Lee
Seunghoon X Song Minho
Story
: Lost
ซึงฮุนเดินมาตามถนนที่ทอดยาว
อากาศเย็นสบายในช่วงใกล้พลบค่ำทำให้รู้สึกเหงาที่หัวใจแปลกๆ
ความรู้สึกปั่นป่วนนั้นรบกวนมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว
ซึงฮุนกระชับสายสะพายกระเป๋าแน่นมากขึ้น
ช่วงเวลาต่อจากนี้อีกหนึ่งอาทิตย์เขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่
ซึงฮุนวางแผนที่จะใช้วันหยุดในช่วงหน้าหนาวตลอดหนึ่งสัปดาห์กับคนรัก...น่าเสียดายนิดหน่อยที่มันกลับเป็นไปไม่ได้เสียแล้วเมื่อเขาถูกบอกเลิกเมื่อสองชั่วโมงก่อนหน้านี้
ด้วยเหตุผลง่ายๆว่าเขาบ้างานมากเกินไปและมันน่าเบื่อที่เจ้าตัวจะต้องมาตามถึงที่ทำงานเกือบทุกครั้งและละเลยนัดที่เขากับเจ้าตัวนัดกันบ่อยๆ
โอเค
มันอาจจะดูงี่เง่าไปหน่อย
แต่ทั้งหมดนั่นมันก็เพื่ออนาคตของเขากับเจ้าตัวทั้งนั้น
ซึงฮุนพรูลมหายใจออกมา
ทริปคู่รักกลับกลายเป็นทริปฉายเดี่ยวประสาคนโสดไปอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนที่ร่างสูงจะเดินขึ้นรถไฟ
จุดมุ่งหมายคือในเขตนอกเมืองที่แสนสวยงาม
และการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาเกือบสองวันบนรถไฟ
แน่นอนว่าซึงฮุนจองห้องนอนบนรถไฟไว้ เขาเหลือบสายตาขึ้นด้านบนเล็กน้อย
มองเพื่อให้มั่นใจว่าตนเองนั้นไม่ได้จำผิดโบกี้และจะไม่หลงทางหากต้องไปคนเดียว
เขาไม่ค่อยได้ออกไปไหนมาไหนนานมากโข
จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่ไปไหนไกลๆก็คืองานสัมมนาของทางบริษัทที่ต้องค้างสามวันสองคืนแค่นั้นเอง
ซึงฮุนส่งตั๋วให้พนักงานรถไฟ
รอยยิ้มแย้มของพนักงานดูจะขัดกับอารมณ์ของเขาไปหน่อย
ก่อนที่จะได้รับเป็นการผายมือเมื่อมาถึงห้องพักดังกล่าว
พนักงานคนนั้นชี้แจงเกี่ยวกับการใช้ที่พักและความสะดวกสบายอื่นๆอีกเล็กน้อยก่อนจะทิ้งทวนด้วยการบอกว่ามีอะไรสามารถกดกริ่งเรียกพนักงานได้ในทันที
ซึงฮุนเอ่ยขอบคุณเสียงเบาก่อนจะเปิดประตูห้องพักเข้าไป
ทัศนียภาพนอกหน้าต่างเป็นชานชลารถไฟที่ยังไม่เคลื่อนที่
เหลือเพียงอีกสิบนาทีกว่ารถไฟจะออก
ซึงฮุนวางกระเป่าลงที่เตียงข้างๆ นอนที่เตียงอีกผืน
ทั้งที่ความจริงมันควรจะเป็นของอีกคนที่วางแผนเที่ยวด้วยกัน
แต่ก็นะ...ซึงฮุนจะพยายามไม่คิดถึงมันให้เปลืองความรู้สึกหรือเสียเวลาอะไรทั้งนั้น
เลิกได้ก็ลืมได้
ซึงฮุนถือคติแบบนี้เสมอ
จะเรียกว่าเป็นโชคดีของซึงฮุนหรืออะไรก็ไม่รู้
เขาอาจจะบ้างานมากไปหน่อยก็ได้ ซึงฮุนหยิบโน้ตบุ้คออกมา
เสียบมันเข้ากับปลั๊กไฟและเปิดหน้าจองานขึ้น
เป็นเรื่องดีที่เขาพกมันมาเพราะคิดว่าอาจจะได้ทำเล็กน้อย
ไม่ใช่เลย เขาได้ทำมันแน่ๆตลอดระยะเวลาที่อยู่บนรถไฟนี้
ซึงฮุนพิมพ์งานก่อนจะจมเข้าไปในห้วงความคิด
พนักงานระดับต้นๆโปรไฟล์ค่อนข้างดีแบบเขาไม่แปลกที่ในหัวจะมีแบบแผนมากมาย
ก่อนจะได้ยินเสียงตะกุตะกักมาจากห้องข้างๆ
มันดังมากจนผิดปกติเกินไปตั้งแต่ซึงฮุนขึ้นมาบนรถไฟ จากที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน สักพักซึงฮุนก็ทนไม่ไหว
“ใครวะ...”
ซึงฮุนเอ่ยออกมาเสียงเบา ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง
เดินไปที่ห้องนอนข้างๆก่อนจะเคาะประตูเสียสองสามครั้งเพราะทนเสียงน่ารำคาญไม่ไหว
ไม่ใช่ว่าห้องมันไม่เก็บเสียงนะ แต่นี่มันดังผิดปกติเกินไป
“คุณ คุณ”
ซึงฮุนพูดออกมาก่อนที่เสียงข้างในจะเงียบไปชั่วครู่
ยืนรอด้วยความใจเย็นก่อนจะพบว่าไม่มีวี่แววว่าอีกฝ่ายจะเดินออมาเปิดประตู
ซึงฮุนยักไหล่ก่อนจะตัดสินใจที่จะหมุนตัวเพื่อเดินกลับห้อง
ก่อนเสียงประตูจะเปิดดังขึ้น
“ผมขอโทษทีที่เสียง---ซึงฮุน?”
ซึงฮุนเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่มาเปิดประตูคือใคร
“มินโฮ...”
ให้ตายเหอะ
นี่เขามีทริปเที่ยวฉายเดี่ยวเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนคนล่าสุดยังไม่พอ
เขายังมาเจอกับแฟนเก่าของเขาอีกหรือ
โลกนี้มันตลกเกินไปแล้ว
หนึ่งเรื่องที่ซึงฮุนรู้สึกตลกไม่ออกคือการได้พบกับอีกฝ่าย
ซึงฮุนและมินโฮต่างชะงักค้างเสียทั้งคู่ เสียงรถไฟที่ออกจากชานชลายังดังผ่านเข้ามาในโสตประสาท
สุดท้ายมินโฮก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา...รอยยิ้มของอีกฝ่ายดูเศร้าหมองกว่าแต่ก่อน
“มะ...ไม่คิดว่าจะได้เจอกันแบบ---“
“หายไปไหนมา?”
ซึงฮุนเอ่ยออกมาก่อนที่มินโฮจะพูดจบ
รอยยิ้มเมื่อครู่ของมินโฮที่พยายามยิ้มนั้นหุบลง ก่อนเจ้าตัวจะถอยหลังและทำท่ากลับเข้าไปในห้อง
ซึงฮุนรั้งแขนอีกฝ่ายไว้ก่อนจะกำมันแน่น
“อย่าหนีพี่นะ”
เอ่ยออกมาเสียงขุ่นก่อนจะเป็นมินโฮที่หันกลับมามอง อีกฝ่ายเอ่ยออกมาเสียงค่อย
“ผมไม่ได้หนีพี่...”
“นายไม่ตอบคำถามพี่ แล้วนี่มากับใคร? แล้ว---“
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ ทำไมถามผมแบบนั้น?”
เอ่ยตัดประโยคเสียงเรียบก่อนซึงฮุนจะรู้สึกตัว ซึงฮุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“พี่ไม่เคยพูดสักคำว่าเราเลิกกัน มินโฮ มีแต่นายที่หนีพี่ไป”
ใช่
ซึงฮุนยังจำได้ดี ก่อนหน้านี้เมื่อประมาณเกือบสองปีทีแล้ว
วันที่ซึงฮุนตื่นขึ้นมาและพบว่าคนที่เขาคิดจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตนั้นหายไป
ก่อนหน้านี้ซึงฮุนกับมินโฮนั้นเป็นเพื่อนข้างห้องกัน
ซึงฮุนที่ทำงานอยู่บริษัทใกล้ๆกับคอนโดและมินโฮนักศึกษาปีสุดท้าย ความสัมพันธ์ที่ดูจะเรียบง่ายจากการที่ซึงฮุนย้ายคอนโดมาใหม่ๆ
และเริ่มทำความรู้จักกับเพื่อนข้างห้องคนนี้
จากความรู้สึกถูกชะตา นำไปสู่ความรู้สึกถูกใจ
ซึงฮุนยอมรับว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเฟรนด์ลี่มาก แต่กับมินโฮมันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะคุยด้วยเฉยๆ
ทั้งที่อีกฝ่ายงานก็ยุ่งมากแต่ยังปลีกเวลามาพูดคุยหรือไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
จนกระทั่งซึงฮุนเอ่ยปากขออีกฝ่ายคบด้วย
ถึงมินโฮจะตกใจไปบ้างแต่ซึงฮุนยังคงจำได้ดีเสมอยามที่มือนั้นกระชับเป็นสัญญาณตอบรับว่าตกลง
“มันไม่สำคัญหรอกว่าผมหายไปไหนมา...ในเมื่อสุดท้ายผมที่ไม่ได้เอ่ยลาพี่สักคำ
แล้วกลับมาพบว่าพี่พาคนอื่นเข้าห้อง?”
เป็นซึงฮุนที่พูดไม่ออกแทน
เป็นความจริงที่มินโฮพูดออกมาแบบนั้น
ในช่วงเช้าหลังจากที่มินโฮหายไปได้เกือบสามเดือน
ซึงฮุนตื่นขึ้นในตอนเช้าด้วยเสียงเปิดประตูค้าง เป็นมินโฮที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง
...และซึงฮุนที่นอนเปลือยเปล่าร่วมเตียงกับแฟนเก่าคนล่าสุด
อีกฝ่ายหายไปอีกครั้ง...ซึงฮุนได้แต่นึกโทษความงี่เง่าของตนเองที่ไม่ยอมตามอีกฝ่ายไป
มินโฮหายไปจากชีวิตของซึงฮุนอีกครั้ง หายไปแบบไร้สัญญาณเตือน
หายไปแบบที่ซึงฮุนเองก็จนปัญญาที่จะตามหา
ไม่คิดว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่เขาได้พบกับมินโฮแบบนี้
หลังจากเสียงประตูปิดลง ซึงฮุนที่รู้สึกตัวกลับทำอะไรไม่ได้
เมื่อสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมานั้นไม่มีอะไรที่ปฏิเสธได้
เขาไม่มีสิทธิอะไรเลยด้วยซ้ำ
ซึงฮุนเดินกลับมาที่ห้องพักของเขา ก่อนจะล้มตัวลงนอน
เขาคิดว่าการมาเที่ยวครั้งนี้จะทำให้เขาได้หยุดคิดเรื่องเกี่ยวกับแฟนเก่าคนที่เพิ่งบอกเลิกไป
ใช่ เขาเลิกคิดถึงจริงๆนั่นแหละ
เพราะสิ่งที่ทำให้เขาคิดมากกว่ากลับเป็นบุคคลห้องข้างกันนี้แทน
“มินโฮ...”
ซึงฮุนพึมพำเสียงเบาก่อนจะปล่อยตนเองให้จมอยู่กับความคิดเดิมๆวนไปตลอดค่ำคืน
เสียงรถไฟยังคนแล่นตลอดเวลา หลังจากที่ซึงฮุนนั้นเดินไปอาบน้ำ
ทางที่เดินผ่านนั้นจะต้องผ่านห้องของมินโฮเสมอ
และนั่นทำให้ซึงฮุนอดไม่ได้ที่จะเหลือบสายตามองที่ห้องนั้นเสียทุกครั้ง
อีกฝ่ายจะทำอะไรอยู่?
อีกฝ่ายจะกินข้าวหรือยัง?
อีกฝ่ายจะนอนหลับได้ไหมในที่แปลกแบบนี้?
สุดท้ายซึงฮุนก็ตัดสินใจเด้งตัวขึ้นมา เดินออกจากบริเวณห้อง
แสงไฟตามทางระเบียงนั้นมีเพียงแสงสลัวๆ อาจจะเพราะว่าช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงแห่งการท่องเที่ยวด้วยจึงทำให้คนที่มาโบกี้พิเศษนี้น้อยเหลือเกิน
ซึงฮุนยืนที่หน้าห้องของมินโฮซึ่งอยู่ข้างๆกัน
ยืนพิงกับผนังอีกฝั่งก่อนจะมอง...ซึงฮุนแค่มองทางด้านหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เหมือนความรู้สึกเก่าๆสมัยตอนก่อนจะคบกันนั้นวนกลับมาอีกครั้ง
ทั้งที่เราต่างห่างหายไปเกือบสองปีแล้ว แต่กลายเป็นว่าแค่เจอกันไม่ถึงชั่วโมง
กลับคิดถึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาเสียได้
แฟนเก่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าแปลกประหลาดจริงๆ
ซึงฮุนตัดสินใจเดินออกจากบริเวณนั้น ร่างสูงเดินมาอีกโบกี้รถไฟที่เป็นโซนพักผ่อน
เลือกที่จะเข้าไปในห้องเล็กๆห้องหนึ่งซึ่งจัดไว้ให้สำหรับสูบบุหรี่ ปกติซึงฮุนไม่ใช่คนที่สูบบุหรี่จัดนัก
เขาไม่ได้สุบมาพักใหญ่แล้วเพราะมัวแต่วุ่นกับการทำงาน....เอาตามตรงคือเขาเพิ่งมาเริ่มสูบหลังจากที่มินโฮหายไปและห่างหายจากมันเพราะว่าหมกมุ่นกับการทำงานจนไม่ได้แตะเสียมากกว่า
ซึงฮุนพ่นควันออกมา ความหม่นของมันและรสฉุนนั้นเฝื่อนที่ลำคอเล็กน้อย
รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่พกมันมาก่อนจะต้องชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่าแผ่นหลังที่คุ้นตาเป็นใคร
เนื่องจากว่าด้านในนั้นเป็นกระจกที่สามารถมองเห็นด้านนอกได้ด้านเดียว
และนั้นทำให้อีกฝ่ายมองไม่เห็นซึงฮุน
มินโฮนั่งที่เก้าอี้ด้านตรงข้ามกัน ในมืออีกฝ่ายมีน้ำอัดลมที่เพิ่งกดจากตู้ข้างๆที่อีกฝ่ายนั่ง
ซึงฮุนเดินเข้าไปใกล้ประตูมากขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นทาบกระจก ความเย็นของแผ่นใสที่กั้นไว้ทำให้รับรู้ว่าภาพที่มองตรงหน้าเกิดจากสถานการณ์จริงไม่ได้คิดไปเอง
“พี่คิดถึงนาย...ทำไมยังกินน้ำอัดลมแบบนั้นอยู่นะ
ทั้งที่รู้ว่าตัวเองกระเพาะอาหารไม่ค่อยดี”
เอ่ยตำหนิทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้ยิน
เขาเอ่ยออกมาแค่นั้น...สายตาของซึงฮุนนั้นมองที่มินโฮไม่หลบไปไหน
ก่อนจะต้องสะดุดลมหายใจเล้กน้อยยามที่เห็นอีกฝ่ายหยิบบุหรี่ขึ้นมายบ้าง
ปกติมินโฮไม่ใช่คนสุบบุหรี่เลย ดุท่าว่าช่วงเวลาที่ห่างหายกันไปจะทำให้อะไรๆนั้นเปลี่ยนไปมาก
เขาเปลี่ยนไป
มินโฮเปลี่ยนไป
แต่ความรู้สึกรักของซึงฮุนยังมีให้มินโฮอยู่เหมือนเดิม นั่นเป็นสิ่งที่ซึงฮุนรู้ตัวเองเสมอ
แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการกระทำที่ต้องรับผิดชอบ แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
และซึงฮุนก็รู้ตัวดีต่อให้ร่างกายของเขานั้นร้างราจากมินโฮมากแค่ไหน
แต่สุดท้ายคนที่ทำให้เขารู้สึกได้ดีที่สุดก็คือมินโฮอยู่ดี
แล้วมินโฮหล่ะ...?
เผลอสะดุดลมหายใจเมื่ออีกฝ่ายเดินถือซองบุหรี่มาทางที่เขาอยู่
ซึงฮุนเผลอถอยหลังจนพิงกับผนังตรงข้าม มือของอีกฝ่ายเลื่อนบานประตูออก่อนจะชะงัก เพราะพื้นที่ที่คับแคบ
ทำให้มินโฮเห็นซึงฮุน อีกฝ่ายทำท่าหมุนตัวกลับแต่ซึงฮุนรั้งไว้อีกครั้ง
ซึงฮุนจะไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไป
เขาตัดสินใจว่าจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายกลับไปแล้ว
“พี่ ปล่อ—“
มินโฮสะดุดคำพูดทั้งหมดเมื่อซึงฮุนกระชากเสียเต็มแรงจนมินโฮชนกับกระจก
ซึงฮุนแสดงสีหน้าที่อ่านยาก มือกดที่ไหล่อีกฝ่ายให้นั่งลงก่อนจะเลื่อนบานประตูปิดลง
มินโฮถูกกักกันให้อยู่กับซึงฮุนเพียงลำพัง แสงไฟที่ส่องมาไม่ช่วยให้มองเห็นอะไรชัดเจนนัก
แต่มินโฮกลับเบิกตากว้างอย่างไม่คาดคิดเมื่อสัมผัสบางอย่างนั้นทำให้ต้องตกใจ
ซึงฮุนแนบริมฝีปากลงที่อวัยวะเดียวกัน
ด้วยความสัตย์จริง ซึงฮุนคิดถึงมินโฮมากเหลือเกิน
รสขมเปร่าของบุหรี่ที่บังเอิญเหมือนกันกับที่มินโฮใช้ไม่ได้แตกต่างจากที่มินโฮสูบมันเอง
แต่ครั้งนี้ออกจะเจือจาง...และเปียกชื้นเล็กน้อย
หัวใจของซึงฮุนเต้นเร่าเมื่อริมฝีปากหยักเผยอเล็กน้อยทั้งเอียงใบหน้า
เปิดโอกาสให้เรียวลิ้นได้ทักทายกันอย่างคุ้นเคย
เสียงแลกน้ำลายดังขึ้นอย่างน่าอาย ซึงฮุนรั้งที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายให้เงยมากขึ้น
ฉกชิงความเปียกชื้นมากยิ่งขึ้น และแนบความนุ่มหยุ่นมากขึ้นเช่นกัน
“พี่คิดถึงนายเหลือเกินมินโฮ”
ซึงฮุนผละออกก่อนเอ่ยออกมาทั้งเสียงแหบพร่า
โหยหา
เขาโหยหามินโฮที่สุด
ก่อนจะแนบริมฝีปากอีกครั้ง
ซึงฮุนไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้หายใจเต็มที่เท่าไรนัก
ความร้อนและความหิวกระหายในตัวอีกฝ่ายนั้นมากมายเกินกว่าจะเอ่ยออกมาเพื่อประวิงเวลา
ก่อนที่จะรู้สึกตัว
มินโฮผละออกจากอีกฝ่ายทั้งนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม ก่อนริมฝีปากหยักที่เจ่อขึ้นจากการบดจูบจะเอ่ยออกมา
“สมใจพี่แล้วใช่ไหมพี่ซึงฮุน”
“...พี่”
“ผมจะคิดเสียว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมันจะเป็นครั้งสุดท้าย”
มินโฮลุกพรวดก่อนซึงฮุนจะโดยผลักให้ผละออกจากร่างกาย
มินโฮจับบานประตูแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาทั้งที่ไม่หันกลับมามอง
“บางที...เราก็ไม่น่าได้เจอกันอีกครั้งเลย”
ซึงฮุนทรุดลงนั่งกับพื้น เขาจำไม่ได้ว่านั่งแบบนั้นนานแค่ไหน
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมมินโฮถึงคิดแบบนั้น
และไม่เข้าใจว่าทำไมใบหน้าของตนเองถึงเปรอะคราบน้ำตา
ความรู้สึกรักมันทรมานขนาดนี้เชียวหรือ
ซึงฮุนไม่อยากเข้าใจมันเลย
เขาไม่อยากยอมรับมันเลยสักนิดว่าเขาเสียใจกับการกระทำของมินโฮ
แต่เขาไม่เสียใจที่ทำเมื่อครู่กับอีกฝ่าย
“มินโฮ...”
ซึงฮุนได้แต่เอ่ยออกมาแค่นั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เขาต้องพยายามแบบไหนกันนะถึงจะทำให้อีกฝ่ายกลับมารักกับเขา
ซึงฮุนลืมตาตื่นเมื่อพบว่ารถไฟจอดตัวลง
เสียงวุ่นวายจากข้างนอกดังเอะอะโวยวายจนผิดวิสัย
เมื่อคืนเขานอนหลับเสียสนิทหลังจากกลับมาจากที่เมื่อคืน ก่อนจะเปิดประตูออกไป
พบว่ามีบุคคลหลายคนมุงอยู่ที่ห้องข้างๆเขา
มันเป็นห้องที่มินโฮใช้พัก
ซึงฮุนรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเมื่อเห็นสายคาดสีเหลืองกั้นบริเวณประตู
“ผมขอทางหน่อย คุณ ผมขอ---“
ซึงฮุนเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเขาได้เห็นความจริงที่แสนโหดร้ายตรงหน้าหลังจากแหวกผู้คนที่ยืนอยู่มากมาย
“มินโฮ...”
เบิกตาค้างเมื่อเห็นว่ามินโฮที่ควรจะหลับใหลตามที่ควรจะเป็นนั้นตอนนี้หลับตานิ่งสงบ...แต่ต่างจากเดิมนิดหน่อยตรงที่คราบแดงนั้นเปรอะที่นอนเป็นวงกว้าง
รวมทั้งร่องรอยบางอย่างที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ทั้งหมดซึงฮุนเห็นมันก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะผูกผ้าปิดลง
มินโฮตายไปแล้ว...
ซึงฮุนรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป
“มินโฮ มินโฮ...ปล่อย คุณตำรวจ ปล่อยผมสิวะ!!!”
ซึงฮุนเอ่ยออกมาทั้งไร้สติ
เขากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งไม่รับรู้คำพูดอะไรนอกเหนือจากที่ได้ยินประโยคสุดท้าย
มินโฮถูกฆ่าชิงทรัพย์บนรถไฟ สันนิษฐานเวลาว่าก่อนรถไฟออกจากชานชลา
คาดว่าคนร้ายน่าจะหนีออกไปตั้งแต่ก่อนที่จะเดินทาง
เสียงที่ดังขึ้นก่อนที่เขาจะนอนเมื่อคืน...และเสียงเคาะต่างๆที่ได้ยินนั้นคือเสียงขอความช่วยเหลือจากมินโฮ...
ร่างสูงเดินเพียงเชื่องช้าก่อนจะข่มตาลงเมื่อถึงจุดมุ่งหมายในครั้งนี้
บานประตูเหล็กสีดำเกรอะฝุ่นถูกมือสัมผัสให้เปิดออก
ซึงฮุนวางช่อดอกไม้ลงที่แท่นหินสีเทาหม่น
ความรู้สึกบางอย่างตีรวนขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่คิดถึงนายเหลือเกินมินโฮ...ทำไมพี่ไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้นะ...”
ซึงฮุนเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว ความเงียบปกคลุมบริเวณดังกล่าว
“พี่...พี่น่าจะตามไปขอโทษนาย พี่น่าจะบอกทุกอย่างกับนาย...พี่ พี่---“
ก้อนสะอึกจุกที่ลำคอไปหมด
ความรู้สึกเสียใจถาโถมมาจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ออก
เขาคิดถึงมินโฮ เขารักมินโฮ
“พี่คงพูดมันช้าไป แต่พี่ก็อยากจะบอกนะมินโฮ”
“...”
“พี่รักนาย ไม่ว่านายจะเป็นยังไงก็ตาม พี่รักนายคนเดียว...”
ซึงฮุนเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะนั่งนิ่งๆหน้าแผ่นป้ายหลุมศพช้าๆ
เขาอยากย้อนเวลากลับไปได้เหลือเกิน
เขาจะยอมแพ้ทุกอย่างเพื่อทำให้มินโฮนั้นอยู่ข้างกายเขาตลอดไป
ไม่ใช่แบบนี้....
#ฮุนโน่
#ALLBBHN
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น