือนกับอีกคนก็ตามเหอะ
“ไม่ต้องเช็ดแล้ว นี่เช็ดอะไรนักหนาเนี่ย”
ปกติผมไม่ชอบการถูกสกินชิพเท่าไร
อาจจะดูหวงตัว
แต่ถ้าคุณไม่รู้สึกอะไรคุณก็ไม่จำเป็นต้องทำใช่ไหมหล่ะ
“นี่แหน่ะ”
หือ?
ผมหันไปมองอีกฝ่ายที่กุมมือผมไว้
“อากาศหนาวๆแบบนี้จับมือกันดีกว่า”
“...”ผมกำหมัดอีกข้างแน่น
“อร้ายยย เราได้จับมือกันครั้งแรกด้วยหล่ะตัว”
“ย่าห์ อีซึงฮุน อย่าอยู่เลย”



“อ๊ะ....”
“เบาๆซี่แทฮยอน”
“อือออออ”
“ซี๊ดดดดด”
“ก็แล้วทำไมต้องทำเสียงทุเรศๆนั่นด้วยวะ ทำเองไปเลย”
ผมเขวี้ยงสำลีชุบแอลกอฮอลใส่คนที่ทำเสียงอุบาทว์ๆนั่นก่อนจะถอยออกมา
นี่คือเรื่องชวนปรี๊ดเรื่องที่สองรองจากเรื่องโดนเต๊าะทุกสามเวลาหลังอาหารนั่น
พี่จินวูจองห้องไว้แค่ห้องเดียว
ให้สามคำง่ายๆ
วอท  เดอะ ฟัค
ตอนแรกที่มาถึงยังไม่เท่าไร เพราะอีซึงฮุนดูเงียบๆ คือเงียบมากจนรู้สึกเกรงๆอ่ะ แล้วจะให้ออกไปเช่าโรงแรมข้างนอกก็ออกจะเกรงใจบัตรพี่จินวูเขาอยู่ (ถึงพี่เขาจะบอกให้รูดได้เต็มที่ก็เหอะ)
เอาง่ายคือมันก็ไม่คิดว่าจะเป็นยังงี้ไง
รู้อย่างนี้แม่งไม่มาก็ดี
“อ่า แทฮยอนอ่า พี่ขอโทษ มาทำให้หน่อยๆ”
“...”
“น้า เดียวพรุ่งนี้พี่พาไปเที่ยว จะไม่กวน ไม่เต๊าะเราก็ได้เอ้า”
“...แน่ใจนะ”ผมเหลือบตามองอีกคนที่ตอนนี้ทำท่าเหมือนหูตก
เหมือนกล้ามเนื้อบนใบหน้าจะกระตุกยิ้ม
ไม่ดิ
ยิ้มบ้าอะไรละเฟ้ย
“น้า  น้า แทฮยอนอ่า แทหะยอนนี่”ลากเสียงแหลมยาวๆจนผมทนไม่ได้
“อ่าๆๆ ทำให้ก็ได้วะ เงียบๆดิ”
“เย้ๆ”
ร้องออกมาเหมือนเด็กน้อยก่อนจะสบถและกุมแก้มตัวเอง
สมน้ำหน้า
ท่าทางคงเจ็บน่าดู
ใครใช้กวนตีนผมหล่ะ
เผลอมือกระตุกเลยไง
“หึ”
คว้าอุปกรณ์ทำแผลก่อนจะยื่นตัวไปใกล้ๆ
 เห็นแล้วก็อดไม่ได้อยู่ดี สงสารหรอกนะ ไม่ได้อะไรหรอก
“พรุ่งนี้นายอยากไปไหนไหมแทฮยอน..”
“เงียบก่อนดิวะ ทำแผลยาก”บ่นงืมงำๆก่อนที่อีกฝ่ายจะหยุดพูด
หลุบตามองก่อนจะรับรู้ถึงลมหายใจที่เป่าอยู่ใกล้ๆ
พอบทจะเงียบก็เงียบง่ายดีนี่นา
เสียงแอร์ดังให้ได้ยินแว่วๆ ผมตั้งใจทำแผลให้อีซึงฮุนที่นั่งอยู่บนฟูกนอนของผม
เอื้อก
เสียงกลืนน้ำลายดัง ผมเห็นลูกกระเดือกเคลื่อนด้วยหล่ะ
ตี๋ไม่พอกระเดือกยังใหญ่อีก
รู้สึกถึงสายตาที่มองมาสักพักก่อนจะตัดสินใจได้
แปะผ้าแปะแผลให้ครั้งสุดท้ายเบาๆก่อนจะเหลือบสายตามอง
รู้สึกลมหายใจสะดุดอย่างห้ามไม่อยู่
เหมือนมีมนต์สะกดไว้เมื่ออีกฝ่ายก็มองมาทางผมเหมือนกัน
ใบหน้านิ่งๆสวนทางกับดวงตาที่มองมาดูหลากหลายความหมายเหลือเกิน
ทำไมทำเหมือนเคยรู้จักกันดีซะขนาดนั้น
“ทะ..แทฮยอน ใกล้ไปแล้วนะ”
เหมือนไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป จนกว่าจะรู้อีกทีก็ใบหน้าเสมอกับอีกฝ่ายแล้ว
“โทษที” ละออกมาก่อนจะขอโทษเบาๆ “ปิดไฟให้ด้วยหล่ะ ง่วงแล้ว”
ผมสอดตัวลงไปในฟูกหนานุ่ม ผลักอีกคนให้ออกไปนอนที่ฟูกข้างๆก่อนจะตวัดผ้าห่มคลุมทั้งตัว
แปลก
ความรู้สึกแปลกกับเพื่อนร่วมทริปในวันที่สองนี่แปลกจริงๆ


ผมตื่นขึ้นในช่วงเจ็ดโมงกว่าๆ อากาศสิบกว่าองศาทำให้ผมต้องตื่นเพื่อกระชับผ้าห่มให้คลุมใหล่เปลือยมากขึ้น
เดี๋ยวนะ
ไหล่เปลือยหรอ
ผมลุกก่อนจะพบว่ามีอีกคนนอนเบียดหลังอยู่เหมือนกัน
ไอ้ เชี่---
“นี่โดนลวนลามไหมวะเนี่ย”บ่นงืมงำๆก่อนจะคว้าขอบยูคาตะที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ดึงขึ้น
คงเพราะนอนดิ้นเองนี่แหละ ถึงได้ร่นไปซะขนาดนี้
ฟื้ดดดด
หือ
เสียงไรวะ
ผมชะงักมือที่กำลังจัดชุดก่อนจะหันมามองคนที่นอนอยู่ข้างๆ
คงหนาวละมั้ง
ถ้าไม่ใช่ว่าเมื่อวานต่อยจนปากแตกนะ วันนี้คงได้อรุณบาทาใส่เป็นแน่
หึ ก็ยังเห็นว่าเป็นเพื่อนพี่จินวูหรอก....
ค่อยๆเอาผ้าห่มผืนหนา(ที่หนาคงเพราะคนที่ซุกด้วยเอามาคลุมอีกชั้น)ออกจากตัวก่อนจะคลุมอีกคนดังเดิม
ถึงผมจะไม่ชอบการสัมผัสเท่าไร แต่คนเมื่อกี้ก็ไม่ได้กอดก่ายอะไรผม
เพราะงั้นเลยไม่ต่อยไง
ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าก่อนจะคว้าคาร์ดิแกนสีแดงออกมา
วันนี้ว่าจะไปทำผม เบื่อสีน้ำตาลแล้ว
เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย โชคดีที่โรงแรมนี้ถึงจะทำในรูปแบบเก่าแก่แต่ก็มีเครื่องทำน้ำอุ่น แถมยังดีตรงมีบ่อน้ำร้อนส่วนตัวให้อีก
ไม่รู้ว่าคนที่ให้รางวัลวีไอพีพี่จินวูขนาดนี้นี่หมดไปเท่าไรกัน
แต่ช่างสิ...ใครสน ของฟรีนี่นะ
ยิ้มกริ่มก่อนจะใช้ผ้าขนหนูซับตามร่างกายที่มีหยดน้ำ ไอร้อนออกมาจนผมรู้สึกดีมาก
อ้าว
นี่ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าเข้ามานี่หว่า
ทำไมเซ่อได้ขนาดนี้
ผมเอายูคาตะรัดเอวไว้ต่ำๆก่อนเดินออกมา แขนไม่ต้องใส่หรอกเพราะอีกคนคงนอนอยู่แหละ
เดินไปกระชากตู้ก่อนจะหาเสื้อ
เสื้อขาว กางเกงยีนส์ท่าจะดี
ร้องเพลงออกมาเบาๆก่อนจะรู้สึกว่าโดนจ้อง
“เฮ้ย”
ไอ้ตี๋แม่งตื่นแล้ว
“อ่า...ตัวขาวจังเยย” นั่งตาเยิ้มแถมเหมือนน้ำลายจะไหลออกมาทางมุมปากด้วย
ณ วินาทีนั้นผมไม่คิดอะไรละครับ
ยกขาขวาก่อนดิ่งแรงไปทางคนที่นั่งจมกองผ้าทันที
“ไอ้ตี๋นี่แอบดูกูหรอวะ”




“โอ้ย แทฮยอน เบาๆ”
“อยากให้เบานักเดี๋ยวไปตามพนังงานโรงแรมมาทำให้”
“ไม่เอา ตัวทำพี่เจ็บน้า”
ดู...ยังกล้าเล่น
ไม่เข็ดตีนใช่ไหมอีซึงฮุน”
“ง่า  กลัวแล้ว”
“นั่งเงียบๆไป”
ผมเอายานวดนวดบริเวณแขนซ้ายของอีกฝ่ายที่ขึ้นรอยแดงช้ำ โชคดีหน่อยที่ผมยังฉุกนึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนพี่จินวู ถ้าพี่เขารู้ว่าผมทำเพื่อนเขาเละเขาคงโกรธแย่
แต่มันสมควรไหม
นี่ผมโดนลวนลามนะเว้ย
นึกในใจโมโหจนเผลอบีบแขนแรงขึ้น
“อะ..โอ้ย แทฮยอน แขนพี่ๆๆๆๆๆ”
“ห๊ะ ขอโทษที”ผมละมืออกอย่างรวดเร็ว “ทาเสร็จแล้ว ปล่อยไว้เดียวก็หาย ตอนเย็นค่อยทานะ”
ผมลุกก่อนใส่คาร์ดิแกนสีแดงทับ กระเป๋าเงินใส่กระเป๋าสะพายใบเล็กแล้วก็แมสปิดหน้าขึ้นมา
“อ้าว แทฮยอนจะไปไหน”
“จะไปร้านทำผม”
“ตัวจะทิ้งคนเจ็บไว้หรอ” เบะปากก่อนจะทำแก้มป่องใส่ผม
น่ารักตายชักหล่ะอีซึงฮุน ขนลุก!
“ก็จะตามมาทำไมหล่ะ คุณจะไปไหนก็ไปดิ”
“แล้วแทฮยอนรู้จักทางหรอ” ผมไม่รู้
“เดียวถามคนอื่นเอา”
“หน่า  แทฮยอนอ่า  ตัวรอพี่แปปเดียว”
“...” มาไม้ไหนวะ
“เดียวพี่ไปกับตัวนะ”
“ไม่”
ผมส่ายหน้าอย่างแรง
“ตัวทำพี่เจ็บตัวต้องดูแล”
“ก็แล้วทำไม...”
“งั้นเดียวพี่โทรไปฟ้องจินวูว่าตัวทำพี่เจ็บนะ”
“...ก็ได้”
โว๊ะ ทำไมต้องแพ้ทางทุกทีเลยเนี่ย



ผมเดินวนไปวนมารออีกฝ่ายที่ดี๊ด๊าเข้าห้องน้ำไป
มือคว้าสมาร์ทโฟนเพื่อหาสีผมที่คิดว่าจะถูกใจ
ก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิด
อีกฝ่ายใส่ฮู้ดสีแดงสดแบบเดียวกับผม ผมมองบนเมื่ออีกฝ่ายแต่งตัวโทนเดียวกับผมอีกแล้ว
นี่ทริปวันที่สาม และอีกฝ่ายก็ยังเหมือนผมเหมือนเดิม
ไม่ทราบว่าทั้งโซลนี่มีแค่เสื้อผ้าโทนเดียวกับที่ผมใส่คนเดียวหรอ
ก่อนที่จะสะดุดกับท่อนล่าง
“นี่คิดยังไงใส่สั้นขนาดนี้” ผมหลุดปากออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อเมื่ออีกฝ่ายใส่กางเกงขาสั้น
คือสั้นมากอ่ะ สั้นแบบที่เกิร์ลกรุ๊ปใส่เต้นอ่ะ แบบนั้นเลย
ถ้าร้อนก็ว่าไปอย่าง นี่มันหน้าหนาวนะเว้ย
“หวงพี่หรอ” ริมฝีปากเล็กๆนั่นยิ้มออกมากวนๆก่อนที่แก้มจะยกสูง
ตี๋
นี่มันตี๋สุดๆอ่ะ
“หลงตัวเองโคตรๆ”
“ตัวไม่หวงพี่ไม่เป็นไร แต่รู้ไว้นะว่าพี่อ่ะทั้งหวงทั้งห่วงตัวเลยหล่ะ”
ผมอึ้งกับมุขเต๊าะปัญญาอ่อนนั่น
ช่างกล้า....
“พอเหอะ ก่อนที่จะอ้วก”
“แพ้ท้องหรอ คนบ้า เมื่อคืนพี่แค่นอนข้างๆเองนะ ยังไม่ได้ใส่เลย”
ใส่อะไร
ใส่อะไรว่ะไอ้ตี๋
ผมถลึงตาก่อนเดินปึงปังออกมาเพราะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
“โรคจิต”
ผมก่นด่าในใจ
แต่ใบหน้าก็เผลอยิ้มออกมากับสีหน้าของอีซึงฮุนเมื่อกี้ด้วย
ก็ยอมรับแหละว่าตลก
นิดหนึ่งนะ
แค่นิดเดียว
“ฮั่นแหน่ะ อมยิ้มแบบนี้คิดถึงพี่ใช่ปะตัว”โผล่หน้าออกมาจนผมตกใจเผลอยกมือกำหมัด
“เฮ้ยๆๆ ไม่เอาแล้ว อย่าต่อยพี่ พี่ยังแขนเจ็บอยู่เลย”
“ก็แล้วทำไมต้องมาให้ตกใจด้วยละ”ลดมือลงก่อนจะมองอีกฝ่ายที่ดึงหมวกฮู้ดคลุมทับหมวกแก๊ปสีชมพู
แหวะ
ฟรุ้งฟริ้งตายชัก
แต่ก็น่ารักดี




“เอาสีนี้ครับ”ผมพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นก่อนจะนั่งตรง มองไปในกระจกเห็นอีซึงฮุนคนมุ้งมิ้งกำลังนั่งอ่านหนังสือไขว่ห้างรอ
โอ้โห ท่าอย่างตุ๊ด
เหมือนรู้ว่าผมนินทาในใจ อีซึงฮุนเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มก่อนดึงแมสปิดปากลงและพูดพอให้อ่านปากได้
“มองพี่มากๆระวังตกหลุมรักแบบที่พี่หลงรักเรานะ”
เลี่ยนชะมัด
เบนสายตาออกมาก่อนจะมองไปที่กระจก
โอ้ย แล้วนี่จะบ้าจี้ไปด้วยทำไมเนี่ย
ใบหน้าในกระจกที่สะท้อนมามันแดงอมชมพู
คงเพราะอากาศหนาวหรอกน่า
ผมคิดว่างั้นนะ
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ระหว่างที่ผมนั่งรอสระผมจู่ๆมือเรียวสวยก็มีแก้วส่งมา
ผมมองตามมือไป เห็นอีซึงฮุนยิ้มแผละออกมา
“หนาวใช่ไหมแทฮยอนอ่า พี่ซื้อมาให้”
ผมมองดูโกโก้ร้อนในมือก่อนจะพูดขอบคุณเบาๆ
นี่อีกฝ่ายรู้ได้ไงว่าผมชอบโกโก้?
ไม่หรอก คงแค่บังเอิญ
เผลอใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ผมยอมรับว่าอีกฝ่ายใส่ใจผมมากกว่าที่คิดเสียอีก
ถึงแม้อีกฝ่ายจะชอบพูดจาเลี่ยนๆเรียกมือเรียกเท้าก็ตาม
ปกติผมไม่ใช่คนที่โอนไหวง่ายขนาดนี้เลย
แต่มันก็เพราะผมร้างราจากเรื่องแบบนี้มาพอสมควรด้วยแหละ
ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก่อนที่ถูกคุณพนักงานเดินมาบอกให้สระผม
ผมลุกก่อนที่อีกฝ่ายจะคว้าแก้วโกโก้ของผมไปถือ
ผมมองด้วยความงุดงงก่อนที่จะร้อนบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่
“ไปเร็วๆหล่ะ”
อีซึงฮุนพูดเสียงนุ่มๆก่อนจะจรดริมฝีปากลงบนแก้วฝั่งที่ผมใช้ดื่มเมื่อครู่
“พี่จะรอตัวอยู่ตรงนี้นะ”
ไอ้...แม่ง
-////-


ผมเดินออกมาด้วยความรู้สึกโล่งๆ
ถึงเหตุการณ์เมื่อครู่จะทำให้ผมหน้าร้อนก็ตาม
หิวแฮะ
มองอีกฝ่ายที่กำลังเคี้ยวอะไรบางอย่าง
“กินอะไร”
ผมถามออกไปก่อนจะมองขวาง
ไม่ไหว ความหิวมันทำให้ผมหน้ามือตามัว
“คุกกี้ กินไหมตัว”
“ไม่น่าถาม”
“...”
“ส่งมาให้หมดกล่องนั่นแหละ”
อีซึงฮุนหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะแกะขนมส่งให้ผม ผมรับมาก่อนจะเดินไปเรื่อยๆ
ถึงอากาศจะเย็นแต่ก็ยังมีแสงแดดส่องมาพอให้อบอุ่นขึ้นบ้าง
เหมือนกับความรู้สึกผมตอนนี้
เงยหน้าสูดอากาศ ปล่อยให้ผมสีทองที่ย้อมมาใหม่นั่นพลิ้วไปกับลมที่พัดออกมาแผ่วเบา
ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมา
ผมหันกลับไปมองอีซึงฮุนที่ไม่ได้เดินตาม
เราสบตากันนิ่งๆในระยะห่างเพียงไม่ถึงสิบเมตร
อีกแล้ว
สายตานั่นมันทำให้ผมรู้สึก...
จู่ๆผมก็ใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เสยผมขึ้นเหมือนตอนที่กำลังเขิน
เขิน?
นี่ผมกำลังเขินหรอ
รอยยิ้มเอ็นดูนั่น...
ให้ตาย
นี่ผมตกหลุมรักเพื่อนร่วมทริปวันที่สาม




ผมนอนกระสับกระส่ายไปมาตลอดคืน
ผมนอนไม่หลับ
ใช่
เพราะเรื่องเมื่อบ่ายมันทำให้ผมนอนไม่หลั
อีซึงฮุนก็หายไปเลยตั้งแต่มาถึงโรงแรม
หายไปไหนกัน
ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อนจะพบว่านี่มันห้าทุ่มกว่าแล้ว
ปลดล็อคจอก่อนตั้งท่าจะค้นเบอร์
แล้วก็โยนทิ้งบนฟูก
ลืมไปได้ไงว่าไม่มีเบอร์
ยีหัวอย่างหงุดหงิด
โว้ย
ช่างแม่ง
ลุกขึ้นก่อนคว้าผ้าขนหนูเพื่อไปแช่น้ำร้อน
เดินไปเรื่อยๆเพราะตังแต่มายังไม่ได้สำรวจที่นี่สักที ในป้ายบอกมีบ่อแช่ธรรมชาติแบบขุ่นเปิดอยู่ด้วย
ผมไม่รีรอที่จะเปิดออกและถอดยูคาตะเพื่อแช่ร่างกาย ผมค่อนข้างชอบมันเลยหล่ะ
หย่อนกายลงก่อนจะหลับตาพริ้ม
ความร้อนของน้ำทำให้ผมนึกถึงความร้อนจากโกโก้ร้อนๆแก้วนั้น
อีซึงฮุน...
“แล้วนี่จะนึกถึงทำไมวะ”
ส่ายหัวก่อนที่จะได้ยินเสียงคอลเข้ามา ผมเอื้อมมือไปก่อนรับสาย
ซึงยุนโทรมา
“ย่าห์ มีไร”
“เฟซไทม์หน่อย”
“เดี๋ยว..”ยังไม่ทันห้ามมันเปลี่ยนเป็นเฟซไทม์ก่อนจะเห็นผมเต็มๆ
นี่ไม่ได้เสื้อผ้านะเว้ย...
“นั่นนายทำไรอยู่อ่ะ แก้ผ้าทำไม แล้วนั่นเปลี่ยนสีผมหรอ”
อยากจิบ้า...
ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทมากๆแม่งกลับไปต่อยปากเจ่อแตกแล้วจริงๆ
“อืม เปลี่ยนมา แช่น้ำร้อนอยู่”
“ดีจังน้าได้อยู่ญี่ปุ่นด้วย”
“ก็ดี”
“อิจฉานายจังที่พี่ซึงฮุนพาไป นี่ไปเจอกันได้ไง”
หือ....
ผมว่ามันชักจะแปลกๆละ
“นายรู้จักไอ้ตี๋?
“ทำไมเรียกพี่เขางั้นอ่ะ”เสียงในสายหัวเราะออกมา”ก็เขาเป็นคนเตรียมทริปนี้ให้นายนี่”
“...”
ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“แทฮยอน แทฮยอนเงียบทำไมวะ”
“เออ แค่นี้ก่อน เดียวโทรกลับ”
ผมกดตัดสายก่อนที่ซึงยุนจะโวยวายมากกว่านี้
พี่จินวูหลอกผม
และอีซึงฮุนก็หลอกผมเหมือนกัน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย



ผมเดินเข้าห้องมาก่อนจะเห็นอีกฝ่ายนอนหันหลังให้ผม
มาตั้งแต่เมื่อไรกัน
ผมไม่รอช้าเดินเข้าไปกระชากผ้านวมก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ลุกมาคุยให้รู้เรื่อง
“อีซึงฮุน ตื่น”
“ไปไหนมาอ่ะตัว” อีซึงฮุนตกใจก่อนจะมองเห็นหน้าผมที่ไม่เล่นแม้แต่น้อย “เกิดอะไรขึ้นกับนายแทฮยอน”
“โกหกกันใช่ไหม”
“...”
“นายโกหกฉันใช่ไหมว่านี่เป็นทริปฟรี นายวางแผนกับพี่จินวูงั้นหรอ”
“รู้แล้วหรอ”
“...”ผมเงียบ
“รู้ได้ยังไง”
“มันไม่ได้สำคัญหรอกว่ารู้ได้ไง ฉันอยากรู้ว่านายทำแบบนี้ทำไม”
“...”
“ตอบซิวะอีซึงฮุน”
“แล้วตลอดสามวันแทฮยอนไม่รู้เลยหรอ....”
ผมนิ่งก่อนจะปล่อยมือออก
บ้าน่า...
“ผม...”
“พี่ชอบตัวนะ”
ใจผมเต้นระส่ำอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่ไม่ได้มาเต๊าะเล่นๆ พี่จริงจังกับเรานะแทฮยอน”
ผมก้มหน้าหงุดเพื่อพยายามให้ใจมันเต้นแรงน้อยลงกว่านี้
ถึงไฟในห้องจะสลัวๆแต่ผมก็กลัวเขาจะเห็นแก้มที่ร้อนฉ่าของผม
“เงยหน้าหน่อยสิแทฮยอน”
“...”
“เงียบทำไมหืม เด็กน้อย”
“ใครเด็กน้อยวะ”เงยหน้าด้วยอารมณ์ฉุนกึกก่อนจะเผลอกลั้นลมหายใจเมื่อใบหน้าอีกคนเข้ามาใกล้เกินไป
ไม่ไหว
อันตราย อันตรายเกินไปแล้ว
“น่ารักจัง”
“น่ารักพ่อง”พูดก่อนจะเบนหน้าออก
“พี่ขอสัมผัสเราได้ไหม...”
เบิกตากว้างเมื่ออีกฝ่ายยื่นหน้าเข้ามาชิดจนหนห้าผากชนกัน
“ถ้าตัวไม่ผลักพี่....”
ผมเผลอหลับตาแน่น ก่อนที่ลมหายใจจะเป่าคลอเคลียใกล้ๆ
แล้วริมฝีปากของเราก็ชิดกัน
มันนุ่มนิ่ม อ่อนหวานจนผมเผลอเคลิ้มไปหมด
อ่า
ไม่ไหว
อีซึงฮุนนอกจากจะเต๊าะเก่งแล้วยังจูบเก่งชะมัด
ให้ตายเหอะ....



ผมลุกขึ้นในตอนสายๆของอีกวัน
บิดร่างกายที่เมื่อยล้าจากการนอนเบียดออกเบาๆ
ใช่ แค่นอนเบียดเฉยๆอ่ะ ไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น
อีซึงฮุนไปไหน
กวาดสายตามองไปรอบห้องก่อนที่จะสะดุดกับโน้ตใบเล็กๆที่ติดบนตู้เสื้อผ้า
ลุกขึ้นเดินไปดึงมาดูก่อนที่จะขย้ำกระดาษเต็มแรง สบถออกมาและคว้าเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

-พี่ต้องบินกลับไปทำธุระด่วนที่โซล แล้วเจอกันนะครับ ปล.ถ้าแทฮยอนชอบพี่ กลับมาเกาหลีเมื่อไรพี่จะรุกจีบอย่างเป็นทางการนะตัว-

“ไอ้บ้าเอ้ย ยอมให้เต๊าะขนาดนี้แล้วมารับผิดชอบด้วยสิไอ้โรคจิต”



#HOONNAM #ALLBBHN












3 ความคิดเห็น:

  1. เฮ้ยๆ หลงรักพี่เขาแล้ว? หลงเสน่ห์ไอ้หน้าตี๋เขาแล้วเหรอลูกกกกกกกกก ปล.เต๊าะเสี่ยวขนาดนี้น่าจะโดนต่อยอีกซักที ./////.

    ตอบลบ