BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

[OS] Lee Seunghoon x Kim Jinwoo : ในวันที่ผมสิบแปดปี

[OS] Lee Seunghoon x Kim Jinwoo

Story : ในวันที่ผมสิบแปดปี





Bestseller Book For September

“ในวันทีผมสิบแปดปี จากนี้และเสมอไป”

แด่


คิมจินวู


บุคคลอันเป็นที่รัก




“อีซึงฮุน”

“หือ”

“เลิกคลาสแล้ว กลับกันเถอะ”


ผมเงยหน้าที่ฟุบจากโต๊ะขึ้นก่อนจะมองคนที่เรียก คิมจินวู เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผมและเป็นเป็นคนที่อยู่บ้านเช่าของผมเอง ออกจะน่าแปลกใจนิดหน่อยที่วันนี้อีกฝ่ายเดินเข้ามาทักผม

เราเรียนอยู่ชั้นมอปลายปีสุดท้ายทั้งคู่ อีกฝ่ายย้ายเข้ามาเรียนในเมืองตั้งแต่ตอนมอปลายปีแรกและมาอาศัยอยู่ที่บ้านเขาที่เปิดเป็นบ้านพักเล็กๆใกล้โรงเรียน

ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ใต้หลังคาเดียวกัน แต่น้อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการทักทายกัน อาจจะเพราะผมเองไม่ค่อยได้สุงสิงกับเขาเพราะมักจะอยู่ชมรมทุกเย็นเสมอ ส่วนเขาเป็นเด็กเรียนดี เลิกเรียนมักจะกลับบ้านไม่ได้แวะไหนเช่นผม

เราแตกต่างกันมากๆ และแม่ของผมมักจะมาบ่นว่าทำไมผมช่างเถลไถลแตกต่างจากจากลูกเช่าคนนี้เสียจริง


“จะไปเล่นเกมส์ ฝากบอกม๊าให้ด้วย”


ผมบอกอีกฝ่ายก่อนจะโกยของใส่กระเป๋า หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆและพบว่าเพื่อนร่วมชั้นกลับไปหมดแล้ว เหลือแค่ผมกับเขาที่อยู่ตรงนี้ ผมยักไหล่ก่อนจะยกเป้พาดไหล่และเดินผ่านไป ไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายที่กำลังจะอ้าปากพูดอะไรอีก



ผมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับบ้านมาช่วงสามทุ่มกว่าๆเพราะวันนี้ไปเล่นเกมส์แล้วดันแพ้ ถอดรองเท้าแบบชุ่ยๆและไม่ได้เก็บไว้บนชั้น เดินเสียงตึงตังจนม๊าตะโกนด่าไล่หลัง

หงุดหงิด

วันนี้ดวงไม่ดีเลยให้ตายเถอะ

ผมเสยผมยุ่งๆของตัวเองขึ้นก่อนจะเหลือบสายตาออกนอกหน้าต่าง บ้านเช่าหลังเล็กที่อยู่ตรงข้ามมีผู้อาศัยอยู่คนเดียวตอนนี้เพราะเมื่อวานก่อนเพิ่งมีคนย้ายออกไป แสงไฟที่ลอดออกมาเป็นเงาของคนนั่งอ่านหนังสือ มันเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้งที่ผมหันกลับไปมอง

เหอะ

ขยันเสียจริง

ผมข่มตาลงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปอาบน้ำ ก่อนจะชะงักได้ว่าเหมือนเมื่อเย็นจินวูทักผมแล้วเหมือนจะพูดอะไรต่อ ผมหันกลับไปที่หน้าต่างก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายออกมายืนที่ริมระเบียง ลมที่พัดหน่อยๆทำให้ผมสีอ่อนของเขาปลิว ดวงตากลมโตนั่นเหม่อมองท้องฟ้าที่คืนนี้ปลอดโปร่งมาก ผมชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่จะสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ



“อ้าว กลับมาแล้วหรอ” ผมอ่านปากอีกฝ่ายได้ความอย่างนั้นเพราะเสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเบา ผมยังมองก่อนจะเบือนหน้าหนี และเดินหลบฉากไป นานร่วมนาทีทีอีกฝ่ายไม่ได้ตอบมาก่อนจะได้ยินเสียงเลื่อนประตู แสดงว่าอีกฝ่ายเข้าห้องไปแล้ว ผมจึงยกมือกุมอกตัวเองก่อนจะพึมพำออกมา

เมื่อครู่ผมรู้สึกแปลกๆเพราะสบตากับเขา มันเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วจนผมพูดไม่ออก

ถึงอีกฝ่ายจะมาอยู่บ้านเช่าได้เป็นปีแล้วก็เถอะ แต่ไม่ชินก็คือไม่ชินอยู่ดี





“นี่ ซึงฮุน”

“ห๊ะ”


ผมเงยหน้าจากกองการบ้านเพราะว่าดองงานไว้เยอะ เลยกลายเป็นว่าต้องปั่นงานหัวหมุน แถมอาจารย์ยังขู่จะไม่มีสิทธิสอบ ความจริงเรื่องนี้ผมไม่ได้อะไรมากหรอกถ้าม๊าไม่รู้จากอาจารย์ประจำชั้นที่โทรไปรายงานจนสุดท้ายแว๊ดใส่ผมจนต้องมาหัวปั่นแบบนี้


“เราช่วยนะ”


“เขียนให้หมดเลยไหมหล่ะ”


ผมกวนประสาทกลับหลังจากก้มหน้าก้มตาเขียนต่อ มันมีประมาณสี่ห้าเล่มได้มั้ง ผมก็ไม่ได้นับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับเขาคุยกันมากขนาดนี้


“ได้สิ เดี๋ยวเราช่วยนะ”

“ตลกละ ใครอยากให้ช่วย”

ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปปัดนิ้วเรียวสวยที่กำลังตั้งท่าจะเปิดสมุด แต่อีกฝ่ายกลับไวกว่าดึงสมุดออกไปเฉย ผมเงยหน้าก่อนจะเข่นเคี้ยวด้วยอารมณ์ขุ่น จินวูยิ้มออกมา และนั่นมันทำให้ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าแล่นริ้วขึ้นมาอีกครั้ง

“น่า เดี๋ยวเราช่วย นายจะได้กลับบ้านเร็วๆบ้างไง”

“เหอะ ตะ...ตามใจ”


ผมพูดออกมาตะกุกตะกัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำงานทั้งที่สติเหมือนจะเลือนหายไปนิดหน่อย ได้ยินเสียงเก้าอี้ที่เลื่อนมาก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดกระเป๋าของตัวเอง ผมเหลือบตานิดหน่อยก่อนจะเห้นว่าอีกฝ่ายอมยิ้มเล็กๆจนลักยิ้มขึ้นมา

ผมเริ่มมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกเปลี่ยนไปนิดหน่อย

ปกติผมไม่ค่อยชอบพวกที่เรียนเก่งเพราะมักถูกเปรียบเทียบเสมอ

...แต่คนนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกมั้ง




“เฮ้ยซึงฮุน ไปเตะบอลกัน”

เสียงเพื่อนผู้ชายในห้องเรียกผมขณะที่กำลังนั่งคุยกับจินวูอยู่ จินวูชะงักเสียงหัวเราะก่อนจะเหลือบสายตามอง ผมหันไปตอบ

“ไม่ไปเว้ย ไปเล่นกันเลยๆ”

“เดี๋ยวนี้มึงติดแฟนจังวะ”

ผมกับจินวูชะงักเมื่อได้ยินประโยคบ่นๆของเพื่อนทีเดินออกไป ผมหันไปมองที่ประตูก่อนจะหันกลับมาและพบว่าอีกฝ่ายกำลังก้มหน้าและใบหูแดงขึ้นหน่อยๆ

“นี่เราเหมือนแฟนกันหรอจินวู”

ผมพูดออกมาก่อนที่จะเห็นว่าอีกฝ่ายฟุบหน้าลงกับโต๊ะมากกว่าเดิม

เอาตามตรงคือตั้งแต่วันนั้นเราสองคนก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เพราะผมก็ต้องทำงานส่งและเรียนให้ทันกับช่วงที่เสียไป  ม๊าผมเองมักจะชวนอีกฝ่ายมาทานข้าวด้วยกัน เราไปโรงเรียนพร้อมกันและหลายครั้งที่อีกฝ่ายต้องแบกงานมาทำคู่กับผมเสมอ เวลาเราอยู่ที่โรงเรียนผมกับเขาก็มักจะทานข้าวด้วยกันและเดินไปไหนมาไหนด้วยกันมากขึ้น ตกเย็นผมก็พาอีกฝ่ายไปเที่ยวเล่นบ้างตามประสา แต่ก็ไม่ได้เถลไถลแต่อย่างใด

นั่นไง ไม่เห็นจะเหมือนแฟน....

เอ๊ะ

ผมเริ่มเอะใจตัวเองก่อนจะมองคนตรงหน้า เสียงพึมพำดังออกมาให้ผมได้ยินชัดเจน

“ก็มีแต่ซึงฮุนนั่นแหละที่ดูไม่ออก”

ผมว่าผมหูฝาด....

จินวูเงยหน้าขึ้นมองผม ก่อนที่จะเอานิ้วชี้จิ้มที่อกข้างซ้ายเบาๆและเบือนหน้าหนี

“เราชอบซึงฮุน...ชอบตั้งแต่ย้ายมาแล้ว”

“ห๊ะ”

“โอ้ย เราไม่พูดแล้ว”

จินวูลุกขึ้นก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายและเดินออกไป ผมร้องออกมาด้วยความเหวอ

นี่ผมถูกสารภาพรักหรอ

เดี๋ยวนะ

ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าไง ยอมรับว่าผมทึ่มในเรื่องนี้ แต่ชอบผมหรอ...ชอบผมเนี่ยนะ

ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ตัวก็แค่นั้นแต่ทำไมไวจังวะ ได้แต่ยีหัวก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเอาจักรยานออกจากที่ล็อก ผมรีบเดินไปก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่าย จินวูเหวอจนเผลอปล่อยรถล้ม

“นะ...นาย” ผมเริ่มอย่างตะกุกตะกัก ให้ตาย ผมไม่เคยเจอแบบนี้

“เราเข้าใจ ซึงฮุนไม่ต้องตอบเราหรอก”

“มะ ไม่”

จินวูเอียงคอด้วยความสงสัย โอ้ย หัวใจผม มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย

เหมือนมีกระแสไฟแล่นอีกแล้ว

ผมคว้าอีกฝ่ายดึงมากอดจนจมอก หัวใจเต้นรัวยิ่งกว่าตอนผมเล่นกีฬาในคาบพละเสียอีก สัมผลัสได้ถึงความร้อนของคนในอ้อมกอดก่อนจะพบว่าอีกฝ่ายยกมือขึ้นคล้องที่เอวผมหลวมๆเช่นกัน

“ฉันไม่รู้อะไรด้วยแล้ว”

ผมพูดออกมาก่อนจะเงยหน้า

“นายทำให้ฉันจะเป็นบ้า นี่ร่างกายฉันเป็นอะไรเนี่ย”

ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากในอ้อมกอด ก่อนเสียงตอบจะดังอู้อี้ออกมาพร้อมที่จินวูกอดแน่นขึ้น

“ซึงฮุนใจเต้นแรงจัง เพราะเราใช่ไหม”

“มะ..ไม่รู้เว้ย”

“เป็นกับเราคนเดียวใช่ไหม ซึงฮุนใจเต้นแรงกับเราคนเดียวใช่ไหม”

“...”

ผมไม่ได้ตอบอะไร พอมาลองคิดดูมันก็จริงแบบที่อีกฝ่ายพูดออกมาทุกอย่าง

“ซึงฮุน เรารักซึงฮุนนะ”

ประโยคที่ไม่คาดคิดดังออกมาจากอีกฝ่าย ผมยืนนิ่งพูดไม่ออกเพราะเกิดมาไม่เคยเจออะไรแบบนี้สักที

ผมไม่รู้จะตอบยังไงเลยทำได้แค่จับมืออีกฝ่ายให้วางที่ตำแหน่งหัวใจที่ตอนนี้เต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง เบือนหน้าหนีอีกรอบก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะน้อยๆ

“ซึงฮุนยังไม่ต้องตอบเราตอนนี้ก็ได้ แต่เราถือว่าที่ซึงฮุนไม่รังเกียจเรา แสดงว่าซึงฮุนตกลงนะ”

“อะ..อืม”




ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมันคืออะไร เพราะผมยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจมัน


แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจที่มันเกิดขึ้น


เพราะช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือการที่ผมได้เข้าใจคำว่ารักกับใครสักคน


และมันพิเศษมากเมื่อคนคนนั้นคือคิมจินวู



แม้จุดเริ่มต้นระหว่างผมกับเขาจะไม่สวยงามเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือเราได้จับมือไปด้วยกันนั่นเอง


ผมหวังว่าใครสักคนที่ได้อ่านเรื่องราวนี้คงจะมองอีกมุมของความรู้สึกทีมีแก่กันและกัน



และมอบความรักแก่ใครสักคนโดยที่ไม่รอให้อะไรมากำหนด

 เพราะทุกสิ่งเราเป็นคนกำหนดมันเอง


-------------

-Special Project for Birthday-



#ImjadoPrinceIs26


#ALLBBHN

1 ความคิดเห็น:

  1. โง้ย... พี่ฮุนคนซึน ..
    ชอบตอนกอดจมอกมากค่ะ นึกตามแล้วแบบ �� เขินจุง
    ขอบคุณสำหรับฟิควันเกิดพี่แป๋วนะคะ^^

    ตอบลบ