BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho : Step Up 4

[SF] Kang Seungyoon x Song Minho

Story : Step Up 4







ผมมายืนอยู่ที่บ้านหลังเดิมอีกครั้ง

บ้าบที่ผมออกมาเมื่อตอนบ่ายนั่นแหละ

ผมกดกริ่งก่อนจะนึกแบบมึนงง ว่าจะมาหามันทำไมในเมื่อเมื่อก่อนหน้านี้ผมยังด่ามันอยู่เลย

เมื่อคิดได้ดังนั้นผมเลยหันหลังจะเดินกลับ คิดว่าจะออกไปเดินสูดอากาศสักหน่อย เพราะกลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้แม่ได้ตีผมตายแน่

แกร็ก

ผมได้ยินเสียงประตูเปิดแว่วมาแต่ไม่ได้หันหลังกลับ เดินเซเล็กน้อยเมื่อรับรู้ว่ามีอะไรมากระทบตัว

เป็นไอ้คังซึงยุนที่เดินตามมา มันคงรีบมากถึงกับขนาดไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยแถมรองเท้าที่มันใส่ยังเป็นรองเท้าใส่เดินในบ้านอีกต่างหาก

“มินโฮ มึงมาตั้งแต่เมื่อไร”

“ไม่รู้ แล้วมึงนั่นแหละออกมาทำไม”

“อ้าว มึงมากดกริ่งบ้านกูนี่ กูเลยต้องออกมาไง” เออ จริง

ผมยืนมึนอีกสักพักก่อนจะสะบัดแขนมันออก มันทำหน้ากระอักกระอ่วนก่อนจะเดินตามผมมาต้อยๆ

“มึงตามกูมาทำไม”

“ก็มึงเมา กูกลัวมึงไปต่อยกับคนอื่นอีก” มันพูดก่อนจะทำหน้าเหมือนเข็ด

“กูนักเลงขนาดนั้นเลยหรอวะ”

“เผื่อมึงจะลืมว่ากูได้แผลเพราะมึงมาหลายทีแล้ว”มันพูดก่อนจะหัวเราะออกมากับคำพูดของผม ผมไม่เห็นว่ามันตลกตรงไหนเลยไม่ได้ตอบอะไร

เราสองคนเดินมาจนถึงสนามเด็กเล่น จู่ๆผมก็คิดถึงช่วงเวลาสมัยเด็กที่มี ผมเดินไปนั่งที่ชิงช้าก่อนจะก้มหน้านิ่ง วันเวลาผ่านไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เราสองคนอยู่ด้วยกันนานเกินไปจนไม่รู้ตัวว่าอะไรก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน ชิงช้าข้างตัวดังขึ้น เป็นซึงยุนที่นั่งลง ผมไม่ได้หันไปมองมัน เราสองคนต่างนั่งไกวชิงช้ากันเงียบๆ สายลมที่พัดผ่านทำให้ร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยแอลกอฮอลของผมคายความร้อนออกมาบ้าง

“มึงจำได้ไหมมินโฮ”

“...”

“ตอนเด็กๆกูกับมึงชอบหนีมาเล่นชิงช้ากันสองคนตอนเย็น ตอนนั้นไม่ค่อยมีเด็กรุ่นๆเดียวกับเราเท่าไร เราสองคนเลยอยู่ด้วยกันตลอด”

“...”

“กูจำได้ว่าตอนเด็กมึงนี่โคตรขี้แยอ่ะ มึงงอแงกับกูว่าอยากเล่นชิงช้า จนกูต้องพามึงมานั่ง มึงบังคับให้กูไกว กูก็ต้องไกวให้ ไกวเท่าไรมึงก็ไม่พอใจ จะให้ทำให้แรงขึ้นจนชิงช้าแม่งฟาดหัวกูแตก”

“มึงพูดขึ้นทำไมวะซึงยุน” ผมหันไปถามมันเมื่อมันพูดถึงเรื่องที่ยังทำให้ผมรู้สึกผิดจนทุกวันนี้ เรื่องทำให้หัวมันแตกนี่เป็นเรื่องนานแล้วก็จริง แต่ผมก็ยังกังวลอยู่ดี

“เปล่า ก็ไม่ทำไม”

“...”

“กูแค่อยากจะบอกว่าคิดถึง...กูคิดถึงความเป็นเพื่อนแบบตอนนั้นมาก”

ใจผมกระตุกวูบอย่างไม่รู้ตัว มันพูดก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ผมสัมผัสได้ถึงความเศร้าที่มันมี

“เออ แต่ตอนนี้กูคิดอะไรได้เพิ่มมาอย่างหนึ่ง” มันหันกลับมามองผม ก่อนที่จะเงียบเสียง ริมฝีปากที่เคยพูดมากของมันหุบลง สายตาที่มองมานิ่งๆทำให้ผมแปลกไป

เหมือนผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของตัวเอง

และรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นเช่นกันเมื่อจู่ๆมันเอื้อมมาที่ผม ก่อนจะจับมือให้วางไว้ที่หลังของมัน สัมผัสที่เต้นแรงออกมากระทบฝ่ามือทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายก็ใจเต้นแรงเหมือนกัน

“แต่เพื่อนกันเขาไม่รู้สึกแบบนี้หรอกใช่ไหมซงมินโฮ”

มันพูดออกมาแผ่วเบา แต่หูของผมกลับได้ยินชัดเจน

คำพูดของมันทำให้ผมคิดไปไกลจนกลัว...กลัวว่าจะเป็นความเข้าใจผิดของผมแค่ฝ่ายเดียว

“มึงพูดอย่างงี้หมายความว่ายังไงวะ”

“นี่มึงโง่หรือเปล่า”

ผมรู้สึกเหมือนคำที่ผมด่าไปเมื่อหัวค่ำย้อนกลับมากระทบผมยังไงไม่รู้

“กูว่ามึงโง่มากกว่าที่เพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ไอ้ซึงยุน” ผมพูดก่อนจะชักมือออกมา

ไม่ไหว

ความรู้สึกตอนนี้มันตีตื้นขึ้นมาบนอกจนทนแทบไม่ไหว

“กูเป็นไงมึงก็รู้นี่” ซึงยุนลุกขึ้นก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างหน้าผม ผมเงยหน้ามองมันนิ่งๆ สีหน้าและท่าทางของมันตอนนี้กระตุ้นให้ผมตื่นตัวไปทุกส่วน เหมือนอะดรีนาลีนที่มีทำให้ควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจไม่ได้

“มินโฮ...”

“...”

“คืนนี้กูไปนอนบ้านมึงนะ”

“ถ้ามึงไป มึงจะถอนตัวออกจากกูไม่ได้แล้วนะ”

“เออ”

“กูขี้หึง ขี้หวง และ...”

“กูรู้ทุกอย่างนั่นแหละ”

“ไม่หรอกซึงยุน มึงรู้จักกูแค่ในฐานะที่เป็นเพื่อนแค่นั้น” ผมส่ายหน้า “แต่ถ้ามึงคิดดีแล้วว่าจะล้ำเส้นความเป็นเพื่อนที่กูพยายามห้ามใจไว้ มึงก็เตรียมใจเถอะ”

ซึงยุนชะงักนิ่งไปกับคำพูดของผม ผมมองมันก่อนจะก้มหน้าเช่นเดิม

เอาตามจริง หลังจากที่พูดกันเมื่อกี้มันก็เกินกว่าคนที่เป็นเพื่อนเขาทำกันแล้วนะ ผมกับมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรอในเมื่อเราต่างเผยความรู้สึกกันไปมากขนาดนี้

ผมสะดุ้งน้อยๆเมื่อมันเอามือมาวางไว้ที่ไหล่ ก่อนที่อีกข้างจะจับคางผมบีบให้เงยหน้าขึ้นมามองมัน

“งั้นมึงก็รู้ไว้นะไอ้มินโฮ”

“...”

“ถ้ามึงนอกใจกู มึงก็โดนหนักเหมือนกัน”

ผมยกยิ้มกับคำพูดของมัน ท่าทีมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวบ่งบอกถึงความตั้งใจจริงที่มันคิดดีแล้ว และผมรู้ว่าคงห้ามอะไรมันไม่ได้อีกต่อไป

“ตัวเท่าหมาทำเป็นซ่า”

“หมาก็เมียมึงไหม”

“มึงยอมรับด้วยหรอ”

“หรือมึงจะรับหล่ะ” ผมหลุดหัวเราะออกมา เหมือนความตึงเครียดในช่วงนี้หายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย ดึงแขนมันให้นั่งลงที่ตักก่อนจะกอดเอวไว้แน่น

“มึงห้ามเปลี่ยนใจนะ กูไม่ปล่อยแน่”

“เออ ไอ้นี่ ถามมาก แล้วที่นี่มันที่สาธารณะ ประเจิดประเจ้อ” มันพูดก่อนจะตีแขนเป็นเชิงให้ปล่อย ผมยกยิ้มอย่างอารมณ์ดี

“งั้นที่ห้องกูมึงโอเคใช่ปะ”

“แม่มึงอยู่บ้านนี่” มันพูดงืมงำๆ ใบหูด้านหลังแดงก่ำจนผมอดไม่ได้ที่จะจับและลูบน้อยๆ

“งั้นที่ไหน เปิดห้องดีมะ”

“ตัณหากลับจริงๆเลย” มันพูดก่อนจะลุกขึ้นและเดินหนี “บ้านกูแม่ไม่อยู่ แล้วแต่มึงจะคิดละกันว่าควรทำไง”

มันพูดก่อนจะเดินหนีออกไป ผมหัวเราะเป็นคนบ้าอยู่คนเดียวหลังจากตีความหมายของมันได้

ผมว่าตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ผมคงไม่ต้องนอนเหงาคนเดียวแล้วหล่ะ




#ฟิคเพื่อนมินยุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น