“ซึงยุน มึง กลับเข้าร่มก่อนเหอะ พักได้แล้ว”
แทฮยอนเรียกผมที่ตอนนี้ยืนเหม่ออยู่ทั้งที่มือถือค้อนไว้
หันกลับมามองก่อนจะเดินเข้าไปในร่มไม้ที่มันเรียก
ตอนนี้เรามาออกค่ายจิตอาสาที่ทางภาคเหนือเพื่อร่วมโครงการสร้างห้องสมุดแก่เด็กด้อยโอกาส
อาจจะดูเป็นโครงการทั่วไปที่มีเกือบทุกมหาลัยแต่ใครจะรู้ว่ายังมีอีกหลายที่ที่ต้องการโครงการแบบนี้
อากาศที่ร้อนระอุทำให้ผมนึกถึงช่วงเรียนซัมเมอร์เมื่อตอนปีหนึ่งอีกครั้ง...
อา..เหมือนมันเพิ่งผ่านมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
ตั้งแต่วันนั้นมันก็ผ่านมาเป็นปีที่สองแล้ว
ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาปีสองที่ก้าวเข้าสู่ปีที่สามแล้ว
และผมก็ยังอยู่ชมรมจิตอาสาเหมือนตอนปีหนึ่ง แทฮยอนเองก็ไม่ได้ออกจากชมรมเหมือนกันเพราะความขี้เกียจหาชมรมใหม่
มันก็ยังคบกับพี่มินโฮของมันเหมือนเดิม
หวานบ้างตีกันบ้างแต่ก็ยังอยู่ด้วยกันสงบสุขดี
ผมก็ยังเป็นนักศึกษาผลการเรียนทั่วไป ไม่ได้นอกลู่นอกทางอะไร
แต่ก็เริ่มทำเพลงเป็นของตัวเองบ้างเพราะเริ่มส่งเพลงไปทางค่ายบ้าง แต่เอาจริงๆ
ถ้าถามว่าอยากเป็นนักร้องไหม...มันก็อยากนะ แต่ถ้าคำนึงถึงอะไรหลายๆอย่าง
ผมคงต้องตอบว่าพอใจกับที่เป็นอยู่ตอนนี้มากกว่า
“ยืนเหม่ออะไรอ่ะ เอ้า น้ำ”
แทฮยอนส่งน้ำเปล่าให้หลังจากเห็นเพื่อนสนิทตัวเองยืนเหม่อแบบนั้น ผมยิ้มรับแห้งๆ
พี่จีโฮตอนนี้เรียนอยู่ปีห้า เตรียมตัวเป็นบัณฑิตเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
รายนั้นโปรเจกค์ทั้งงานตัวเองและงานจบเยอะแยะ
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าการออกแบบของพี่เขาโดนใจหลายบริษัทจนหัวบันไดแทบไม่แห้งเพราะมีคนติดต่อให้ไปทำงานหลังเรียนจบหลายที่มากจริงๆ
แต่พี่เขาก็ไม่ได้ตอบรับที่ไหนเพราะอยากเที่ยวเล่นหาแรงบันดาลใจสักปีก่อนเริ่มทำงานจริงๆจังๆ
“นั่นมึงจะไปไหนอ่ะซึงยุน”
“ว่าจะเดินไปตรงโน้นหน่อย เมื่อวานเจอน้ำตก สวยดี”
ผมพูดก่อนจะเดินกลับไปที่บ้านพักสำหรับคนที่ทำจิตอาสาเพื่อเอากล้องถ่ายรูป
แบกเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสามส่วนหลังจากที่ตอนแรกใส่กางเกงวอร์มยาว
ผมเดินไปเรื่อยๆตามเส้นทางที่จำได้ว่ามีคนในพื้นที่แนะนำมาเมื่อวาน
มันไม่ได้ไกลจากที่ที่อยู่เท่าไรนัก
ยกยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นทิวทัศน์ข้างหน้า ก่นจะเริ่มกดชัตเตอร์ทันที
บรรยากาศที่ไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไปยิ่งทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“จับโฟกัสก่อนสิ แล้วค่อยกด”
“ผมทำเป็นเหอะ ต้องรอก่อนสิ”
“หึ ปากเก่ง”
“ย่าห์!!!แล้วจะหอมแก้มทำไมวะ”
เผลอลดมือลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่เคยเกิดก่อนหน้านี้
เหมือนได้ยินเสียงอ่อนโยนนั่นรีรันในหัว ก่อนที่จะสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดนั่นออกไปให้หมด
อา...คิดถึงอีกแล้วสินะ
ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะตัดสินใจวางกล้องลง
น้ำตกที่นี่มันใสเสียจนอดไม่ได้ที่จะต้องลงเล่นสักหน่อย ตั้งใจพันขากางเกงขึ้นก่อนจะถอดเสื้อจนเหลือแค่เสื้อกล้าม
ก่อนจะค่อยๆหย่อนเท้าลงไป ลงไปไม่ลึกมากก่อนจะค่อยๆใช้มือช้อนน้ำขึ้นมาล้างหน้า
นำเย็นที่ไหลผ่านไปให้ความรู้สึกดีจนอดยิ้มไม่ได้
“อย่าแช่น้ำนานนักสิ เดี๋ยวเป็นไข้หรอก”
“นี่แฟนหรือพ่อละเนี่ย สั่งกันจังเลยยยยย”
“ก็ถ้าไม่ห่วงเราก็คงไม่สั่งหรอกน่า ยื่นมือมาดิ พี่จะลงไปเล่นด้วย...”
ชะงักวูบก่อนหันกลับไปมองด้านหลัง เอาอีกแล้ว ฟุ้งซ่านอีกแล้ว
ผมถอนหายใจก่อนจะเดินขึ้นบนฝั่ง หยิบกล้องหยิบเสื้อเอาพาดไหล่ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับ
ผมไม่อยากฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้และผมคงต้องยอมรับความจริง
ความจริงที่ว่าผมคิดถึงอีซึงฮุนยิ่งกว่าใคร
ทั้งที่เป็นฝ่ายขอห่างออกมาเอง....
ค่ำคืนนี้มีกิจกรรมนั่งรอบกองไฟ ผมมองไอ้แทฮยอนที่นั่งดีดกีตาร์และร้องเพลง
ข้างๆกันมีมินโฮคอยปรบมือ บรรดาเพื่อร่วมค่ายทั้งชายหญิงต่างเคลิบเคลิ้มกับเสียงของแทฮยอน
ผมมองมันที่ยิ้มน้อยๆให้คนรักของมัน แอบอิจฉาหน่อยๆแต่พอมองรอบๆก็มีแต่คนที่เป็นคู่รักเกือบทั้งนั้น
เผลอร้องคลอตามอย่างห้ามไม่อยู่ ก่อนจะคว้ากีต้าร์ออกมาบ้าง
แทฮยอนละสายตาจากมินโฮมองมาทางผม ผมยักไหล่ก่อนจะเช็คสายกีต้าร์ รอจนมันเล่นจนจบเพลงก่อนที่มันจะละมือออกและส่งยิ้มให้ผมเล่นต่อบ้าง
ผมเลือกที่จะเล่นเพลง Sofa ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกอย่างไง
แต่แทฮยอนมันเหมือนจะชะงักหน่อยๆก่อนจะหันมามอง จังหวะช้าๆเริ่มแผ่วเบาก่อนที่จะทำให้ทุกคนฮัมออกมา
ผมยกยิ้มน้อยๆก่อนจะร้องต่อ
니가 있던 소파 앉아 있어 혼자
นีกา
อิดตอน โซฟา อันจา อิดซอ ฮนจา
ผมนั่งคนเดียวอยู่บนโซฟาตัวเดิมที่คุณเคยใช้มัน
단 한숨도 못 자고 혹시 니가 올까 하고
ทัน
ฮันซูมโด มด ชาโก ฮกชี นีกา อลกา ฮาโก
แม้แต่จะหายใจหรือนอนก็ไม่หลับเพราะบางทีคุณอาจกลับมา
멍하니 현관 쪽만 바라봐
มองฮานี
ฮยอนกวาน จกมัน พาราบวา
ผมได้แต่เหม่อมองไปที่ทางเข้าหน้าบ้าน
두 눈을 감고 귀를 막아봐도
ทู
นุนนึล คัมโก ควีรึล มักกาบวาโด
พยายามที่จะปิดตาของผมอุดรูหูของตัวเอง
다시 내게 돌아와 추억들이
ทาชี
แนเก ทลราวา ชูออกดึลรี
หากแต่ความทรงจำทั้งหมดมันก็หวนกลับมาอีกครั้ง
숨을 참는다고
심장이
멈춰질까
ซุมมึล
ชัมนึนทาโก ซิมจังงี มอมชวอจิลกา
เพียงแค่ผมกลั้นลมหายใจไว้หัวใจของผมมันก็แทบจะหยุดเต้น
널 향한 그리움만
되돌아와
นอล
ฮยังฮัน คือรีอุมมัน เดทลราวา
ความปรารถนาของผมเพียงขอแค่ให้คุณกลับมา
니가 있던 소파 너 없이 나 혼자
นีกา
อิดดอน โซฟา ออบชี นา ฮนจา
โซฟาที่เคยมีคุณนั่งอยู่มันไม่คุณแล้วเหลือก็แค่ผมคนเดียว
이 자리에만
남아
널
기다리잖아
อี
ชารีเอมัน นัมมา นอล คีดารีจันนา
ผมจะรออยู่ที่นี่
อยู่เพื่อรอคุณนะ
So far 내 곁에 넌 so
far away
So far แน
คยอดเท นอน so far away
ไกลจากตัวผมเหลือเกิน
คุณอยู่ไกลแสนไกล
미련이라는
게
먼지만
남은
채
มีรยอนนีรานึน
เก มอนจีมัน นัมมึน แช
ความหวังของผมมันก็เป็นเพียงแค่ซากฝุ่น
널 기다리잖아
นอล
คีดารีจันนา
แต่ผมก็ยังรอคุณอยู่ดี
กิจกรรมรอบกองไฟกว่าจะจบเล่นเอาปาไปเกือบสี่ทุ่มได้
ผมกับไอ้แทฮยอนเดินมาเพื่ออาบน้ำกัน
เพราะเนื่องจากเมื่อเย็นทั้งผมกับมันยังไม่ได้อาบน้ำเพราะติดนิสัยอาบน้ำตอนกลางคืนมากกว่า
ห้องน้ำแบบที่ใช้ไม้ตีกันรอบๆเปิดหลังคาทำให้เราเห็นดวงดาวในฤดูร้อนแบบนี้
ผมกับมันรีบอาบน้ำด้วยความรวดเร็วเพราะอยากนอนเต็มที
พรุ่งนี้เช้าจะต้องตื่นมาทำงานอีก
“แทฮยอน มึงส่งขันให้หน่อย” ผมยื่นมือไปด้านหน้าก่อนที่อีกฝ่ายจะตักราดให้
ผมพึมพำเป็นเชิงขอบใจก่อนที่จะก้มมากขึ้นเพราะฟองน้ำยาสระผมเริ่มเปรอะที่หน้า
แถมเริ่มแสบตาเลยเร่งมันยกใหญ่ มือยีผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น
“ขอบใจมึง” ผมเอาผ้าเช็ดตัวโปะที่หัวก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับแทฮยอน
ระยะห่างจากบ้านพักกับที่อาบน้ำค่อนข้างไกลพอสมควร
ผมกับมันใช้ไฟจากจอโทรศัพท์ส่องเดินก่อนที่จู่ๆแทฮยอนมันจะพูดขึ้นมา
“ซึงยุน”
“หือ”
“มึงเลิกกับพี่ซึงฮุนทำไมวะ”
ผมสะดุดไปชั่วคราวก่อนจะเงยหน้าจากพื้นหันมามองมัน
สายตาของมันที่คาดคั้นทำเอาผมที่พยายามเลี่ยงที่จะคุยกับมันในเรื่องนี้ต้องถอนหายใจ
ทั้งที่พยายามไม่พูดและไม่นึกถึงมาเกือบสองปีได้แล้ว
“มึง...”
“...”
“กูแค่ไม่เชื่อเรื่องรักแท้ไม่แพ้ระยะทางนั่น”ผมสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะพูดต่อ
“ก็แค่กลับไปเป็นเหมือนตอนแรกแค่นั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้นเลย”
“มึงแน่ใจหรอว่าไม่มีอะไรมากกว่านั้น”
ผมมองมันด้วยความไม่เข้าใจในรูปประโยคนั้นก่อนที่มันจะถอนหายใจบ้าง
“มึงก็ไม่ใช่คนโง่นะซึงยุน ถ้าเอาตามตรง
ถึงกูกะมึงจะเป็นเพื่อนกันมาได้ไม่นานก็เถอะ”
“...”
“มึงหลอกคนอื่นได้ แต่มึงหลอกความรู้สึกตัวเองไม่ได้หรอก”
มันพูดย้ำชัดๆ
“ช่วงเดือนหนึ่งก่อนที่พี่เขาจะไปญี่ปุ่น กูก็ไปเที่ยวทะเลกับมึงนะซึงยุน
ถึงกูจะขลุกอยู่กับมินโฮตลอดเวลาก็เถอะ แต่มึงอย่าคิดว่ากูไม่เห็นนะ ว่าพี่เขารักมึงมากขนาดไหน
พี่เขาดูแลมึงดีจะตาย”
“ไม่หรอก”
“มึงหน่ะปิดโอกาสตัวเอง” แทฮยอนส่ายหัวกับท่าทีของผม “รักพี่เขาเหมือนกันแท้ๆ
แค่มึงรอพี่เขากลับมามึงรอไม่ได้หรือไง แล้วมาทำท่าซังกะตายเหมือนหมาอกหัก
ไม่เท่หรอกนะ”
ผมเบะปากกับคำเปรียบเปรยของมัน ก่อนจะเดินมาเรื่อยๆ
เอาตามตรงก็เหมือนอย่างกับที่มันว่านั่นแหละ
ถึงผมจะเป็นฝ่ายบอกเลิกก็เถอะ แต่กลับมาทำตัวแบบนี้
น่าตลกดีเหมือนกันแฮะ
“นี่แทฮยอน”
“ว่า?”
“ถ้าเป็นมึงกับพี่มินโฮ มึงจะทำยังไง”
แทฮยอนหันมามองผมก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ทำราวกับผมเป็นเด็กน้อย
“ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย ถ้าพี่เขารักกู กูรักพี่เขา แค่ระยะทางแค่นี้
เวลาสองปีแค่นี้ไม่ตายหรอก”
“...”
“เดี๋ยวพี่เขาก็กลับมาอาทิตย์หน้าแล้ว ไม่ดีใจหรอ
วันที่เรากลับจากค่ายพอดีเลยเนี่ย” แทฮยอนพูดออกมาลอยๆ
แต่ผมแกล้งทำเป็นหูทวนลมก่อนจะเดินเข้าบ้านพักไป
เสียงตอกไม้ยังคงดังเรื่อยๆ ผมยกมือขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะมองไปข้างล่าง
เห็นพวกผู้หญิงเริ่มเดินแจกน้ำก่อนจะเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ
เวลาช่วงบ่ายแบบนี้เป็นอะไรที่ร้อนสุดๆจนแทบเป็นลม
“ซึงยุน รับหน่อย”
ผมยันขากับจั่วก่อนจะเอื้อมมือรับสังกะสีที่เพื่อนผู้ชายส่งมา ปากที่คาบตะปูค่อยๆคายออกก่อนจะเริ่มตอกมันอีกครั้ง
เสียงโครมครามจากการทำงานยังดังเรื่อยๆ
ผมไม่ได้หันไปคุยกับเพื่อนร่วมค่ายคนอื่นเพราะเริ่มเหนื่อยเต็มที
เหงื่อหยดซึมจนหน้าม้าของผมแนบกับหน้าผากตัวเอง ปาดเหงื่อซ้ำอีกครั้งก่อนจะรับสังกะสีที่ทยอยส่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
“คนข้างบนอ่า ลงมาพักก่อน”
เสียงตะโกนของผูหญิงสักคนที่ผมเดาว่าคงจะเป็นสวัสดิการนั่นแหละ
เรียกผมกับเพื่อนๆบนหลังคา ก่อนที่ผมจะค่อยๆปีนลงมาช้าๆ
ผมรับน้ำเย็นราดที่หน้าไปหนึ่งแก้วก่อนจะรับมาอีกแก้วเพื่อกินและราดเสื้อ
“โคตรร้อนอ่ะ”
“เธอไปอาบน้ำเลยก็ได้นะ เดี๋ยวให้คนอื่นผลัดเอา”
“ขอบใจนะ” ผมว่าก่อนจะส่งแก้วคืน “เฮ้ยแทฮยอน ไปน้ำตกนะ”
“เออ”
แทฮยอนตะโกนกลับมาก่อนที่ผมจะเดินไปเอาเสื้อผ้าเพราะคิดว่าจะอาบน้ำที่นั่นเลย ไม่รอให้เสียเวลาผมแทบกระโจนใส่น้ำทั้งที่อยู่ในชุดนั้นด้วยซ้ำ
ผมแค่ถอดกางเกงยีนส์ออกก่อนจะเหลือแค่บ็อกเซอร์และเสื้อสีขาวตัวเอง ไหนๆมันก็เปียกเหงื่อแล้ว
เดี๋ยวกลับไปก็ต้องซักเลยอยู่ดี
ผมกลั้นหายใจก่อนจะดำลงไปใต้ผืนน้ำเมื่อลงไปในบริเวณที่คิดว่าลึกพอสมควรแล้ว
ความเย็นฉ่ำแทรกซึมทั่วร่างกายทำให้สดชื่นไม่น้อง
ก่อนจะต้องลืมตาในน้ำอย่างตกใจเมื่อรู้สึกว่ามีมือคว้าเข้าที่เอว
“อึก เชี่ย!!!”
ซ่า
ผมโดนดึงขึ้นจากน้ำก่อนจะอ้าปากพะงาบๆเพราะตกใจ
หอบหายใจรุนแรงและไอออกมาเพราะรู้สึกเหมือนจะเผลอกลืนน้ำไปด้วย มือที่โอบเอวผมยังรัดไว้แน่นก่อนจะตีที่กลางหลัง
“ซึงยุน ซึงยุน ไหวไหม หายใจออกไหม”
เสียงทุบหลังดังจนผมไอออกมารุนแรงก่อนที่ผมจะโวยวายออกมา
“เชี่ย!!ใครแกล้งกู....พี่ซึงฮุน!!!!”
ซึงฮุนโอบผมขึ้นฝั่งก่อนจะวางให้นั่งจมปุกอยู่ที่โขดหิน
ผมอ้าปากพะงาบๆราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น
ไหนแทฮยอนบอกว่าพี่เขาจะกลับตอนปลายสัปดาห์ไง!!!
“ยังสำลักอยู่หรอ” ผ้าขนหนูที่ผมเอามาถูกโปะที่หัวก่อนที่มืออีกฝ่ายจะขยี้เบาๆเพื่อซับน้ำให้
ผมนั่งนิ่งเพราะนึกคำพูดที่จะพูดไม่ออก หัวสมองตื้อไปหมดและเหมือนเครื่องไฟฟ้าที่ช็อตไปเรียบร้อย
ได้แต่นั่งเอ๋อฟังเสียงอีกฝ่ายพูดไปเรื่อยๆราวกับว่าตอบคำถามที่คาใจของผม
“พี่กลับมาก่อนเพราะว่าต้องการมาหาเราที่นี่นี่แหละ”
“...”
“พี่เสียใจมากๆตอนที่เราบอกเลิกพี่ แต่พี่ไม่ท้อหรอกนะ
เพราะพี่ก็ยังรู้สึกกับเราเหมือนเดิมอยู่ดี
พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าต่อให้ไล่พี่ไปพี่ก็ไม่ไปไหนอยู่ดี”
“...”
“พี่กลับมาแล้ว...ไอ้ลูกหมาของพี่ พี่กลับมาแล้วนะ”
แหมะ...
“ลูกหมาร้องไห้ทำไมครับ หืม”
น้ำตาของผมมันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไหลตอนไหน
มือที่เกลี่ยออกจากตาของผมเบาๆทำให้ผมรับรู้ว่าอีกฝ่ายมีตัวตนอยู่ตรงหน้าจริงๆ
ไม่ใช่เรื่องที่ผมคิดไปเอง
...อีซึงฮุนอยู่ตรงนี้จริงๆ
“พะ..พี่”
“ไม่ร้องนะคนดี”
“...”
“พี่กลับมาแล้วนะครับ”
พูดย้ำซ้ำๆก่อนจะดึงผมไปกอดแนบอก ผมสะอึกออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ยอมรับว่าคิดถึง...คิดถึงมากๆจนไม่รู้ว่าจะเอาคำไหนมาบรรยายได้
เหมือนความรู้สึกจุกอกและบทสนทนาที่อยากพูดคุยตลอดช่วงเวลาที่ห่างหายไป ตลอดช่วงเวลาที่ผมไม่ได้ติดต่อพี่เขามันล้นออกมา
“ไอ้บ้าเอ้ย”
ผมตีอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะพูดออกมาอู้อี้เพราะยกมือขึ้นกอดอีกฝ่ายตอบ
“กลับมารอบนี้ไม่ให้ไปไหนแล้วนะไอ้สิงโตแก่”
ได้ยินเสียงอีกฝ่ายขำออกมา จนผมต้องเอามือทุบหลังเบาๆเป็นเชิงโมโหกลบเกลื่อน
“ไม่ไปหรอกน่า หัวใจองพี่อยู่ที่นี่แล้วอะ”
ผมเม้มปากแน่นเมื่ออีกฝ่ายเชยคางผมขึ้น
เหมือนบรรยากาศรอบตัวมันเงียบจนได้ยินแค่เสียงหายใจของผมกับพี่เขา
“พี่รักซึงยุนนะ”
...และเสียงหัวใจของผมกับเขาเป็นจังหวะเดียวกัน
“อือ...” ผมอ้อมแอ้มรับก่อนที่จะได้ริมฝีปากประทับมาแรงๆและผละออก
ผมมองตาขวางส่วนอีกฝ่ายแกล้งทำจุ๊ๆใส่
“อือนี่คืออะไร พูดออกมาสิ ไม่งั้นจูบนะ”
“ก็อือนั่นแหละ...อ๊ะ ซึงฮุน”
ริมฝีปากประกบลงมาอีกครั้งก่อนจะเม้มเบาๆและผละออก
ซึงฮุนยักคิ้วเป็นเชิงกวนๆใส่ผมก่อนรอฟังอีกครั้ง
“พูดสิ”
“ก็...เออ..”
“...”
“รักพี่เหมือนกัน โว๊ะ โอ้ย อีซึงฮุนปล่อยนะเว้ย”
ผมร้องออกมาเสียงหลงเมื่ออีกฝ่ายอุ้มจนตัวลอยก่อนจะเอาจมูกถูเบาๆ
ก่อนที่ทั้งผมและเขาจะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
อา...
นี่มันมีความสุขซะจนผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆ
“ผมรักพี่ซึงฮุนนะ”
#ฮุนนี่เต๊าะเด็ก
Talk :
สวัสดีค่ะ BABYHOONIE เองนะ
เป็นครั้งแรกที่ได้พุดคุยกับทุกคนเลย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
ฟิคจบลงแล้วเป็นอย่างไงบ้างคะ? บอกตามตรงนี่รู้สึกเสียดายมากๆเพราะเป็นฟิคยาวเรื่องแรกเลยที่แต่ง
แต่จุดเริ่มต้นย่อมมีจุดที่สิ้นสุด หวังว่าทุกคนจะสนุกกับฟิคนี้นะคะ
ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกคอมเมนท์ที่พูดคุยกันทั้งในบล็อก แท็กและทวิตเตอร์นะคะ
มีทั้งชมทั้งบ่นเรื่องอัพช้าและนานาจิตัง 5555
หวังว่าจะได้กลับมาพบกับรีดเดอร์ทุกคนนะคะ
พุดคุยได้ทางทวิตเตอร์ @Koyteera นะคะ
ทวงฟิคได้ ขอฟิคได้ ด่าได้(แต่อย่าแรงนะคะ555)
มีความสุขกับการอ่านนะคะ
BABYHOONIE