[OS] Lee Seunghoon x Kim Jinwoo
Story : ในวันที่ผมสิบแปดปี
Bestseller Book For
September
“ในวันทีผมสิบแปดปี
จากนี้และเสมอไป”
แด่
คิมจินวู
บุคคลอันเป็นที่รัก
“อีซึงฮุน”
“หือ”
“เลิกคลาสแล้ว กลับกันเถอะ”
ผมเงยหน้าที่ฟุบจากโต๊ะขึ้นก่อนจะมองคนที่เรียก คิมจินวู
เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมและเป็นเป็นคนที่อยู่บ้านเช่าของผมเอง
ออกจะน่าแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้อีกฝ่ายเดินเข้ามาทักผม
เราเรียนอยู่ชั้นมอปลายปีสุดท้ายทั้งคู่ อีกฝ่ายย้ายเข้ามาเรียนในเมืองตั้งแต่ตอนมอปลายปีแรกและมาอาศัยอยู่ที่บ้านเขาที่เปิดเป็นบ้านพักเล็กๆใกล้โรงเรียน
ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่น้อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการทักทายกัน
อาจจะเพราะผมเองไม่ค่อยได้สุงสิงกับเขาเพราะมักจะอยู่ชมรมทุกเย็นเสมอ
ส่วนเขาเป็นเด็กเรียนดี เลิกเรียนมักจะกลับบ้านไม่ได้แวะไหนเช่นผม
เราแตกต่างกันมากๆ และแม่ของผมมักจะมาบ่นว่าทำไมผมช่างเถลไถลแตกต่างจากจากลูกเช่าคนนี้เสียจริง
“จะไปเล่นเกมส์ ฝากบอกม๊าให้ด้วย”
ผมบอกอีกฝ่ายก่อนจะโกยของใส่กระเป๋า
หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆและพบว่าเพื่อนร่วมชั้นกลับไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมกับเขาที่อยู่ตรงนี้
ผมยักไหล่ก่อนจะยกเป้พาดไหล่และเดินผ่านไป
ไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรอีก
ผมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับบ้านมาช่วงสามทุ่มกว่าๆเพราะวันนี้ไปเล่นเกมส์แล้วดันแพ้
ถอดรองเท้าแบบชุ่ยๆและไม่ได้เก็บไว้บนชั้น เดินเสียงตึงตังจนม๊าตะโกนด่าไล่หลัง
หงุดหงิด
วันนี้ดวงไม่ดีเลยให้ตายเถอะ
ผมเสยผมยุ่งๆของตัวเองขึ้นก่อนจะเหลือบสายตาออกนอกหน้าต่าง บ้านเช่าหลังเล็กที่อยู่ตรงข้ามมีผู้อาศัยอยู่คนเดียวตอนนี้เพราะเมื่อวานก่อนเพิ่งมีคนย้ายออกไป
แสงไฟที่ลอดออกมาเป็นเงาของคนนั่งอ่านหนังสือ
มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ผมหันกลับไปมอง
เหอะ
ขยันเสียจริง
ผมข่มตาลงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปอาบน้ำ ก่อนจะชะงักได้ว่าเหมือนเมื่อเย็นจินวูทักผมแล้วเหมือนจะพูดอะไรต่อ
ผมหันกลับไปที่หน้าต่างก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายออกมายืนที่ริมระเบียง
ลมที่พัดหน่อยๆทำให้ผมสีอ่อนของเขาปลิว
ดวงตากลมโตนั่นเหม่อมองท้องฟ้าที่คืนนี้ปลอดโปร่งมาก ผมชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ
“อ้าว กลับมาแล้วหรอ”
ผมอ่านปากอีกฝ่ายได้ความอย่างนั้นเพราะเสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเบา
ผมยังมองก่อนจะเบือนหน้าหนี และเดินหลบฉากไป
นานร่วมนาทีทีอีกฝ่ายไม่ได้ตอบมาก่อนจะได้ยินเสียงเลื่อนประตู แสดงว่าอีกฝ่ายเข้าห้องไปแล้ว
ผมจึงยกมือกุมอกตัวเองก่อนจะพึมพำออกมา
เมื่อครู่ผมรู้สึกแปลกๆเพราะสบตากับเขา มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วจนผมพูดไม่ออก
ถึงอีกฝ่ายจะมาอยู่บ้านเช่าได้เป็นปีแล้วก็เถอะ แต่ไม่ชินก็คือไม่ชินอยู่ดี
“นี่ ซึงฮุน”
“ห๊ะ”
ผมเงยหน้าจากกองการบ้านเพราะว่าดองงานไว้เยอะ
เลยกลายเป็นว่าต้องปั่นงานหัวหมุน แถมอาจารย์ยังขู่จะไม่มีสิทธิสอบ
ความจริงเรื่องนี้ผมไม่ได้อะไรมากหรอกถ้าม๊าไม่รู้จากอาจารย์ประจำชั้นที่โทรไปรายงานจนสุดท้ายแว๊ดใส่ผมจนต้องมาหัวปั่นแบบนี้
“เราช่วยนะ”
“เขียนให้หมดเลยไหมหล่ะ”
ผมกวนประสาทกลับหลังจากก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ
มันมีประมาณสี่ห้าเล่มได้มั้ง ผมก็ไม่ได้นับ
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับเขาคุยกันมากขนาดนี้
“ได้สิ เดี๋ยวเราช่วยนะ”
“ตลกละ ใครอยากให้ช่วย”
ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปปัดนิ้วเรียวสวยที่กำลังตั้งท่าจะเปิดสมุด แต่อีกฝ่ายกลับไวกว่าดึงสมุดออกไปเฉย
ผมเงยหน้าก่อนจะเข่นเคี้ยวด้วยอารมณ์ขุ่น จินวูยิ้มออกมา
และนั่นมันทำให้ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแล่นริ้วขึ้นมาอีกครั้ง
“น่า เดี๋ยวเราช่วย นายจะได้กลับบ้านเร็วๆบ้างไง”
“เหอะ ตะ...ตามใจ”
ผมพูดออกมาตะกุกตะกัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งที่สติเหมือนจะเลือนหายไปนิดหน่อย
ได้ยินเสียงเก้าอี้ที่เลื่อนมาก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดกระเป๋าของตัวเอง
ผมเหลือบตานิดหน่อยก่อนจะเห้นว่าอีกฝ่ายอมยิ้มเล็กๆจนลักยิ้มขึ้นมา
ผมเริ่มมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ปกติผมไม่ค่อยชอบพวกที่เรียนเก่งเพราะมักถูกเปรียบเทียบเสมอ
...แต่คนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้ง
“เฮ้ยซึงฮุน ไปเตะบอลกัน”
เสียงเพื่อนผู้ชายในห้องเรียกผมขณะที่กำลังนั่งคุยกับจินวูอยู่
จินวูชะงักเสียงหัวเราะก่อนจะเหลือบสายตามอง ผมหันไปตอบ
“ไม่ไปเว้ย ไปเล่นกันเลยๆ”
“เดี๋ยวนี้มึงติดแฟนจังวะ”
ผมกับจินวูชะงักเมื่อได้ยินประโยคบ่นๆของเพื่อนทีเดินออกไป
ผมหันไปมองที่ประตูก่อนจะหันกลับมาและพบว่าอีกฝ่ายกำลังก้มหน้าและใบหูแดงขึ้นหน่อยๆ
“นี่เราเหมือนแฟนกันหรอจินวู”
ผมพูดออกมาก่อนที่จะเห็นว่าอีกฝ่ายฟุบหน้าลงกับโต๊ะมากกว่าเดิม
เอาตามตรงคือตั้งแต่วันนั้นเราสองคนก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
เพราะผมก็ต้องทำงานส่งและเรียนให้ทันกับช่วงที่เสียไป ม๊าผมเองมักจะชวนอีกฝ่ายมาทานข้าวด้วยกัน
เราไปโรงเรียนพร้อมกันและหลายครั้งที่อีกฝ่ายต้องแบกงานมาทำคู่กับผมเสมอ
เวลาเราอยู่ที่โรงเรียนผมกับเขาก็มักจะทานข้าวด้วยกันและเดินไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น
ตกเย็นผมก็พาอีกฝ่ายไปเที่ยวเล่นบ้างตามประสา แต่ก็ไม่ได้เถลไถลแต่อย่างใด
นั่นไง ไม่เห็นจะเหมือนแฟน....
เอ๊ะ
ผมเริ่มเอะใจตัวเองก่อนจะมองคนตรงหน้า
เสียงพึมพำดังออกมาให้ผมได้ยินชัดเจน
“ก็มีแต่ซึงฮุนนั่นแหละที่ดูไม่ออก”
ผมว่าผมหูฝาด....
จินวูเงยหน้าขึ้นมองผม
ก่อนที่จะเอานิ้วชี้จิ้มที่อกข้างซ้ายเบาๆและเบือนหน้าหนี
“เราชอบซึงฮุน...ชอบตั้งแต่ย้ายมาแล้ว”
“ห๊ะ”
“โอ้ย เราไม่พูดแล้ว”
จินวูลุกขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายและเดินออกไป
ผมร้องออกมาด้วยความเหวอ
นี่ผมถูกสารภาพรักหรอ
เดี๋ยวนะ
ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าไง ยอมรับว่าผมทึ่มในเรื่องนี้
แต่ชอบผมหรอ...ชอบผมเนี่ยนะ
ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
ตัวก็แค่นั้นแต่ทำไมไวจังวะ
ได้แต่ยีหัวก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาจักรยานออกจากที่ล็อก
ผมรีบเดินไปก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่าย จินวูเหวอจนเผลอปล่อยรถล้ม
“นะ...นาย” ผมเริ่มอย่างตะกุกตะกัก ให้ตาย ผมไม่เคยเจอแบบนี้
“เราเข้าใจ ซึงฮุนไม่ต้องตอบเราหรอก”
“มะ ไม่”
จินวูเอียงคอด้วยความสงสัย โอ้ย หัวใจผม มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย
เหมือนมีกระแสไฟแล่นอีกแล้ว
ผมคว้าอีกฝ่ายดึงมากอดจนจมอก
หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าตอนผมเล่นกีฬาในคาบพละเสียอีก
สัมผลัสได้ถึงความร้อนของคนในอ้อมกอดก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นคล้องที่เอวผมหลวมๆเช่นกัน
“ฉันไม่รู้อะไรด้วยแล้ว”
ผมพูดออกมาก่อนจะเงยหน้า
“นายทำให้ฉันจะเป็นบ้า นี่ร่างกายฉันเป็นอะไรเนี่ย”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากในอ้อมกอด
ก่อนเสียงตอบจะดังอู้อี้ออกมาพร้อมที่จินวูกอดแน่นขึ้น
“ซึงฮุนใจเต้นแรงจัง เพราะเราใช่ไหม”
“มะ..ไม่รู้เว้ย”
“เป็นกับเราคนเดียวใช่ไหม ซึงฮุนใจเต้นแรงกับเราคนเดียวใช่ไหม”
“...”
ผมไม่ได้ตอบอะไร พอมาลองคิดดูมันก็จริงแบบที่อีกฝ่ายพูดออกมาทุกอย่าง
“ซึงฮุน เรารักซึงฮุนนะ”
ประโยคที่ไม่คาดคิดดังออกมาจากอีกฝ่าย ผมยืนนิ่งพูดไม่ออกเพราะเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้สักที
ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยทำได้แค่จับมืออีกฝ่ายให้วางที่ตำแหน่งหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง
เบือนหน้าหนีอีกรอบก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ
“ซึงฮุนยังไม่ต้องตอบเราตอนนี้ก็ได้
แต่เราถือว่าที่ซึงฮุนไม่รังเกียจเรา แสดงว่าซึงฮุนตกลงนะ”
“อะ..อืม”
ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันคืออะไร
เพราะผมยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจมัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจที่มันเกิดขึ้น
เพราะช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือการที่ผมได้เข้าใจคำว่ารักกับใครสักคน
และมันพิเศษมากเมื่อคนคนนั้นคือคิมจินวู
แม้จุดเริ่มต้นระหว่างผมกับเขาจะไม่สวยงามเท่าไรนัก
แต่สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือเราได้จับมือไปด้วยกันนั่นเอง
ผมหวังว่าใครสักคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้คงจะมองอีกมุมของความรู้สึกทีมีแก่กันและกัน
และมอบความรักแก่ใครสักคนโดยที่ไม่รอให้อะไรมากำหนด
เพราะทุกสิ่งเราเป็นคนกำหนดมันเอง
-------------
-Special Project for Birthday-
#ImjadoPrinceIs26
#ALLBBHN
โง้ย... พี่ฮุนคนซึน ..
ตอบลบชอบตอนกอดจมอกมากค่ะ นึกตามแล้วแบบ �� เขินจุง
ขอบคุณสำหรับฟิควันเกิดพี่แป๋วนะคะ^^