BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2559

[OS] LEE SEUNGHOON X KANG SEUNGYOON : Butterfly

 [OS] LEE SEUNGHOON X KANG SEUNGYOON

Story : Butterfly




Imagination will often carry us to worlds that never were.
But without it, we go nowhere.
-จินตนาการบ่อยครั้งมักจะเปิดเราเข้าสู่โลกที่ไม่มีจริง แต่หากเราไม่มีมันเราก็ไม่ได้ไปไหนเลยเช่นกัน-
Carl Sagan, Cosmos


เสียงหนังสือเปิดเพียงแผ่วเบาดังแว่วมาจากในห้อง ก้าวเท้าที่หนักอึ้งทำให้ซึงฮุนรู้สึกสั่นไหว

มันเป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่

ทางเดินแคบหลังโรงพยาบาลเป็นส่วนที่เขาเองไม่เคยคิดว่าจะได้มาที่นี่ แต่ความรู้สึกบางอย่างที่รบกวนจิตใจกลับทำให้ตัดสินใจก้าวเท้าเข้ามา สายลมที่พัดปะทะร่างกายทำให้ขนแขนลุกชันขึ้นขึ้น มือกระชับโค้ทอุ่นแน่นขึ้นก่อนจะเดินตรงไปเรื่อยๆ

กลิ่นชื้นทำให้จมูกรู้สึกตีบแคบ อากาศช่างไม่เป็นใจเท่าที่ควร ทั้งที่แสงแดดจากทางหน้าต่างบ่งบอกถึงความแจ่มใสขนาดนั้น

ซึงฮุนเดินมาจนถึงห้องสุดท้ายก่อนจะยืนนิ่ง เสียงเปิดกระดาษยังดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ความถี่ของเสียงนั้นกระชันชิดพอๆกับเสียงอัตราการเต้นของหัวใจที่ทำให้รู้สึกเป็นอยู่ ณ ตอนนี้

จู่ๆซึงฮุนก็รู้สึกลังเลที่จะเปิดมันขึ้นมา

มือที่เอื้อมไปชะงักที่ลูกบิดประตู ก่อนที่เสียงเปิดหนังสือที่ดังในห้องจะเงียบตามเช่นกัน

“เข้ามาสิครับ”

ซึงฮุนผงะออกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่ดังลอดผ่านมาจากหลังประตู น้ำเสียงที่แหบห้าวทำให้ใจพลันคิดจินตนาการไปอีกครั้ง...

ไม่

ซึงฮุนไม่ได้มาเพื่อนึกถึงสิ่งที่คิดไปเอง

ตัดสินใจเปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไป ชะงักกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าก่อนที่สมองจะพลันคิดอีกครั้ง

ความอบอุ่นที่รู้สึกทั้งที่ไม่ได้สัมผัสนี่คืออะไรกันนะ แค่ดวงตาสีดำสนิทนั่นมองมาทำให้รู้สึกมึนงงได้ขนาดนี้

“อีซึงฮุนใช่ไหม เชิญนั่งก่อนสิ” มือขาวที่โผล่ออกมาจากเสื้อแขนยาวผายที่นั่งตรงข้าง ซึงฮุนเดินเข้าไปแบบมึนงง ทั้งสับสนและสงสัยไม่ต่างกัน

คนตรงหน้าเป็นหมอจริงๆหรอ...

“หือ เป็นอะไรหรอครับ”

“ออ เปล่าครับ” ซึงฮุนพูดออกมาแบบงง เมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายเรียก เขาคงเผลอเหม่อและคิดอะไรมากไปจนอีกฝ่ายต้องมองมาแบบนี้

“ครับ ผมชื่อคังซึงยุนนะ”

“ครับ?”

“ขอบคุณที่มาตามคำเชิญผมนะ” รอยยิ้มเผยออกมาเล็กน้อยทำให้สั่นไหว มือเรียวเล็กค่อยๆรินชาร้อนใส่แก้วก่อนจะเชิญอีกฝ่ายจิบ ซึงยุนละออกก่อนจะเอามือกุมที่หน้าตัก มองคนตรงหน้าที่ละเลียดช้าๆ “ผมจะเข้าประเด็นเลยนะ ที่ผมเชิญซึงฮุนมา...ผมเรียกชื่อคุณแบบนี้ได้ใช่ไหม?”

“ออ...ดะ ได้สิ” คำพูดตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายเริ่มเกริ่น ซึงยุนมองด้วยท่าทีสนใจแต่ก็สงบนิ่ง

“คือว่า อา...คุณอย่าโกรธเลยนะ แต่ผมได้ยินเรื่องคุณมาบ้างจากมินโฮ แล้วกรณีคุณน่าสนใจมาก ผมเลยอยากจะช่วยดูแลคุณสักหน่อย จนกว่าจะหายจากอาการที่คุณเป็น ผมเลยบอกให้มินโฮไปเชิญคุณมาเพราะได้ยินว่าคุณเองก็อยากรักษาอาการที่เป็นอยู่ คุณจะโอเคไหมถ้าเราจะเริ่มพูดคุยกัน”

ซึงฮุนแสดงสีหน้าประหลาดออกมา หลังจากตอนแรกคับข้องใจที่ได้รับคำเชิญจากจิตแพทย์หนุ่มผ่านทางมินโฮ...จะว่าไปเขาเองเป็นคนเล่าเรื่องราวต่างๆให้มินโฮ เพื่อนสนิทของเขาฟังเกี่ยวกับอาการที่เป็นอยู่

อาการกลัวการเข้าสังคมของเขา อาการประหลาดที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร แต่พอรู้สึกอีกทีกลายเป็นว่าเขากลับกลัวที่จะพูดคุยกับผู้คนที่ได้พบปะแล้ว ตอนนี้เขาแยกตัวมาอยู่คอนโดเพราะต้องทำงาน โชคดีหน่อยที่เขาทำงานกับมินโฮ เพื่อนสนิทที่พ่วงตำแหน่งเจ้านายในที่ทำงานเลยทำให้เขาสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ต้องไปพบเจอกับลูกค้าได้ ซึงฮุนทำงานเป็นคนออกแบบโปรเจกค์ต่างๆซึ่งต้องพบเจอกับผู้คนมากมาย ไม่แปลกหากปัญหาที่เป็นอยู่จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง

แน่นอนว่าซึงฮุนเองคงจะไม่อะไรหากงานต่อจากนี้จะเป็นงานใหญ่ และมินโฮเองก็ไม่สามารถที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยได้เหมือนทุกครั้งเพราะงานต้องไปทำที่ต่างประเทศ แต่ถ้าหากไม่ตกลงรับงานคนเดือดร้อนคงเป็นเพื่อนรักของเขาแน่ๆ ซึงฮุนเองไม่อยากพลาดงานนี้เช่นกัน จนได้รับคำแนะนำจากเพื่อนสนิทให้มาที่นี่

“แล้วผมต้องมาที่นี่ตลอดเลยหรอ”

“ผมรู้ว่าคุณไม่ค่อยชอบเท่าไร งั้นเอาอย่างนี้ไหมซึงฮุน” ซึงยุนค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดม่านสีใส ที่นี่เป็นห้องในโรงพยาบาลก็จริงแต่บรรยากาศกลับไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนกับที่บ้านพักมากกว่า ซึงฮุนอึ้งเล็กน้อยเมื่อมองไปทางด้านหลังมีสวนดอกไม้หลากสีอยู่ ต้นไม้หลายต้นร่มรื่นน่ามองรวมทั้งเรือนกระจกสีขุ่นอยู่ไกลๆ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่คิดว่าที่นี่จะมีเช่นกัน “ผมไม่กำหนดเวลาดีกว่า เอาเป็นว่าถ้าคุณสะดวก เราไปลองนั่งคุยเล่นกันสักหน่อยไหม ที่นั่นเป็นไง”

ซึงฮุนกับซึงยุนกระชับโค้ทแน่น บรรยากาศเย็นๆปลายฤดูหนาวถึงแม้จะไม่หนาวจัดเท่าช่วงแรกแต่ก็ทำให้ต้องสวมโค้ทตัวหนา เดินตามคนตรงหน้ามานิ่งๆ ซึงฮุนยอมรับว่าเขากลัวการคุยกับคนอื่นมาก แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมพอเป็นคุณหมอกลับใจสงบอย่างน่าประหลาด มือของคุณหมอตัวเล็กยกขึ้นเพื่อเป่าจนควันออกมาน้อยๆ ทั้งๆที่มืออีกข้างถือกล่องขนาดใหญ่พอควร เราเดินออกทางประตูหลังของโรงพยาบาลก่อนจะเดินเข้าประตูมา

“ความจริงสวนนี้เป็นที่ดินผมเอง ผมเลยสร้างไว้ ไม่ค่อยให้ใครเข้ามาหรอกครับ” ร่างกายเล็กตรงหน้าหันกลับมายิ้ม น้ำเสียงแหบห้าวสั่นน้อยๆเพราะอากาศเย็น ไม่นานเราก็เดินมาจนถึงหน้าเรือนกระจก

“เรามาที่นี่?”

“เชิญครับ” ซึงยุนผายมือเป็นเชิงให้เข้าไป ซึงฮุนเดินเข้าไปก่อนจะสะดุดสายตากับมุมมุมหนึ่ง

“คุณเลี้ยงดักแด้?”

“ออ เปล่าหรอกครับ” ซึงยุนพูดออกมาก่อนจะยิ้มเบาๆ “พอดีมันอยู่ในสวน ผมเลยเอามาไว้ที่นี่ แต่พอผีเสื้อออกมา ผมก็คงจะเอาไปปล่อยในสวนข้างนอกเหมือนเดิม”

ซึงฮุนมองมาที่อีกฝ่ายที่อธิบาย ก่อนจะหันกลับไปมองรอบๆอีกครั้ง

“คุณก็เหมือนผีเสื้อนะซึงฮุน”

จู่ๆซึงยุนก็พูดออกมา ซึงฮุนละสายตาที่กำลังมองดักแด้ที่ห่อตัวก่อนจะมองกลับมาที่คนตรงหน้า

“เพียงแค่คุณพยายามปกป้องตัวคุณเพื่อมีชีวิตอยู่เพียงเท่านั้น คุณไม่ได้เป็นแบบที่คนอื่นเข้าใจเลย”

“...”

“คุณรู้สึกอย่างไรบ้างตอนนี้”

ซึงฮุนมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ เหมือนบทสนทนามันจะเต็มไปด้วยความอึดอัดเย็นชาแต่กลับอบอุ่นอย่างน่าประหลาด คุณหมอตัวเล็กตรงหน้าเพียงแค่ยิ้มกลับมา ไม่ได้คาดหวังกับคำตอบของคนตรงหน้าก่อนจะนั่งมองมาเงียบๆ

ไม่รู้ทำไมซึงฮุนรู้สึกสั่น

หนาวงั้นหรอ...เขาคิดว่าไม่ใช่หรอก

แม้อากาศจะเกือบสิบองศา

แต่เขากลับอบอุ่น

อบอุ่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนกับบทสนทนาสั้นๆของคุณหมอมากกว่า

“ผมรู้สึกอบอุ่นนะ” ซึงฮุนตอบไปตามตรง “แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกับการรักษาตรงไหนเลย”

เสียงหัวเราะหลุดออกมาน้อยๆ กับคำตอบคนตรงหน้า ซึงฮุนไม่เข้าใจว่าคำพูดเขามันตลกตรงไหนจึงมองมาตรงๆ

“ขอโทษทีนะซึงฮุน” ซึงยุนพยายามกลั้นหัวเราน้อยๆของตัวเอง “คุณบอกผมได้ไหมว่าตอนนี้ฤดูอะไรหรอ”

“ก็ปลายฤดูหนาว”

“ใช่ ปลายฤดูหนาว”

“แล้วยังไงหล่ะ”

“ผมหัวเราะแค่ดีใจหน่ะที่คุณยังมีอารมณ์อื่นบ้างตอนตอบผมมา เพราะอย่างน้อยคุณก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวผม จริงไหม”

ก็จริง

ซึงฮุนคิดเช่นนั้นหลังจากเพิ่งรู้สึกตัวเอง เขาตอบคำถามคนตรงหน้าและแสดงสีหน้ารวมทั้งอารมณ์ไปมาก  มากกว่าปกติที่เขาจะเจอผู้คนครั้งแรกด้วยซ้ำ มันถือเป็นเรื่องน่าประหลาดและแปลกใหม่สำหรับซึงฮุนเหลือเกิน

“คุณลองหลับตานะซึงฮุนปล่อยใจให้ว่าง คุณไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น”

ซึงฮุนหลับตาลง แม้มีความระแวงไปบ้างแต่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีอะไรนอกจากรอยยิ้มส่งมา พยายามปล่อยใจให้ว่างเปล่าตามที่อีกฝ่ายบอกก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อย

สัมผัสอุ่นถูกวางไว้ที่ไหล่เพียงแผ่วเบา

ถ้าเป็นปกติ ซึงฮุนคงสั่นและลงมือกับคนที่สัมผัสตัวเขาเป็นแน่ ขนาดมินโฮที่คบกับเขามานานยังไม่ค่อยมีโอกาสทำแบบนี้กับเขาเลย

“คุณค่อยๆนั่งลงนะซึงฮุน ไม่มีอันตรายใดๆทั้งนั้น” เสียงกระซิบแผ่วแต่กลับดังก้องในหัวของซึงฮุนราวกับมีคนมาขยายเสียง หลังคำพูดมีเพียงสายลมที่พัดปะทะกับใบไม้มาให้ได้ยิน

มีความอบอุ่นของฝ่ามือวางไว้ที่ไหล่ เขาหลับตาและหายใจเข้าช้าๆและลึก ก่อนที่จะรู้สึกมวนท้องแปลกๆราวกับมีผีเสื้อร้อยตัวยามลืมตาตามที่ซึงยุนบอกให้ทำ

แพขนตาหนายามที่หลุบตามองที่มือที่สัมผัสซึงฮุนทั้งสองข้างดูมีเสน่ห์ ก่อนริมฝีปากสีส้มจะยิ้มน้อยๆ ผิวขาวตัดกับผมสีอ่อนยิ่งทำให้สั่นไหวไปพร้อมๆกัน

“ซึงฮุนอา ตอนนี้คุณก็เหมือนดักแด้เหล่านั้น หากหมดฤดูหนาวไป...คุณจะกลายเป็นผีเสื้อที่โบยบิน ขอเพียงคุณช่วยเปิดใจรับกันทีนะ”

ซึงฮุนเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น

แต่เขากลับรู้สึกเหมือนมีปีกที่พร้อมจะโบยบิน เพียงแค่ได้รับฟังคำพูดจากคุณหมอตัวเล็กเท่านั้น

“ครับ”

เขาหวังว่าอาการที่เขาเป็นอยู่จะหายไป

เหมือนกับความหนาวเหน็บของร่างกายที่หายไปเพราะคำพูดของอีกฝ่ายเช่นกัน



“คุณโอเคใช่ไหม”

สำเนียงภาษาอังกฤษดังขึ้นก่อนจะทำให้ซึงฮุนละสายตาออกจากผีเสื้อที่เกาะอยู่กับดอกไม้  หันมายิ้มก่อนจะบอกกลับว่าไม่เป็นไร

เขามาอยู่ที่ญี่ปุ่นได้หลายวันแล้ว

หลังจากช่วงนั้นเข้ารับการรักษาอาการทางจิตใจหลายเดือน ตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แม้จะต้องมีการจากลาเล็กน้อยที่ทำให้ใจของซึงฮุนวูบโหวงแปลกๆ แต่เพราะหน้าที่เลยทำให้ไม่มีทางเลือก

คังซึงยุนเป็นหมอ ส่วนตัวเขาเองเป็นแค่คนไข้ที่เขาต้องการรักษาเท่านั้น

ปลีกตัวออกมาพักผ่อนหลังจากที่พูดคุยงานกับลูกค้าจบลง  ร่างกายที่ดูอ่อนเพลียทำให้อยากสูดอากาศสักเล็กน้อย ร่างสูงเดินเข้ามาในสวนที่ทางโรงแรมจัดไว้ ความงดงามและบรรยากาศทำให้ใจรู้สึกดีขึ้นก่อนที่สายตาจะสะดุดกับผีเสื้ออีกครั้ง

ผีเสื้อดูสวยงาม บอบบาง

“เห็นแล้วนึกถึงหมอจัง” ซึงฮุนพึมพำ เพราะว่าตั้งแต่ทำการรักษาเสร็จเมื่อปีก่อนเขาก็ไม่ได้ติดต่ออีกฝ่ายอีก

กลัวจะรบกวน

กลัวจะทำให้อีกฝ่ายลำบากใจกับความรู้สึกตนเอง

ยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อจะถ่ายรูปความงดงามตรงหน้า ก่อนที่ผีเสื้อจะบินออกไป

“เดี๋ยวสิ โถ่”

ซึงฮุนร้องออกมาอย่างขัดใจ ก่อนสมองจะสั่งการให้ก้าวตามไป ขายาวก้าวเดินไปแบบเร่งรีบ สั่นนิดหน่อยเพราะอากาศเย็นๆเริ่มคืบคลานเข้ามาตามฤดูกาลที่ควรจะเป็น

ซึงฮุนมองตามผีเสื้อไปเรื่อยๆก่อนจะต้องละสายตาเมื่อเดินชนกับใครสักคน

“ขอโทษครับ  ขอโทษ” ข้าวของคนตรงหน้ากระจัดกระจายไปหมดก่อนที่ซึงฮุนจะโค้งตัว ขอโทษเป็นภาษาอังกฤษเสียยกใหญ่ มือคว้าของสะเปะสะปะก่อนจะเงยหน้าและชะงักไปกับสิ่งทีได้เห็น

เหมือนฤดูหนาวเหน็บเป็นเพียงสิ่งที่ทำให้ร่างกายรู้สึก

เพราะหัวใจเขากลับอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เห็นซึงยุนแทน

รอยยิ้มคนตรงหน้าถูกส่งมาก่อนที่จะทำให้ซึงฮุนได้รับรู้ถึงความรู้สึกดีๆที่ก่อตัวมานาน ไม่ใช่เรื่องจินตนาการไปเอง

“ว่าไงพี่ซึงฮุน”

คนตรงหน้าคือบุคลที่มีความหมายสำหรับฤดูกาลที่เหน็บหนาวนี้ของซึงฮุนจริงๆ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น