[SF] Kang Seungyoon x Song Minho
Story
: Step Up 3
“มึงจะออกไปไหนหรือเปล่าวันนี้”
ไอ้ซึงยุนพูดหลังจากที่ผมนั่งลงข้างๆมัน มือมันถือขนมขบเคี้ยวทั้งๆที่เมื่อครู่มันยังบ่นว่ามันอิ่มตัวแทบแตก
“กูมาเพราะออกมาหามึง
มึงไม่ได้ส่งข้อความไปหากูเลย” ผมพูดก่อนจะตีมือมันไปหนึ่งทีและหยิบขนมมากินบ้าง
มันดูการ์ตูนเรื่องอะไรสักอย่างที่ผมเองเคยเห็นว่ามันดูหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เคยจำได้สักทีว่าชื่อเรื่องอะไร
ผมอดไม่ได้ที่จะหันไปถามมัน “นี่มึงยังไม่โตจริงๆ ด้วยว่ะ มัวแต่ดูการ์ตูน”
“การดูการ์ตูนมันได้บ่งบอกอายุ
เรื่องแบบนี้ต่อให้แปดสิบก็ดูได้ มึงนี่ปากหมา” มันพูดทั้งที่เคี้ยวขนมต่อ
สายตาไม่ได้ละจากจอคงเพราะถึงฉากสำคัญ ผมมองก่อนจะควักโทรศัพท์ขึ้นมากดข้างๆมันแทน
มันละสายตามามองครู่เดียวก่อนที่จะวกสายตาไปดูโทรทัศน์ต่อ
ผมกับมันนั่งเงียบๆ ผมสไลด์โปรแกรมอินสตาแกรมไปเรื่อยๆก่อนจะเผลอหันไปมองมันอีกครั้ง
ตอนนี้มันอ้าปากค้างน้อยๆ
คงเพราะปากห้อยๆของมันแน่ๆถึงทำให้ผมตัดสินใจยกโทรศัพท์ขึ้นมา
กดเข้าโปรแกรมถ่ายภาพและเล็งไปที่มัน ถ่ายเผื่อสองสามรูปก่อนจะเปิดดู
หลุดขำน้อยๆกับท่าทีของคนในภาพ มันดูท่าจะไม่รู้ตัวเท่าไรนัก ริมฝีปากแดงอ้าน้อยๆ
แต่สายตาจริงจัง มองไปที่จอการ์ตูนไม่กระพริบตาเลยสักนิด
ผมเลือกภาพทีชัดเจนที่สุดก่อนจะกดเข้าโปรแกรมอินสตาแกรมอีกครั้ง
อัพโหลดรูปภาพก่อนจะคิดเขียนแคปชั่นลงไป
-วันหยุดกับเด็กติดการ์ตูน #เด็กชายคัง #ปากห้อย-
ยกยิ้มเมื่ออัพโหลดสำเร็จ ผมมักจะติด #เด็กชายคัง เสมอ เพราะมันชอบทำตัวเหมือนเด็ก
แถมความจริงถ้านับตามปีเกิดผมแก่กว่ามันเกือบปีได้ด้วยซ้ำ
ผมรีเฟรชจอเมื่อเห็นคนที่ติดตามผมต่างเริ่มกดหัวใจให้ก่อนจะเปิดไปหน้าหลักตัวเองและสะดุดมือ
ผมเล่นอินสตาแกรมมาเกือบสามปีได้
ลงรูปประมาณเกือบสามร้อยรูป แต่เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์เป็นรูปมัน...
ผมคิดว่าความคิดผมไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก
ที่จะลงรูปเผลอเพื่อนสนิทตัวเองมากขนาดนี้
“มึงเป็นไรวะ กูเห็นจ้องจอนานละนะ”
เสียงคนข้างๆดังขึ้น
ผมมองมันก่อนจะกดปิดจอล็อคไป ส่ายหัวและลุกขึ้น
“เปล่า กูไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวกูว่าจะกลับบ้านละนะ”
“เออๆ แล้วแต่มึง”
มันพูดก่อนจะหันไปหยิบโทรศัพท์เพราะมีเสียงเรียกเข้าพอดี
ผมยืนนิ่งเพื่อรอดูว่าเป็นใครโทรมา
มันเงยหน้าก่อนจะแสดงสีหน้าลำบากใจแปลกๆ
ผมเลิกคิ้วกับท่าทีนั้น
“ใครโทรมาวะ”
มันยิ้มขืน ก่อนจะตอบ
“กูขอโทษนะมินโฮ แต่มึงช่วยกลับบ้านไปแต่งตัวใหม่หน่อย
กูว่าเราต้องออกไปข้างนอกแล้วหล่ะ”
ผมนั่งเขย่าขาน้อยๆ
ก่อนมือจะเอื้อมไปหยิบเครื่องดื่มที่สั่งไว้ ไอ้ซึงยุนตีหน้าขาผมเป็นเชิงไม่ให้สั่นก่อนจะหันไปมองคนตรงข้ามแทน
ผมอดจะทำหน้าหงุดหงิดออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าคนที่มันนัดให้ออกมาเป็นเพื่อนคือใคร
พี่ดาร่าคนสวยอะไรนั่นไงหล่ะ
แล้วทำไมต้องเอาผมมาด้วยก็ไม่รู้
หงุดหงิด
ผมตัดสินใจลุกขึ้นตอนที่เห็นมันเอามือกุมกับผู้หญิงคนนั้น
เดินออกมาทั้งอย่างนั้นแหละก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
ปกติผมไม่ได้เป็นคนที่เสพติดอะไรแบบนี้เลยนะ แต่มีช่วงนี้แหละที่ผมถึงกับต้องเอากลับมาสูบอีกครั้ง
เคยสูบครั้งหนึ่งแต่เพราะว่าไอ้ซึงยุนมันไม่ชอบผมเลยหยุดสูบไป
ไม่คิดว่าแค่พกมาเล่นๆวันนี้จะได้สูบอีกครั้ง
อัดสารนิโคตินเข้าปอดอีกสองอึกก่อนจะขยี้ทิ้งเมื่อนึกได้ว่าไอ้ซึงยุนไม่ชอบ
หยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนส่งไลน์หาด้วยความหงุดหงิด
“กูจะกลับบ้านแล้ว เชิญมึงสวีทต่อเหอะ”
กดออกก่อนจะโทรหาแทฮยอนด้วยความหงุดหงิดใจ
“เฮ้ย แทฮยอน คืนนี้ที่เดิมเหอะ”
ผมทนไม่ได้จริงๆที่ต้องเห็นมันกับผู้หญิงคนนั้น
คนอื่นจะมองยังไงก็ช่างเหอะ
ผมนั่งกระดกเหล้าด้วยสีหน้าเซ็งๆนิดหน่อย
เพราะเมื่อมาถึงที่แล้วกลับพบว่าคนที่ผมนัดไม่ได้มาแค่คนเดียว
แทฮยอนนั่งส่งยิ้มเป็นเชิงขอโทษก่อนจะมองไปที่อาจารย์อี...แฟนมันนั่นแหละ
“ขอโทษนะมินโฮ
พอดีอาจารย์เขาเพิ่งกลับมาเมื่อวานก่อนก็เลย...”
“เออ ไม่เป็นไร นี่ต้องขอโทษมากกว่าที่ชวนออกมา”
ผมพูด ถึงจะหงุดหงิดใจแค่ไน แต่การจะไปเหวี่ยงใส่เพื่อนใส่อาจารย์ก็ใช่เรื่อง “
ผมขอโทษนะครับอาจารย์ที่ชวนแทฮยอนออกมาแบบนี้”
“ไม่ต้องเรียกอาจารย์หรอก ตอนนี้อยู่นอกมหาลัย
เรียกพี่ก็ได้”
“ออ...ครับ” ผมหลุดเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอาจารย์ที่ค่อนข้างเป็นมิตรแต่เฮี้ยบเวลาสอนที่เพื่อนในรุ่นร่ำลือกันมา
กลายเป็นคนธรรมดาที่ดูอบอุ่น
ท่าทีเอาใจใส่ที่แสดงออกกับแทฮยอนทำให้ผมรู้สึกดีที่อย่างน้อยแทฮยอนเองก็ได้แฟนที่ดีขนาดนี้
และนั่นทำให้ผมหมดกังวลใจในเรื่องความรักของเพื่อนคนนี้ไปได้บ้าง
ลองตัดภาพไปที่ไอ้ซึงยุนสิ...
ฮึ้ย หงุดหงิด
กระดกเหล้าเข้าปากเหมือนน้ำเปล่าก่อนจะมองการแสดงบนเวทีไปเรื่อย
ร่างกายที่ได้รับแอลกอฮอลกรึ่มๆไม่ได้ทำให้มีอารมณ์อยากออกไปเต้นเท่าไรนัก
ผมมองแทฮยอนกับอาจารย์ออกไปเต้นบนฟลอร์ ท่าทางคลอเคลียนั่นดูน่ารักดีเหมือนกัน
คงเพราะผมไม่เคยเห็นแทฮยอนเวอร์ชั่นนี้ก็ได้
โทรศัพท์ของแทฮยอนสั่นก่อนผมจะถือวิสาสะหยิบขึ้นมารับสาย
“ฮัลโหล”
“แทฮยอน อยู่กับมินโฮไหม”
“เออ กูมินโฮ”
ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อรู้ว่าเป็นใครโทรมา ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนจะตอบกลับมา
“มึงอยู่ไหนวะ”
“กูอยู่ผับ ที่เดิม มึงมีไรหล่ะ”
“เดียวกูไปหา”
“มึงจะมาทำไมไอ้ซึงยุน
ในเมื่อมึงก็อยู่กับพี่ดาร่าคนสวยนั่นมึงแล้วนี่”
“...”
“ถ้ามึงจะมาหากูเฉยๆ มึงไม่ต้องมาหรอก
กูไม่มีเรื่องที่จะคุยด้วย”
“นี่มึงเป็นไรวะไอ้มินโฮ มึงโกรธอะไรกูหล่ะ”
“กูว่ามึงโง่ว่ะไอ้คังซึงยุน”
“...”
“กูแสดงออกขนาดนี้
กูทำกับมึงขนาดนี้มึงยังกล้าถามกูอีก”
“ไอ้...”
“ตอนนี้กูเมา แล้วกูก็ควบคุมสติไม่ค่อยได้
มึงไม่ต้องมาดีแล้ว ค่อยคุยกันเหอะ”
ผมกดตัดสายก่อนจะวางโทรศัพท์แทฮยอนไว้ที่โต๊ะ
อาจารย์เดินกลับมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาว่าใครโทรมา ผมส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร
ก่อนจะส่งของทั้งหมดของแทฮยอนคืน
“อาจารย์เดี๋ยวผมกลับก่อนละครับ
ฝากบอกแทฮยอนด้วย”
“อ้าว ทำไมรีบกลับ”
“เดี๋ยวแม่ผมว่าหน่ะครับ ผมจ่ายไว้แล้วนะ”
เอ่ยลาเสร็จสรรพก่อนจะเดินออกมาทางประตูหลังร้าน
ยืนพิงระเบียงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอามึนๆไม่น้อยก่อนจะสะบัดหัว
เรื่องราวมันเลยเถิดมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
ความรู้สึกที่ผมมีมันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ
“กูว่าเราควรทำให้มันชัดเจนไหมซึงยุน
อย่าทำให้ทรมานแบบนี้เลย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น