BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560

[ficlet] Lee Seunghoon X Song Minho : Lost





Lee Seunghoon X Song Minho

Story : Lost






ซึงฮุนเดินมาตามถนนที่ทอดยาว อากาศเย็นสบายในช่วงใกล้พลบค่ำทำให้รู้สึกเหงาที่หัวใจแปลกๆ

ความรู้สึกปั่นป่วนนั้นรบกวนมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว ซึงฮุนกระชับสายสะพายกระเป๋าแน่นมากขึ้น

ช่วงเวลาต่อจากนี้อีกหนึ่งอาทิตย์เขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่

ซึงฮุนวางแผนที่จะใช้วันหยุดในช่วงหน้าหนาวตลอดหนึ่งสัปดาห์กับคนรัก...น่าเสียดายนิดหน่อยที่มันกลับเป็นไปไม่ได้เสียแล้วเมื่อเขาถูกบอกเลิกเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลง่ายๆว่าเขาบ้างานมากเกินไปและมันน่าเบื่อที่เจ้าตัวจะต้องมาตามถึงที่ทำงานเกือบทุกครั้งและละเลยนัดที่เขากับเจ้าตัวนัดกันบ่อยๆ

โอเค

มันอาจจะดูงี่เง่าไปหน่อย แต่ทั้งหมดนั่นมันก็เพื่ออนาคตของเขากับเจ้าตัวทั้งนั้น

ซึงฮุนพรูลมหายใจออกมา ทริปคู่รักกลับกลายเป็นทริปฉายเดี่ยวประสาคนโสดไปอย่างช่วยไม่ได้

ก่อนที่ร่างสูงจะเดินขึ้นรถไฟ จุดมุ่งหมายคือในเขตนอกเมืองที่แสนสวยงาม และการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสองวันบนรถไฟ แน่นอนว่าซึงฮุนจองห้องนอนบนรถไฟไว้ เขาเหลือบสายตาขึ้นด้านบนเล็กน้อย มองเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้จำผิดโบกี้และจะไม่หลงทางหากต้องไปคนเดียว

เขาไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนนานมากโข จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ไปไหนไกลๆก็คืองานสัมมนาของทางบริษัทที่ต้องค้างสามวันสองคืนแค่นั้นเอง

ซึงฮุนส่งตั๋วให้พนักงานรถไฟ รอยยิ้มแย้มของพนักงานดูจะขัดกับอารมณ์ของเขาไปหน่อย ก่อนที่จะได้รับเป็นการผายมือเมื่อมาถึงห้องพักดังกล่าว พนักงานคนนั้นชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ที่พักและความสะดวกสบายอื่นๆอีกเล็กน้อยก่อนจะทิ้งทวนด้วยการบอกว่ามีอะไรสามารถกดกริ่งเรียกพนักงานได้ในทันที ซึงฮุนเอ่ยขอบคุณเสียงเบาก่อนจะเปิดประตูห้องพักเข้าไป ทัศนียภาพนอกหน้าต่างเป็นชานชลารถไฟที่ยังไม่เคลื่อนที่ เหลือเพียงอีกสิบนาทีกว่ารถไฟจะออก

ซึงฮุนวางกระเป่าลงที่เตียงข้างๆ นอนที่เตียงอีกผืน ทั้งที่ความจริงมันควรจะเป็นของอีกคนที่วางแผนเที่ยวด้วยกัน แต่ก็นะ...ซึงฮุนจะพยายามไม่คิดถึงมันให้เปลืองความรู้สึกหรือเสียเวลาอะไรทั้งนั้น

เลิกได้ก็ลืมได้

ซึงฮุนถือคติแบบนี้เสมอ

จะเรียกว่าเป็นโชคดีของซึงฮุนหรืออะไรก็ไม่รู้ เขาอาจจะบ้างานมากไปหน่อยก็ได้ ซึงฮุนหยิบโน้ตบุ้คออกมา เสียบมันเข้ากับปลั๊กไฟและเปิดหน้าจองานขึ้น เป็นเรื่องดีที่เขาพกมันมาเพราะคิดว่าอาจจะได้ทำเล็กน้อย

ไม่ใช่เลย เขาได้ทำมันแน่ๆตลอดระยะเวลาที่อยู่บนรถไฟนี้

ซึงฮุนพิมพ์งานก่อนจะจมเข้าไปในห้วงความคิด พนักงานระดับต้นๆโปรไฟล์ค่อนข้างดีแบบเขาไม่แปลกที่ในหัวจะมีแบบแผนมากมาย ก่อนจะได้ยินเสียงตะกุตะกักมาจากห้องข้างๆ มันดังมากจนผิดปกติเกินไปตั้งแต่ซึงฮุนขึ้นมาบนรถไฟ จากที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สักพักซึงฮุนก็ทนไม่ไหว

“ใครวะ...”

ซึงฮุนเอ่ยออกมาเสียงเบา ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง เดินไปที่ห้องนอนข้างๆก่อนจะเคาะประตูเสียสองสามครั้งเพราะทนเสียงน่ารำคาญไม่ไหว

ไม่ใช่ว่าห้องมันไม่เก็บเสียงนะ แต่นี่มันดังผิดปกติเกินไป

“คุณ คุณ”

ซึงฮุนพูดออกมาก่อนที่เสียงข้างในจะเงียบไปชั่วครู่ ยืนรอด้วยความใจเย็นก่อนจะพบว่าไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะเดินออมาเปิดประตู

ซึงฮุนยักไหล่ก่อนจะตัดสินใจที่จะหมุนตัวเพื่อเดินกลับห้อง ก่อนเสียงประตูจะเปิดดังขึ้น

“ผมขอโทษทีที่เสียง---ซึงฮุน?”

ซึงฮุนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูคือใคร

“มินโฮ...”

ให้ตายเหอะ

นี่เขามีทริปเที่ยวฉายเดี่ยวเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนคนล่าสุดยังไม่พอ เขายังมาเจอกับแฟนเก่าของเขาอีกหรือ

โลกนี้มันตลกเกินไปแล้ว







หนึ่งเรื่องที่ซึงฮุนรู้สึกตลกไม่ออกคือการได้พบกับอีกฝ่าย

ซึงฮุนและมินโฮต่างชะงักค้างเสียทั้งคู่ เสียงรถไฟที่ออกจากชานชลายังดังผ่านเข้ามาในโสตประสาท สุดท้ายมินโฮก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา...รอยยิ้มของอีกฝ่ายดูเศร้าหมองกว่าแต่ก่อน

“มะ...ไม่คิดว่าจะได้เจอกันแบบ---“

“หายไปไหนมา?”

ซึงฮุนเอ่ยออกมาก่อนที่มินโฮจะพูดจบ รอยยิ้มเมื่อครู่ของมินโฮที่พยายามยิ้มนั้นหุบลง ก่อนเจ้าตัวจะถอยหลังและทำท่ากลับเข้าไปในห้อง ซึงฮุนรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ก่อนจะกำมันแน่น

“อย่าหนีพี่นะ”

เอ่ยออกมาเสียงขุ่นก่อนจะเป็นมินโฮที่หันกลับมามอง อีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียงค่อย

“ผมไม่ได้หนีพี่...”

“นายไม่ตอบคำถามพี่ แล้วนี่มากับใคร? แล้ว---“

“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ ทำไมถามผมแบบนั้น?”

เอ่ยตัดประโยคเสียงเรียบก่อนซึงฮุนจะรู้สึกตัว ซึงฮุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งน้ำเสียงที่ไม่พอใจ

“พี่ไม่เคยพูดสักคำว่าเราเลิกกัน มินโฮ มีแต่นายที่หนีพี่ไป”

ใช่

ซึงฮุนยังจำได้ดี ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเกือบสองปีทีแล้ว วันที่ซึงฮุนตื่นขึ้นมาและพบว่าคนที่เขาคิดจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตนั้นหายไป

ก่อนหน้านี้ซึงฮุนกับมินโฮนั้นเป็นเพื่อนข้างห้องกัน ซึงฮุนที่ทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆกับคอนโดและมินโฮนักศึกษาปีสุดท้าย ความสัมพันธ์ที่ดูจะเรียบง่ายจากการที่ซึงฮุนย้ายคอนโดมาใหม่ๆ และเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนข้างห้องคนนี้

จากความรู้สึกถูกชะตา นำไปสู่ความรู้สึกถูกใจ

ซึงฮุนยอมรับว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่มาก แต่กับมินโฮมันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะคุยด้วยเฉยๆ ทั้งที่อีกฝ่ายงานก็ยุ่งมากแต่ยังปลีกเวลามาพูดคุยหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

จนกระทั่งซึงฮุนเอ่ยปากขออีกฝ่ายคบด้วย

ถึงมินโฮจะตกใจไปบ้างแต่ซึงฮุนยังคงจำได้ดีเสมอยามที่มือนั้นกระชับเป็นสัญญาณตอบรับว่าตกลง

“มันไม่สำคัญหรอกว่าผมหายไปไหนมา...ในเมื่อสุดท้ายผมที่ไม่ได้เอ่ยลาพี่สักคำ แล้วกลับมาพบว่าพี่พาคนอื่นเข้าห้อง?”

เป็นซึงฮุนที่พูดไม่ออกแทน

เป็นความจริงที่มินโฮพูดออกมาแบบนั้น ในช่วงเช้าหลังจากที่มินโฮหายไปได้เกือบสามเดือน ซึงฮุนตื่นขึ้นในตอนเช้าด้วยเสียงเปิดประตูค้าง เป็นมินโฮที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง

...และซึงฮุนที่นอนเปลือยเปล่าร่วมเตียงกับแฟนเก่าคนล่าสุด


อีกฝ่ายหายไปอีกครั้ง...ซึงฮุนได้แต่นึกโทษความงี่เง่าของตนเองที่ไม่ยอมตามอีกฝ่ายไป มินโฮหายไปจากชีวิตของซึงฮุนอีกครั้ง หายไปแบบไร้สัญญาณเตือน หายไปแบบที่ซึงฮุนเองก็จนปัญญาที่จะตามหา

ไม่คิดว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาได้พบกับมินโฮแบบนี้




หลังจากเสียงประตูปิดลง ซึงฮุนที่รู้สึกตัวกลับทำอะไรไม่ได้ เมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นไม่มีอะไรที่ปฏิเสธได้

เขาไม่มีสิทธิอะไรเลยด้วยซ้ำ

ซึงฮุนเดินกลับมาที่ห้องพักของเขา ก่อนจะล้มตัวลงนอน

เขาคิดว่าการมาเที่ยวครั้งนี้จะทำให้เขาได้หยุดคิดเรื่องเกี่ยวกับแฟนเก่าคนที่เพิ่งบอกเลิกไป

ใช่ เขาเลิกคิดถึงจริงๆนั่นแหละ

เพราะสิ่งที่ทำให้เขาคิดมากกว่ากลับเป็นบุคคลห้องข้างกันนี้แทน

“มินโฮ...”

ซึงฮุนพึมพำเสียงเบาก่อนจะปล่อยตนเองให้จมอยู่กับความคิดเดิมๆวนไปตลอดค่ำคืน





เสียงรถไฟยังคนแล่นตลอดเวลา หลังจากที่ซึงฮุนนั้นเดินไปอาบน้ำ ทางที่เดินผ่านนั้นจะต้องผ่านห้องของมินโฮเสมอ และนั่นทำให้ซึงฮุนอดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองที่ห้องนั้นเสียทุกครั้ง

อีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่?

อีกฝ่ายจะกินข้าวหรือยัง?

อีกฝ่ายจะนอนหลับได้ไหมในที่แปลกแบบนี้?

สุดท้ายซึงฮุนก็ตัดสินใจเด้งตัวขึ้นมา เดินออกจากบริเวณห้อง แสงไฟตามทางระเบียงนั้นมีเพียงแสงสลัวๆ อาจจะเพราะว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงแห่งการท่องเที่ยวด้วยจึงทำให้คนที่มาโบกี้พิเศษนี้น้อยเหลือเกิน ซึงฮุนยืนที่หน้าห้องของมินโฮซึ่งอยู่ข้างๆกัน ยืนพิงกับผนังอีกฝั่งก่อนจะมอง...ซึงฮุนแค่มองทางด้านหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ

เหมือนความรู้สึกเก่าๆสมัยตอนก่อนจะคบกันนั้นวนกลับมาอีกครั้ง

ทั้งที่เราต่างห่างหายไปเกือบสองปีแล้ว แต่กลายเป็นว่าแค่เจอกันไม่ถึงชั่วโมง กลับคิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาเสียได้

แฟนเก่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าแปลกประหลาดจริงๆ



ซึงฮุนตัดสินใจเดินออกจากบริเวณนั้น ร่างสูงเดินมาอีกโบกี้รถไฟที่เป็นโซนพักผ่อน เลือกที่จะเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่งซึ่งจัดไว้ให้สำหรับสูบบุหรี่ ปกติซึงฮุนไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่จัดนัก เขาไม่ได้สุบมาพักใหญ่แล้วเพราะมัวแต่วุ่นกับการทำงาน....เอาตามตรงคือเขาเพิ่งมาเริ่มสูบหลังจากที่มินโฮหายไปและห่างหายจากมันเพราะว่าหมกมุ่นกับการทำงานจนไม่ได้แตะเสียมากกว่า

ซึงฮุนพ่นควันออกมา ความหม่นของมันและรสฉุนนั้นเฝื่อนที่ลำคอเล็กน้อย รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่พกมันมาก่อนจะต้องชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังที่คุ้นตาเป็นใคร เนื่องจากว่าด้านในนั้นเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ด้านเดียว และนั้นทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นซึงฮุน

มินโฮนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามกัน ในมืออีกฝ่ายมีน้ำอัดลมที่เพิ่งกดจากตู้ข้างๆที่อีกฝ่ายนั่ง ซึงฮุนเดินเข้าไปใกล้ประตูมากขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นทาบกระจก ความเย็นของแผ่นใสที่กั้นไว้ทำให้รับรู้ว่าภาพที่มองตรงหน้าเกิดจากสถานการณ์จริงไม่ได้คิดไปเอง

“พี่คิดถึงนาย...ทำไมยังกินน้ำอัดลมแบบนั้นอยู่นะ ทั้งที่รู้ว่าตัวเองกระเพาะอาหารไม่ค่อยดี”

เอ่ยตำหนิทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้ยิน เขาเอ่ยออกมาแค่นั้น...สายตาของซึงฮุนนั้นมองที่มินโฮไม่หลบไปไหน ก่อนจะต้องสะดุดลมหายใจเล้กน้อยยามที่เห็นอีกฝ่ายหยิบบุหรี่ขึ้นมายบ้าง ปกติมินโฮไม่ใช่คนสุบบุหรี่เลย ดุท่าว่าช่วงเวลาที่ห่างหายกันไปจะทำให้อะไรๆนั้นเปลี่ยนไปมาก

เขาเปลี่ยนไป

มินโฮเปลี่ยนไป

แต่ความรู้สึกรักของซึงฮุนยังมีให้มินโฮอยู่เหมือนเดิม นั่นเป็นสิ่งที่ซึงฮุนรู้ตัวเองเสมอ แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการกระทำที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น และซึงฮุนก็รู้ตัวดีต่อให้ร่างกายของเขานั้นร้างราจากมินโฮมากแค่ไหน แต่สุดท้ายคนที่ทำให้เขารู้สึกได้ดีที่สุดก็คือมินโฮอยู่ดี

แล้วมินโฮหล่ะ...?

เผลอสะดุดลมหายใจเมื่ออีกฝ่ายเดินถือซองบุหรี่มาทางที่เขาอยู่ ซึงฮุนเผลอถอยหลังจนพิงกับผนังตรงข้าม มือของอีกฝ่ายเลื่อนบานประตูออก่อนจะชะงัก เพราะพื้นที่ที่คับแคบ ทำให้มินโฮเห็นซึงฮุน อีกฝ่ายทำท่าหมุนตัวกลับแต่ซึงฮุนรั้งไว้อีกครั้ง

ซึงฮุนจะไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไป

เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายกลับไปแล้ว

“พี่ ปล่อ—“

มินโฮสะดุดคำพูดทั้งหมดเมื่อซึงฮุนกระชากเสียเต็มแรงจนมินโฮชนกับกระจก ซึงฮุนแสดงสีหน้าที่อ่านยาก มือกดที่ไหล่อีกฝ่ายให้นั่งลงก่อนจะเลื่อนบานประตูปิดลง มินโฮถูกกักกันให้อยู่กับซึงฮุนเพียงลำพัง แสงไฟที่ส่องมาไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรชัดเจนนัก แต่มินโฮกลับเบิกตากว้างอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัมผัสบางอย่างนั้นทำให้ต้องตกใจ

ซึงฮุนแนบริมฝีปากลงที่อวัยวะเดียวกัน

ด้วยความสัตย์จริง ซึงฮุนคิดถึงมินโฮมากเหลือเกิน

รสขมเปร่าของบุหรี่ที่บังเอิญเหมือนกันกับที่มินโฮใช้ไม่ได้แตกต่างจากที่มินโฮสูบมันเอง แต่ครั้งนี้ออกจะเจือจาง...และเปียกชื้นเล็กน้อย

หัวใจของซึงฮุนเต้นเร่าเมื่อริมฝีปากหยักเผยอเล็กน้อยทั้งเอียงใบหน้า เปิดโอกาสให้เรียวลิ้นได้ทักทายกันอย่างคุ้นเคย

เสียงแลกน้ำลายดังขึ้นอย่างน่าอาย ซึงฮุนรั้งที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายให้เงยมากขึ้น ฉกชิงความเปียกชื้นมากยิ่งขึ้น และแนบความนุ่มหยุ่นมากขึ้นเช่นกัน

“พี่คิดถึงนายเหลือเกินมินโฮ”

ซึงฮุนผละออกก่อนเอ่ยออกมาทั้งเสียงแหบพร่า

โหยหา

เขาโหยหามินโฮที่สุด

ก่อนจะแนบริมฝีปากอีกครั้ง ซึงฮุนไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้หายใจเต็มที่เท่าไรนัก ความร้อนและความหิวกระหายในตัวอีกฝ่ายนั้นมากมายเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเพื่อประวิงเวลา

ก่อนที่จะรู้สึกตัว

มินโฮผละออกจากอีกฝ่ายทั้งนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ก่อนริมฝีปากหยักที่เจ่อขึ้นจากการบดจูบจะเอ่ยออกมา

“สมใจพี่แล้วใช่ไหมพี่ซึงฮุน”

“...พี่”

“ผมจะคิดเสียว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมันจะเป็นครั้งสุดท้าย”

มินโฮลุกพรวดก่อนซึงฮุนจะโดยผลักให้ผละออกจากร่างกาย มินโฮจับบานประตูแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งที่ไม่หันกลับมามอง

“บางที...เราก็ไม่น่าได้เจอกันอีกครั้งเลย”


ซึงฮุนทรุดลงนั่งกับพื้น เขาจำไม่ได้ว่านั่งแบบนั้นนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมมินโฮถึงคิดแบบนั้น และไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าของตนเองถึงเปรอะคราบน้ำตา

ความรู้สึกรักมันทรมานขนาดนี้เชียวหรือ

ซึงฮุนไม่อยากเข้าใจมันเลย

เขาไม่อยากยอมรับมันเลยสักนิดว่าเขาเสียใจกับการกระทำของมินโฮ แต่เขาไม่เสียใจที่ทำเมื่อครู่กับอีกฝ่าย

“มินโฮ...”

ซึงฮุนได้แต่เอ่ยออกมาแค่นั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา

เขาต้องพยายามแบบไหนกันนะถึงจะทำให้อีกฝ่ายกลับมารักกับเขา






ซึงฮุนลืมตาตื่นเมื่อพบว่ารถไฟจอดตัวลง เสียงวุ่นวายจากข้างนอกดังเอะอะโวยวายจนผิดวิสัย เมื่อคืนเขานอนหลับเสียสนิทหลังจากกลับมาจากที่เมื่อคืน ก่อนจะเปิดประตูออกไป พบว่ามีบุคคลหลายคนมุงอยู่ที่ห้องข้างๆเขา

มันเป็นห้องที่มินโฮใช้พัก

ซึงฮุนรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเมื่อเห็นสายคาดสีเหลืองกั้นบริเวณประตู

“ผมขอทางหน่อย คุณ ผมขอ---“

ซึงฮุนเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเขาได้เห็นความจริงที่แสนโหดร้ายตรงหน้าหลังจากแหวกผู้คนที่ยืนอยู่มากมาย

“มินโฮ...”

เบิกตาค้างเมื่อเห็นว่ามินโฮที่ควรจะหลับใหลตามที่ควรจะเป็นนั้นตอนนี้หลับตานิ่งสงบ...แต่ต่างจากเดิมนิดหน่อยตรงที่คราบแดงนั้นเปรอะที่นอนเป็นวงกว้าง รวมทั้งร่องรอยบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งหมดซึงฮุนเห็นมันก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะผูกผ้าปิดลง

มินโฮตายไปแล้ว...

ซึงฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป

“มินโฮ มินโฮ...ปล่อย คุณตำรวจ ปล่อยผมสิวะ!!!

ซึงฮุนเอ่ยออกมาทั้งไร้สติ เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่รับรู้คำพูดอะไรนอกเหนือจากที่ได้ยินประโยคสุดท้าย

มินโฮถูกฆ่าชิงทรัพย์บนรถไฟ สันนิษฐานเวลาว่าก่อนรถไฟออกจากชานชลา คาดว่าคนร้ายน่าจะหนีออกไปตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทาง

เสียงที่ดังขึ้นก่อนที่เขาจะนอนเมื่อคืน...และเสียงเคาะต่างๆที่ได้ยินนั้นคือเสียงขอความช่วยเหลือจากมินโฮ...




ร่างสูงเดินเพียงเชื่องช้าก่อนจะข่มตาลงเมื่อถึงจุดมุ่งหมายในครั้งนี้

บานประตูเหล็กสีดำเกรอะฝุ่นถูกมือสัมผัสให้เปิดออก

ซึงฮุนวางช่อดอกไม้ลงที่แท่นหินสีเทาหม่น ความรู้สึกบางอย่างตีรวนขึ้นมาอีกครั้ง

“พี่คิดถึงนายเหลือเกินมินโฮ...ทำไมพี่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้นะ...”

ซึงฮุนเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว ความเงียบปกคลุมบริเวณดังกล่าว

“พี่...พี่น่าจะตามไปขอโทษนาย พี่น่าจะบอกทุกอย่างกับนาย...พี่ พี่---“

ก้อนสะอึกจุกที่ลำคอไปหมด ความรู้สึกเสียใจถาโถมมาจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ออก

เขาคิดถึงมินโฮ เขารักมินโฮ

“พี่คงพูดมันช้าไป แต่พี่ก็อยากจะบอกนะมินโฮ”

“...”

“พี่รักนาย ไม่ว่านายจะเป็นยังไงก็ตาม พี่รักนายคนเดียว...”

ซึงฮุนเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะนั่งนิ่งๆหน้าแผ่นป้ายหลุมศพช้าๆ

เขาอยากย้อนเวลากลับไปได้เหลือเกิน

เขาจะยอมแพ้ทุกอย่างเพื่อทำให้มินโฮนั้นอยู่ข้างกายเขาตลอดไป 

ไม่ใช่แบบนี้....








#ฮุนโน่

#ALLBBHN




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น