BABYHOONIE

BABYHOONIE

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] Kang Seungyoon x Song Minho : RED




[OS] Kang Seungyoon x Song Minho

Story : RED


นิยามสีสำหรับความรักของคุณคือสีอะไร

มันจำเป็นไหมที่เวลาคนเรามีความรัก มักมองอะไรเป็นสีชมพู

ไม่

มันใช้ไม่ได้สำหรับผม




วันนี้มินโฮกับซึงยุนมาเที่ยวด้วยกัน

ใช่

เขาสองคนเป็นคนรักกัน

มินโฮรักซึงยุน

ซึงยุนเองก็รักมินโฮ

แต่ความรักของเขากับซึงยุนไม่ได้หวานละมุนละไมอะไรขนาดนั้นแม้แต่น้อย


“มินโฮ ความรักระหว่างเรานี่สีอะไรหรอ” จู่ๆซึงยุนก็เอ่ยคำถามนี้ขึ้นมาขณะที่เราถึงที่พักที่ตกลงกันไว้ เพราะทั้งมินโฮและซึงยุนต่างทำงานทั้งคู่ เวลาอยู่ด้วยกันจึงไม่ค่อยมีเนื่องจากตารางงานที่ไม่ตรงกันเท่าที่ควร

มินโฮไม่ได้ตอบคำถามซึงยุน เพราะอีกฝ่ายดูจะไม่ได้สนใจคำตอบมากกว่าที่สนใจภาพวาดของมินโฮที่ให้อีกฝ่ายดูในโทรศัพท์

“นายเอาคำถามนี้มาถามฉันหรอซึงยุน มาแปลกนะ จู่ๆก็ถามกัน”

“ผมมองว่าความรักของเราเป็นสีแดงหล่ะ”

“หืม ทำไมหล่ะ”

มินโฮเดินมานั่งข้างซึงยุนหลังจากนำกระเป๋าไปไว้ที่ห้องพัก สายตาของซึงยุนไม่ได้ละจากมือถือเช่นเคย

“ผมแค่รู้สึกอย่างนั้น แค่นั้นเอง”

ซึงยุนตอบ

มินโฮไม่เข้าใจสิ่งที่ซึงยุนต้องการจะสื่อเท่าไรนัก ก่อนที่มินโฮจะพาอีกฝ่ายออกไปเที่ยว เพราะนานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้เวลาร่วมกัน

มันนาน...นานจนเกือบลืมความเป็นจริงระหว่างมินโฮและซึงยุน


มินโฮพาอีกฝ่ายมาที่ชายทะเล

อากาศที่ร้อนจัดไม่ได้ทำให้ซึงยุนรู้สึกว่าเป็นปัญหาแม้แต่น้อย มินโฮมองซึงยุนที่ยิ้มกว้างในขณะที่มือยังกุมกันแน่น ความตื่นเต้นของคนข้างกายมีมากมายจนมินโฮต้องคอยระวังไม่ให้อีกฝ่ายพลัดหลงกับตนเอง

“นั่งรออยู่นี่ เข้าใจไหมซึงยุน” กำชับกับอีกฝ่ายราวกับตักเตือนเด็กน้อย อีกฝ่ายยู่ปากก่อนยกมือถือขึ้นเล่นฆ่าเวลา

มินโฮเดินไปร้านค้าเพื่อหาอะไรมาให้ซึงยุนทาน อมยิ้มออกมาเมื่อเห็นสิ่งที่คนรักชื่นชอบก่อนหยิบมันมาจำนวนหนึ่ง เดินไปเพื่อจ่ายเงินก่อนจะหันไปมองตำแหน่งที่คนรักรออยู่

แต่มันว่างเปล่า

มินโฮมองไม่เห็นอะไรเลยแม้แต่น้อย

จิตใจที่เคยเรียบนิ่งกลับว้าวุ่นขึ้นมาเมื่อไม่เห็นว่าซึงยุนอยู่ตรงนั้น ทั้งที่กำชับเสียดิบดี

มินโฮรับเงินทอนก่อนจะรีบเดินออกมา มองซ้ายขวากลับไม่พบคนที่มาด้วยกันแม้แต่น้อย

มินโฮโทรหาอีกฝ่าย กลับไม่มีการตอบรับยิ่งทำให้กังวล

ก่อนที่มินโฮจะนึกอะไรบางอย่างได้

เขาลืมไปได้อย่างไงว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นคนที่ชอบอะไรเรียบง่ายขนาดนั้น




มินโฮลากอีกฝ่ายกลับมาที่พัก

อารมณ์ฉุนเฉียวถูกแสดงออกผ่านมือหนาที่ตอนนี้กำข้อมืออีกฝ่ายแน่น

ซึงยุนลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำเช่นนั้น หัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างรุนแรง

เพราะสิ่งที่ซึงยุนชอบมากที่สุดคือการที่เห็นอีกฝ่ายโมโห

อารมณ์มินโฮพุ่งสูงมากเท่าไร แสดงว่ามินโฮเองรักเขามากเท่านั้น

มินโฮเหวี่ยงอีกฝ่ายบนที่นอนกว้าง

“ทำไมถึงปล่อยให้ไอ้นั่นมันลวนลามนาย ตอบสิซึงยุน”

“ก็เปล่า โอ้ย” มินโฮผลักอีกฝ่ายก่อนกระชากคอเสื้อซึงยุนเต็มแรง ร่องรอยแดงที่ปรากฏบนไหล่อีกฝ่ายยิ่งทำให้มินโฮโมโหจัด

มินโฮบีบแก้มซึงยุนเต็มแรง ก่อนที่จะก้มบดขยี้ริมฝีปากจนรสเลือดคละคลุ้งออกมา

รสรักรุนแรงทำให้ซึงยุนแทบบ้า

มินโอกดหน้าอีกฝ่ายจนติดผืนเตียง จับสะโพกตั้งฉากเด่นก่อนมือใหญ่จะฟาดไปเต็มแรง

"ชอบให้ฉันหึงมากใช่ไหมซึงยุน"มินโฮกัดฟันพูด "จะทำอีกไหม"

"อึก ไม่รู้" ซึงยุนพูดด้วยน้ำเสียงติดขัด เขาชอบ ชอบเหลือเกินเวลาอีกฝ่ายหึงจนหน้ามืดตามัวขนาดนี้

ซึงยุนเป็นโรคเสพติดมินโฮ มินโฮก็เป็นโรคเสพติดซึงยุน

เราต่างเสพติดกันและกัน

"ฉันจะทำให้นายรู้ว่าตัวเองเป็นของใคร ซึงยุน"

"อึก" มินโฮเอื้อมมือมาก่อนจะสอดนิัวควานในปากอย่างรุนแรง ซึงยุนแทบสำสักออกมา มืออีกข้างของมินโฮตีสะโพกจนรู้สึกแสบไปหมด

น้ำสีใสไหลเยิ้มตามง่ามนิ้วมือใหญ่ หนืดเป็นสายออกมาขณะที่มินโฮเอามืออกจากปาก

"อ่ะ อ๊าาาาา"ซึงยุนกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่อรู้สึกถึงการรุนรานทางด้านหลัง มินโฮยิ้มสะใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางกรีดร้องของคนใต้ร่าง ทั้งตัวของอีกฝ่ายแดงก่ำ ริมฝีปากอวบแดงอ้าค้าง

มินโฮนำความฉ่ำเยิ้มของนิ้วกลางใส่ที่ช่องทางสีสดทีเดียวจนมิดโดยไม่ปราณี กระแทกนิ้วสุดความยาวก่อนดึงออกและใส่เต็มแรงอีกครั้ง

ซึงยุนสบถคำหยาบออกมาด้วยความสุขสมกับความเจ็บปวด

มินโฮรู้ว่าอีกฝ่ายชอบถูกทำรุนแรงเลยพยายามหาวิธีสารพัดมาเพื่อยั่วโมโหตัวเอง จะว่าซึงยุนเป็นโรคจิตก็ได้ แต่เขาคงโรคจิตกว่าที่ตอบสนองความต้องการของคนรักแบบถึงใจพอกัน

"จะทำอีกไหมห๊ะซึงยุน" มินโฮแนบหลังซึงยุนก่อนจะกัดไหล่เนียน ความนุ่มนิ่มและกลิ่นกายเฉพาะทำให้มินโฮฟิวส์แทบขาดทุกครั้ง ซึงยุนชันแขนขึ้นมาอยู่ท่าคลาน ร้องครวญครางออกมาเสียงดัง

"ไม่ตอบหรอ" มินโฮดึงนิ้วออกก่อนจะใส่ทีเดียวสามนิ้ว ซึงยุนอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างก่อนจะร้องออกมาเสียงหลง

ช่องทางสีสดแทบฉีกขาด มินโฮมองคนตรงหน้าที่ดูจะมีความสุข ควานวนก่อนกดจุดกระสันเต็มแรง ซึงยุนกระตุกไปทั้งกาย ตัวสั่นเทิ้มก่อนที่จะปลดปล่อยออกมา น้ำสีขาวขุ่นฉีดพ่นรุนแรงจนเปรอะที่นอนสีดำเป็นคราบวงกว้าง

"ที่นอนเลอะหมดแล้ว นายต้องรับผิดชอบ"



ค่ำคืนที่ร้อนแรงผ่านไป แต่บทรักที่มินโฮมอบให้ซึงยุนไม่ได้จบตาม

กลิ่นคาวจากร่างกายคนสองคนที่ยังเสียดสีและตอบรับคละคลุ้ง

เหมือนความโกรธ ความโมโหจากการที่ถูกอีกฝ่ายทำให้รู้สึกเสียใจจะหมดไป เหลือเพียงตัณหาและกายหยาบที่ยังคงเป็นแบบนี้

มินโฮครางฮืมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ความอุ่นร้อนจะถูกฉีดพ่นใส่ในช่องทางหลังที่เหนอะหนะของซึงยุน

เสียงหอบกระเซ่ายังคงดังอยู่ หลังผ่านมรสุมอารมณ์ที่แทบจะแผดเผาทั้งสองร่าง

มินโฮมองคนบนตักที่สลบคาอกไปแล้ว ค่อยๆถอนกายออกแผ่วเบาก่อนจะพาไปอาบน้ำ

เขาคิดว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ซึงยุนต้องการจะสื่อเมื่อวานแล้ว

สีแดงแสดงถึงความร้อนแรง อารมณ์ปรารถนา ความต้องการที่รุนแรง

มินโฮเองก็คิดว่าความรักของเขากับซึงยุนเองคงเป็นแบบนั้นเช่นกัน

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

[OS] LEE SEUNGHOON X SONG MINHO : Forever

[OS] LEE SEUNGHOON X SONG MINHO
Story : Forever






"ถ้าอย่างนั้นผมขอมติตามนั้นแล้วกัน ปิดการประชุมได้" เสียงติดจะนิ่งเอ่ยออกมาก่อนที่จะได้รับการปรบมือ มติที่เป็นเอกฉันท์และแผนกลยุทธ์ดีจนฝ่ายบริหารของบริษัทอดชื่นชมไม่ได้

อีซึงฮุนนอนแผ่บนเก้าอี้ด้วยความอ่อนล้าหลังจากที่ทุกคนออกไปหมด

ปลดเนคไทค์ออกด้วยความอึดอัดก่อนจะเสยผมเล็กน้อย ลุกขึ้นเพื่อเดินออกไปยังห้องพักของตนเองที่เชื่อมต่อกับห้องประชุม

'อีซึงฮุน' ขึ้นเป็นหัวหน้าบริษัทตั้งแต่เรียนจบ ความไฟแรงของบัณฑิต ที่มีเจตนาเพื่อสานต่อกิจการครอบครัวไม่เคยทำให้ผู้เป็นบิดาที่ตัดสินใจให้ลูกชายคนนี้สืบทอดต้องผิดหวัง

อีซึงฮุนทำให้บริษัทก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เป็นแนวหน้าอันดับต้นๆแล้ว

โปรไฟล์งาน ถือว่าดีเด่น ธุรกิจก้าวหน้ามากจากการวางแผนที่ชาญฉลาด รู้จักวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมและยืดหยุ่นทำให้เป็นที่พึงพอใจ ไม่รวมถึงความเฉียบขาดในการตัดสินใจที่ต่างเป็นที่เล่าขานในเครือเดียวกัน

หน้าตา ถือว่ามีเสน่ห์ ด้วยความเป็นคนสุขุมแถมให้เกียรติผู้อื่น ทำให้มีผู้คนชมชอบมากมาย โดยเฉพาะคู่ค้าสาวๆต่างติดกันเต็ม

ชื่อเสียงของประธานอีต่างเป็นที่เลื่องลือ หลายนิตยสารเคยติดต่อสัมภาษณ์รวมทั้งให้ถ่ายแบบบ้าง แต่ซึงฮุนก็ไม่ได้ตอบรับทั้งหมด เพราะเขาเองยังรักความเป็นส่วนตัวมากกว่าจะเลือกเป็นคนดัง

เช็คตารางงานก่อนอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นว่าวันนี้เป็นวันศุกร์

ต่อให้เขาจะชอบทำงานขนาดไหน แต่ทุกคนย่อมดีใจกับการเห็นวันหยุดสุดสัปดาห์เสมอ ถึงการเป็นหัวหน้างานจะไม่มีคำว่าหยุดพักก็ตาม ยกหูโทรศัพท์ที่เชื่อมต่อไปถึงเลขาก่อนบอกสิ่งที่ต้องการไป

"ผมต้องการคนขับรถพาไปที่ที่หนึ่ง ช่วยจัดหาให้ผมด้วย"

ลอบยิ้มเมื่อพูดเสร็จ นึกถึงสิ่งที่เขารอคอยในวันศุกร์แบบนี้ก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดร่างกายเพื่อไล่ความเมื่อยขบไปทั้งตัวก่อนจะเดินออกจากห้องด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้น ทักทายพนักงานที่ยังไม่กลับก่อนที่จะพบคนขับรถที่ยืนยิ้มรออยู่

"ไปที่เดิมนะ"



ซึงฮุนมาหยุดที่หน้าร้านบาร์กึ่งผับแห่งหนึ่ง

ใครว่านักธุรกิจจำเป็นต้องจับเจ่าถือปากกาเซ็นเอกสารอย่างเดียว บางทีเปลี่ยนเป็นถือแก้วเหล้าบ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน

ซึงฮุนยิ้มให้การ์ดที่เฝ้าร้านด้วยความคุ้นเคย

ใช่

เขามาที่นี่ทุกสัปดาห์ในวันศุกร์ ไม่ใช่ว่าซึงฮุนจะเป็นคนที่ชมชอบในการดื่มสุรา แต่ซึงฮุนเป็นคนชอบที่จะฟังเพลงมากกว่า

และคนที่ทำให้เขาเสพติดการฟังเพลงอยู่ที่นี่

"อ้าว สวัสดีซึงฮุน วันนี้เลิกงานเร็วหรอ" คิมจินวู เจ้าของร้านที่ประจำอยู่ที่บาร์เอ่ยทักลูกค้าที่คุ้นเคย เขาค่อนข้างสนิทกันเพราะครั้งหนึ่งที่เจ้าของร้านหน้าสวยคนนี้เดือดร้อนจากการถูกรุกรานที่ ซึงฮุนเคยยื่นมือมาช่วยเหลือ ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาได้มิตรที่ดีมาเพิ่มอีกหนึ่งคน "เอาเหมือนเดิมไหม เดียวไปเสิร์ฟ ไปนั่งที่เดิมเลย ฉันจองไว้ให้แล้วหล่ะ"

"ขอบคุณครับ" ซึงฮุนยกยิ้มเมื่ออีกฝ่ายดูจะรู้ใจโดยไม่ต้องบอกอะไรมากมาย ซึงฮุนเดินไปที่โต๊ะนั่งวีไอพี่ที่อยู่ในมุมมืดหน่อย เขาชอบความเป็นส่วนตัวเลยเลือกที่นั่งนี้ นั่นเป็นเหตุผลรอง แต่เหตุผลหลักจริงๆนะหรอ...


พรึบ

นั่งได้เพียงครู่ไฟบนเวทีก็ดับลง

...คงเพราะตรงที่อีซึงฮุนนั่งเป็นที่ที่เห็นเวทีชัดสุดต่างหากหล่ะ

เสียงเกากีต้าร์เป็นเพลงจังหวะเบาๆเปิดก่อนจะมีเสียงร้องออกมา

ซึงฮุนมาเพื่อดูการแสดง...ไม่สิ คนแสดงต่างหาก

และเวลาที่รอคอยก็มาถึงเมื่อเสียงร้องนุ่มๆเปลี่ยนเป็นแรป เสียงทุ้มต่ำยังคงสะกดหัวใจของอีซึงฮุนเสียอยู่หมัด

 อา...เขาชอบเสียงนี้ ถ้าหากได้คุยกันคงดีไม่น้อย

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่อีซึงฮุนรู้สึกชอบ มันเป็นหลายๆครั้งที่เขาได้ฟัง อีกคนมาร้องเพลงที่นี่ประจำแต่เขากลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม

"นี่คุณครับ" ซึงฮุนเรียกบริกรที่ยืนประจำตำแหน่งใกล้ๆก่อนจะเอ่ยถาม "รู้ไหมว่าคนที่เขาแรปอยู่บนเวทีชื่ออะไร"

ในเมื่อรู้สึกถูกใจมานาน การได้รู้ชื่ออีกฝ่ายสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร

"ออ ชื่อมินโฮครับ ซงมินโฮ"

อีซึงฮุนยิ้มก่อนให้ทิปอีกฝ่ายไป

เขาได้รู้จักชื่ออีกฝ่ายแล้ว

"ซงมินโฮงั้นหรอ...."

พูดออกมาก่อนจะยกยิ้มมองไปทางซงมินโฮที่วันนี้ใส่เชิ้ตสีขาวผ่ากระดุมหน้าคลุมทับเสื้อกล้ามสีขาวไว้ กางเกงยีนส์สีดำขาดๆ แม้เป็นอย่างนั้นแต่คนตรงกลับดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าคมมีรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นทำให้คนมองอย่างซึงฮุนมีแรงผลักดันบางอย่าง น่าแปลกแต่กลับเป็นเรื่องจริงที่ทุกสิ่งทุกอย่างของบุคคลบนเวทีทำให้หัวใจที่ถูกปิดตายมานานของอีซึงฮุนถูกกระตุ้นด้วยซงมินโฮ มันกลับมาทำหน้าที่เต้นแรงแทบบ้าอีกครั้ง

อีซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะปรบมือเมื่อการแสดงบนเวทีจบลง ลุกขึ้นยืนก่อนสาวเท้าไปที่บาร์

"คุณคิมจินวูครับ" อีซึงฮุนเรียกเจ้าของร้านหลังจากเดินมาถึงที่

"ว่าไงหล่ะซึงฮุน" คนหน้าสวยตอบรับพร้อมรอยยิ้มเมื่ออีกฝ่ายเรียก

"ผมอยากรู้จักซงมินโฮ ช่วยแนะนำเขาเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ...."





อีซึงฮุนนั่งใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่ในห้องวีไอพี เขายังจำสายตาของคิมจินวูที่ดูเคลือบแคลงได้อยู่

“ซึงฮุน ก็ได้อยู่หรอก แต่....”

“ผมชอบการร้องของเขาครับ เลยอยากรู้จักเฉยๆ”

“ถ้าว่าอย่างนั้นก็แล้วไป เดียวไปรอที่ห้องพักละกัน เดียวจะลองติดต่อให้”




เหลือบดูนาฬิกาก่อนจะหันไปมองประตูที่ถูกเปิดเต็มแรง

เป็นซงมินโฮที่เดินเข้ามา ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะนั่งตรงข้ามกัน

“คุณเรียกผมมาหรอ”

“ออ ใช่ ผมเรียกคุณมานี่แหละ” ซึงฮุนลุกขึ้นนั่งหลังตรง “ผมชื่อซึงฮุนนะ อีซึงฮุน”

“ครับ?”

“คือผม....”

“คือคุณต้องการอะไรจากผมหรอ ขอโทษนะที่ผมไม่ใช่ผู้ชายอย่างว่า”

“ห๊ะ?” อีซึงฮุนทำหน้าตกใจ เขามองไปทางซงมินโฮที่ทำหน้าเคร่งเครียดจริงจัง ก่อนที่จะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับสถานการณ์ที่ถูกเรียกมาเช่นนี้ “เข้าใจผิดแล้วหล่ะคุณมินโฮ ผมไม่ได้เรียกมาแบบนั้น”

“อ้าว”

“ผมเป็นแฟนเพลงคุณหน่ะ เลยอยากทำความรู้จัก”

ซงมินโฮทำหน้าเหวอออกมาจริงจัง ใบหน้าคมเข้มแปรเปลี่ยนเป็นแดงฝาดขึ้นมาทันที ท่าทีที่ดูดุเมื่อครู่อ่อนลงก่อนที่จะค้อมหัวขอโทษอีซึงฮุนเป็นการใหญ่ อีซึงฮุนหัวเราะกับท่าทีนั้นก่อนจะยกมือขึ้นห้ามเป็นเชิงไม่เป็นไร

“ผมขอโทษนะที่เข้าใจผิด คือว่า...”

“ผมโอเคๆ ไม่เป็นไรครับ ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปเถอะเนาะ”ซึงฮุนส่งยิ้มตาปิดให้อีกฝ่ายก่อนจะนั่งลง ซงมินโฮทำท่าเงอะงะจนต้องหลุดขำออกมาอีกครั้งเบาๆ

“ขำอะไรอ่ะคุณ ผมไม่ได้ตั้งใจนี่”

“เปล่าครับ เปล่า คุณตอนอยู่บนเวทีเท่มากเลย แต่พอลงจากเวทีคุณดูเป็นคนละคนแค่นั้นเอง”

ซึงฮุนมองอีกฝ่ายที่พูดแบบกระเง้ากระหงอด สีหน้าท่าทางที่แสดงมาไม่ได้ดูเหมือนผู้หญิง เพียงแต่มันดูน่ารักเกินไปจนทำให้ความมาดแมนที่เขาเห็นตอนแรกหายไป ชวนพูดคุยด้วยท่าทีเป็นมิตรก่อนที่ซึงฮุนจะค้นพบอะไรต่างๆมากมาย

ซงมินโฮเป็นคนที่ดูแมนๆ แต่การกระทำ คำพูดคำจา รวมทั้งสิ่งที่ชอบต่างๆกลับดูอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ






พูดคุยทั้งที่เขินอายกันทั้งสองฝ่าย กว่าจะรู้ตัวเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

"อ่า ผมทำคุณเสียเวลาน่าดู". อีซึงฮุนเกาหัวก่อนพูดออกมาเมื่อเห็นเวลาค่อนข้างดึก อดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้ "คุณมินโฮกลับบ้านอย่างไงครับ"

"ขึ้นรถเมล์กลับครับ เอ่อ คุณซึงฮุน" ซงมินโฮเรียกอีกฝ่ายก่อนที่อีซึงฮุนจะหยุดเดิน "คือว่าแทนตัวคุณมันแปลกๆ ถ้ายังไงเลิกพูดแบบทางการก็ได้นะครับ ผมไม่ถือเรื่องแบบนี้"

ซึงฮุนเลิกคิ้วก่อนหัวเราะออกมา

"ถ้าอย่างงั้น ผมขอเรียกว่ามินโฮนะ คุณ...ไม่สิ มินโฮก็ไม่ต้องทางการหรอก เรียกผมว่าพี่ซึงฮุนก็ได้ โอเคนะครับ"

"ก็ได้ครับ"

"ไหนลองเรียกพี่ให้ฟังหน่อย" อีซึงฮุนพูดออกมายิ้มๆ ตอนนี้พวกเขาสองคนเดินมาจนถึงรถของซึงฮุนแล้ว คนขับรถรออยู่ ซงมินโฮกระอึกกระอักเล็กน้อยยิ่งดูน่ารัก "เอ้าเร็วๆสิมินโฮ ผมรออยู่นะ"

"พะ .."

"อายหรอ หน้าแดงแล้ว"

"ยะ ย่าห์!!! คุณซึงฮุน"

"พี่สิ" ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ยกยิ้มทั้งที่ปกติซึงฮุนไม่ใช่คนที่ยิ้มง่ายขนาดนั้น "พี่ซึงฮุนของน้องมินโฮไง"

"หยุดเลยๆๆ นี่สาบานว่าไม่ได้จีบผมหน่ะ" ซงมินโฮปราม แต่ประโยคหลังพูดเหมือนบ่นกับตัวเอง อีซึงฮุนยิ้มออกมาเพราะได้ยินประโยคนั้น

"ผมไม่ได้จีบมินโฮ ในตอนนี้อ่ะนะ"

ซงมินโฮอ้าปากค้างน้อยๆ ก่อนใบหน้าจะเปลี่ยนสีหลังจากรู้ความหมายที่อีกฝ่ายแฝงมา เบือนหน้าหนีก่อนผลักอีซึงฮุน

"ขึ้นรถไปเลย"

อีซึงฮุนหัวเราะออกมาก่อนจะหยิบกระดาษและปากกาออกมาส่งให้มินโฮก่อนยกยิ้ม

"ถ้ามินโฮไม่รังเกียจ ผมขอคาทกได้ไหม"

"เอาจริงหรอ"

"ครับ เอาจริงสิ"

มินโฮเขียนลงแบบมึนๆก่อนส่งคืนซึงฮุน ซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะเปิดประตูรถ

"ผมไปส่งไหม"

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองได้นะ ขอบคุณนะครับ" ยิ้มก่อนปฏิเสธด้วยความนุ่มนวล “กลับระวังๆหล่ะพี่ซึงฮุน อย่าลืมคาทกมาหล่ะ”

มินโฮเอ่ยออกมายิ้มๆก่อนจะรีบเดินหนีไป ทิ้งให้ซึงฮุนยิ้มค้างอยู่อย่างนั้นแทน


หลังจากวันนั้นกลายเป็นว่าทุกๆวันของซึงฮุนมีความหมายมากขึ้นกว่าทุกครั้ง

พนักงานในบริษัทต่างแปลกใจที่เดียวนี้เห็นประธานอีเริ่มยิ้มมากขึ้น แม้ในเวลางานหรือการประชุมจะยังฉียบขาด แต่คงมีเพียงออร่าที่ละมุนขึ้นเป็นตัวตอบคำถามได้ดีว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกับประธานที่แสนเพอร์เฟคของพวกเขา

“คุณอีซึงฮุนดูอารมณ์ดีจังค่ะ มีความรักหรอ” เลขาสาวหน้าห้องเอ่ยขึ้นก่อนจะอมยิ้ม อีซึงฮุนหันไปมองก่อนยกยิ้มเบาๆ

“ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยหรอครับคุณปาร์ค”

“แหม่ ข่าวลือสะพัดขนาดนี้ อยากรู้จังว่าใครเป็นคนพิเศษของท่านประธานกัน เห็นร้อยวันพันปีไม่เคยอินเลิฟได้ขนาดนี้” อีซึงฮุนยิ้มรับกับคำกล่าวนั้นก่อนจะรับแฟ้มรายละเอียดการประชุมมาอ่านต่อ ตัวเขาเองก็ใช่ว่าไม่รู้เลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปขนาดไหน มองนาฬิกาก่อนบอกเลขาคนสนิทไว้

“คุณปาร์ค วันนี้ผมจะออกไปทำธุระตอนบ่ายนะ มีนัดหน่ะ”

“นัด? แต่วันนี้คุณซึงฮุนมีสัมภาษณ์กับนิตยสารตอนบ่ายสองนะคะ แล้วเหมือนตารางต่อจากนั้นต้องถ่ายแบบด้วย”

“งั้นหรอ” ซึงฮุนทำท่าคิดก่อนยกยิ้มออกมาเมื่อนึกได้ “ได้ ผมไปตามนั้น แต่ว่า....”

“คะ?”

“ช่วยบอกเขาด้วยว่าผมมีนายแบบถ่ายเป็นเพื่อนด้วยอีกคนนะครับ”



“พี่ซึงฮุนพูดว่าอะไรนะ....” มินโฮถือช้อนที่กำลังตักข้าวต้มหมูค้างไว้นิ่งเมื่อได้ยินสิ่งที่อีซึงฮุนพูด

“มินโฮกำลังลำบากอยู่ไม่ใช่หรอ  ผมเลยมาขอร้องมินโฮหน่ะ” อีซึงฮุนปลดไทค์ออกเล็กน้อยก่อนเริ่มลงมือทานบ้าง วันนี้เขานัดทานอาหารกลางวันด้วยกันกับมินโฮ หลังจากนัดแนะกันมาหลายครั้ง ใครจะคิดว่าประธานอีที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงจะมาทานร้านข้างทางแบบนี้กัน ตอนแรกมินโฮยังตกใจเลย แต่พอนึกได้ว่าตนเองเคยพูดกับอีกฝ่ายไว้ว่าชอบที่จะทานแบบนี้ก็ได้แต่อมยิ้มที่อีกฝ่ายยังจำได้ แถมพามาร้านอร่อยอีกด้วย

“แต่ผมขี้อายนะ แล้วก็หน้าตาไม่ดีด้วย” มินโฮบ่นงุบงิบในขณะที่ปากคาบกุยช่าย ซึงฮุนหัวเราะก่อนจะหยิบทิชชู่เช็ดคราบข้าวต้มที่ติดตรงแก้มออก  มินโฮนิ่งก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มมีเลือดฝาดอีกครั้ง

“มินโฮไม่ได้หน้าตาไม่ดีซักหน่อย เอาตามจริงน่ารักมากเลย” ส่งสายตากรุ้มกริ่มให้อีกคนหลบสายตา “โดยเฉพาะเวลามินโฮเขินอ่ะ”

“พี่ซึงฮุน หยุดแซวผมเลยนะ แล้วมันเพราะใครกันเล่า” บ่นก่อนจะเริ่มทานอีกครั้ง ซึงฮุนแค่อมยิ้มก่อนจะเริ่มทานต่อบ้าง บรรยากาศอบอุ่นแบบเรียบง่ายเกิดขึ้นรอบตัวซึงฮุนและมินโฮช้าๆ ความรู้สึกดีจากวันนั้นจนถึงวันนี้ทำให้ผ่อนคลาย

“นี่ มินโฮอา”

“หือ”

“ลำบากใจหรือเปล่าที่ผมขอร้องแบบนี้” ซึงฮุนท้าวคางมองคนตรงข้ามนิ่งๆ มินโฮชะงักกับสายตานั้นก่อนจะหลบตา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มินโฮไม่กล้าสบตาตี่เล็กอีกฝ่ายตรงๆสักที

มันดูซุกซน เจ้าเล่ห์ และทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

“มะ...ไม่หรอกน่า พี่ทำเพราะว่าอยากช่วยผม แต่คราวหน้าไม่เอาแล้วนะ เอาครั้งนี้ครั้งเดียวเข้าใจไหม” หันไปตอบเสียงดุใส่อีกฝ่ายก่อนจะเบือนหน้าหนี ท่าทางน่ารักนั่นอยู่ในสายตาซึงฮุนจนอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปยีหัวอีกฝ่ายเล่น

“ขอบคุณครับ เดี๋ยวไปกันเลยไหม อิ่มหรือยัง เอาอะไรเพิ่มอีกไหม”

“ไม่เอาแล้ว เดียวผมเลี้ยงเองรอบนี้อ่ะ”

“ไม่เอาน่า มินโฮ คิดซะว่าค่าจ้าง โอเคไหม”

“หารสอง ไม่งั้นผมโกรธ”

ซึงฮุนเงียบก่อนจะหัวเราะออกมาจริงจัง ในชีวิตที่เขาเกิดมาไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนจริงๆ เพราะปกติเขามักต้องเป็นฝ่ายออกเงินเสมอ พอได้เจอมินโฮ เขากลับต้องทะเลาะกันเล็กน้อยทุกครั้งเรื่องใครจะเป็นคนจ่าย

มินโฮเหมือนสีสันแปลกใหม่สำหรับซึงฮุน

และนั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากขอบคุณคนตรงหน้าเสมอที่ยอมเปิดใจให้เขาได้พูดคุยกันมามากขนาดนี้ ถึงแม้ความรู้สึกของซึงฮุนจะชัดเจนมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็อยากจะรอเพื่อให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน หากมินโฮไม่เอ่ยออกมาเขาก็ไม่สมควรทำลายความสัมพันธ์ดีๆนี้ลงไป

แม้จะเจ็บปวดที่ไม่สามารถครอบครองอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง แต่การเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายก็ถือว่าดีเกินพอแล้ว

วันนี้ซึงฮุนขับรถมาเอง เขาไม่ต้องการให้คนขับรถมาสร้างความอึดอัดกับอีกฝ่ายเพราะรอบที่แล้วมินโฮนั่งเกร็งเสียจนไม่กล้าขยับตัวไปทางไหน จะว่าน่าเอ็นดูก็ไม่ผิดเพราะมินโฮไม่ใช่คนอยู่นิ่งได้ขนาดนั้น ขับรถมาเรื่อยๆก่อนจะถึงสถานที่นัดสัมภาษณ์  มินโฮจับเข็มขัดนิรภัยก่อนจะมองออกไปเมื่อเห็นว่าเป็นร้านขายของเล่น นัยน์ตาคมแพรวพราวออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

ความจริงที่นี่ไม่ใช่สถานที่นัดสัมภาษณ์ในคราวแรก แต่เพราะอีซึงฮุนรู้ว่าอีกฝ่ายชอบที่จะสะสมของเล่นเลยขอเปลี่ยนเป็นที่นี่แทน  เผื่อจะได้ซื้อให้มินโฮสักตัวสองตัวท่าจะดี

“รออะไรมินโฮ ไป ลงไปกับผม”

“พี่ไปสัมภาษณ์ไม่ใช่หรอ ผมรออยู่ที่รถได้นะ”

“ตามินโฮมองของเล่นขนาดนี้แล้ว จะไม่ลงไปดูหน่อยหรอหืม ชอบไม่ใช่หรือไง” ยกยิ้มก่อนเอื้อมมือมาปลดเข็มขัดนิรภัยให้อีกฝ่าย แกล้งหยุดนิ่งๆก่อนมองมินโฮ ใบหน้าแดงขึ้นมาอย่างง่ายดายอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ซึงฮุนเลื่อนมือจากเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเปลี่ยนเป็นกุมใบหน้าเข้มแทน มินโฮมีเสน่ห์เกินกว่าซึงฮุนจะห้ามใจได้ กลิ่นหอมอ่อนๆลอยมายิ่งทำให้ซึงฮุนเผลอไม่รู้ตัว

“ผมขอนะมินโฮ”

ราวกับช่วงเวลาหยุดหมุน

มินโฮสบตากับซึงฮุน ใบหน้าที่แสดงออกถึงความจริงจังของอีซึงฮุน ความรู้สึกที่ออกมาทางสายตาทำให้มินโฮรับรู้ ปิดเปลือกตาลงก่อนที่ริมฝีปากบางจะทาบทับลงมาช้าๆ ซงมินโฮยอมรับด้วยความเต็มใจ

ปริ้น!!!

เสียงบีบแตรรถดังขึ้นจากท้องถนนทำให้มินโฮและซึงฮุนได้สติ  ซึงฮุนละออกด้วยความเสียดาย ส่วยมินโฮค่อยๆปล่อยมือที่เกาะไหล่อีกฝ่ายแน่นออก ความเขินอายแล่นริ้วขึ้นมาจนซึงฮุนอดยิ้มไม่ได้กับท่าทีนั้น

“มินโฮ”

“ห๊ะ หือ”

“ถ้ารู้สึกดี จะต่อก็ได้นะ”

“พอเลยเหอะ”มินโฮตีแขนซึงฮุนเบาๆ หลุดขำก่อนจะแกล้งร้องโอดโอยและเปิดประตูรถ รออีกฝ่ายลงมาก่อนจะเดินเข้าร้านไปพร้อมกัน ซึงฮุนทักทายทีมสัมภาษณ์ก่อนที่ทีมงานจะดึงตัวไปพูดคุยชี้แจงเพิ่มเติม มินโฮมองความวุ่นวายนั้นก่อนที่จะเลือกเดินเข้าไปโซนอื่นแทน

พิจารณาดูของเล่นก่อนที่ริมฝีปากหยักจะเผลอนึกถึงเรื่องเมื่อครู่  ยกยิ้มออกมาขณะที่ใบหน้าร้อนผ่าว สัมผัสนุ่มหยุ่นยังติดตรึงอยู่ที่ริมฝีปาก  ความมั่นใจในสิ่งที่ตนเองคิดไว้เริ่มมีมากขึ้นในคราแรก

อีซึงฮุนมีความรู้สึกดีๆให้แก่ซงมินโฮ

ไม่ต่างจากมินโฮเองที่มีให้แก่ซึงฮุนเช่นกัน


ผ่านไปร่วมชั่วโมง มินโฮจึงเดินออกมา มองไปทางซึงฮุนก่อนที่อีกฝ่ายจะหันกลับมาสบตากับตนเองพอดี ซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะยกมือเป็นเชิงเรียกมินโฮให้เดินเข้าไปหา

“เสร็จแล้วหล่ะ เหลือไปถ่ายแบบอีกงานหนึ่ง เดี๋ยวเราไปกันเลยเถอะ”

“นี่พี่เป็นดาราหรือไง”

“เปล่า” ซึงฮุนยกยิ้ม “เป็นคนที่หน้าตาดีมากๆเฉยๆ”

“เหอะๆๆๆ หลงตัวเองจริง” พูดเสียงขึ้นจมูกก่อนจะหัวเราะออกมา ถึงซึงฮุนจะพูดเหมือนหลงตัวเองไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงที่ว่าอีซึงฮุนเป็นคนที่หน้าตาดีมากคนหนึ่งเหมือนกัน

ซึงฮุนพามินโฮแวะหาอะไรทานที่ร้านสะดวกซื้อก่อนจะขับรถตรงไปยังสตูดิโอที่นัดถ่ายแบบ เมื่อถึงที่หมายซึงฮุนพาแนะนำกับทีมงานไปทั่ว มินโฮรับรู้ทีหลังว่าเป็นการถ่ายภาพเชิงแฟชั่น ยิ้มแหยๆเมื่อมีคนบอกว่าหน้าตาเหมาะกับเป็นนายแบบ โดนคนดึงไปที่ห้องห้องหนึ่งก่อนจะโดนละเลงอะไรก็ไม่รู้ลงบนใบหน้า ร้อยวันพันปีมินโฮไม่เคยแต่งเครื่องสำอางค์แบบนี้หรอก รู้สึกแปลกๆเพราะต่างมีแต่คนชมไม่ขาดปาก ยุ่มย่ามทั้งใบหน้า ทรงผม จนกระทั่งเรียบร้อยหมด ทุกคนต่างพูดว่าดูดี

ซึงฮุนที่ยืนกอดอกอยู่ที่มุมห้องมองมาก่อนจะยกยิ้ม นึกหวงคนตรงหน้าหน่อยๆที่มีแต่คนรุมตอมขนาดนั้น คิดในใจทดไว้ว่าจะให้ถ่ายแค่งานเดียว จะว่าซึงฮุนหวงอีกฝ่ายคงไม่ผิด เพราะมินโฮเล่นแต่งหน้าทำผมออกมาแล้วดูดีเสียขนาดนั้น แต่ไม่ว่ามินโฮจะเป็นอย่างไงซึงฮุนก็ตกหลุมรักหมดอยู่ดี

“มินโฮอา มานี่ เดียวผมจะพาไปแต่งตัว”ดึงอีกฝ่ายออกจากวงล้อมสไตล์ลิสก่อนจะลากมาห้องแต่งตัวเงียบๆ ไม่มีบทสนทนาอะไรมากมายเมื่อถึงที่

“พี่ซึงฮุน หึงผมหรอ”

มินโฮพูดออกมาแหย่อีกฝ่ายเล่น ก่อนที่ซึงฮุนจะหันกลับมาตอบเสียงเรียบ

“ก็หึงสิ คนที่ผมชอบมีแต่คนมารุมขนาดนั้น เป็นใครจะบ้าไม่หวงบ้าง”

มินโฮหน้าแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่เมื่ออีกฝ่ายพูดจาออกมาตรงเผง ซึงฮุนเดินเข้ามาใกล้ก่อนส่งชุดถ่ายแบบให้

“ผมสาบานเลยว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเอามินโฮมาถ่ายแบบด้วย ผมหวงมากเข้าใจไหม”

“ทำตัวเป็นเด็กไปได้” มินโฮอ้าปากค้างกับความคิดนั้น ส่ายหัวก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนชุด ซึงฮุนยืนดูนิ่งๆจนมินโฮเขินออกมาอีกครั้ง “มองอะไร ผมจะเปลี่ยนกางเกง ออกไปดิ”

“ไม่ออก ผมไม่ออกไป เพิ่งรู้ว่ามินโฮสักด้วย สวยดีนะ เหมาะกับมินโฮดี” เอ่ยชมทั้งๆที่หัวใจเต้นแรง เลือดสูบฉีดกับภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้าง ถอดออกทั้งๆที่สายตามินโฮก็มองมา มินโฮรีบเบือนหน้าหนีเพราะอายจัด เปลี่ยนกันไปเงียบๆโดยที่มินโฮพยายามหลบซึงฮุนให้มากที่สุด

“วันนี้ผมให้มินโฮถ่ายคู่กับผม ไม่ต้องเกร็งนะ อยู่ข้างๆผมก็พอ” ซึงฮุนเอ่ยก่อนจะเดินออกไป มือจับที่มินโฮแนบแน่นเป็นเชิงให้เชื่อใจ มินโฮลอบยิ้มก่อนจะกระชับมือกลับ

การถ่ายแบบเริ่มไปลำบากในคราแรก ก่อนที่มินโฮจะเริ่มปรับตัวได้ การถ่ายแบบดำเนินไปได้ด้วยดี กว่าทุกอย่างจะเสร็จก็ปาไปเกือบสี่ทุ่มเสียแล้ว ซึงฮุนขอบคุณทางทีมงานก่อนจะพามินโฮไปเปลี่ยนชุดและพาไปหาอะไรทานกัน

“มินโฮ เดียววันนี้ไปพักกับผมไหม ดึกแล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอก เดียวผมขึ้นรถเมล์กลับ...”

“นะครับ มินโฮอา” ซึงฮุนมองมาก่อนจะกุมมือแผ่วเบา

สุดท้ายมินโฮก็ใจอ่อนอีกครั้ง

“ครั้งเดียวนะพี่ซึงฮุน”

“น่า  พี่มีอะไรเซอร์ไพรซ์มินโฮด้วย”

ซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะพามินโฮไปที่บ้านใหญ่ ขับรถเข้ารั้วบ้านก่อนที่มินโฮจะอ้าปากค้างเมื่อเห็นความใหญ่โตของบ้าน รู้สึกประหม่าเมื่อซึงฮุนพาเข้ามาข้างใน ซึงฮุนกุมมือบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะเดินไปที่ห้องพักผ่อน มินโฮเกร็งเมื่อเจอกับบุคคลตรงหน้า

“มินโฮ ทักทายสองคนนี้หน่อย ท่านคือพ่อกับแม่พี่เอง”

“สะ...สวัสดีครับ”

“พ่อฮะ แม่ฮะ นี่คนที่ผมกำลังจีบอยู่ นี่พามาเปิดตัวตามที่ขอแล้วนะ”

พ่อและแม่ของซึงฮุนยกยิ้ม ตอบรับไหว้ก่อนจะหัวเราะสีหน้ามินโฮที่เหวอหนักกับการแนะนำตัวของซึงฮุน ท่าทางตอบรับดีมากของคนในครอบครัวทำให้ซึงฮุนหมดกังวลใจ เพราะเขาเองกลัวว่าคนทางบ้านจะไม่ยอมรับมากกว่า

ทีนี้ก็เหลือแค่คนข้างกายเขาแล้วหล่ะ

ซึงฮุนลาพ่อและแม่ก่อนจะลากมินโฮที่ดูท่าทางสติหลุดไปชั่วคราวมาที่ห้องพักตัวเอง  ล็อคประตูเพื่อไม่ให้มีใครมารบกวนก่อนจะสวมกอดอีกฝ่ายแผ่วเบา

“มินโฮอา”

“พะ...พี่”

“เป็นแฟนกับพี่นะครับ”

มินโฮเด้งตัวออกจากซึงฮุน ปากอ้าพะงาบๆเหมือนหาน้ำเสียงมาพูดไม่ออก ซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบสิ่งส่งหนึ่งมา

มันคือไดอารี่

“เปิดดูนะ ถ้าตกลงก็ค่อยเดินมาหาพี่ก็ได้”

ซึงฮุนยืนยันคำเดิมว่าเขาจะให้เกียรติการตัดสินใจอีกฝ่าย  มินโฮที่ดูจะสับสนเปิดสมุดเล่มนั้นดูก่อนจะต้องนิ่ง

ในนั่นมีภาพถ่าย เป็นภาพมุมเผลอในบาร์ที่เขาทำงาน มีวันที่กำกับและประโยคบรรยายสั้นๆ
-วันแรกที่ได้เจอกัน xx/xx/xx-

มินโฮเปิดไปเรื่อยๆ มีทั้งกระดาษที่เขาเขียนคาทกให้ รูปถ่ายตอนที่นัดเจอกันแต่ละครั้ง สิ่งที่เขาชอบหรือไม่ชอบ ข้อความที่คุยกัน

มินโฮเปิดมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าสุดท้าย

ข้อความสั้นๆที่ทำให้มินโฮยิ้มออกมา

-FOREVER-

“พี่นี่มันจริงๆเลย ให้ตายเหอะ” มินโฮเดินไปหาอีกฝ่ายก่อนจะกอดซึงฮุนแน่น ซึงฮุนยกยิ้มก่อนจะกอดตอบ

“พี่รักมินโฮนะ สรุปตกลงไหมหืม”

“เดินมาขนาดนี้ไม่น่าถามแล้วเถอะ” มินโฮยู่ปากก่อนที่ซึงฮุนจะยกยิ้มอีกครั้ง มือกุมกันแผ่วเบาเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นกันและกัน




It’s nice
when someone remembers small details about you.

มันดีมากเลยนะ

เวลาบางคนจำอะไรเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับคุณได้.